บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 912 ค่อยๆชัดเจน
หลังจากออกมาจากพระตำหนักฉินคุน หยวนชิงหลิงไปยังตำหนักหวงกุ้ยเฟย
หวงกุ้ยเฟยสั่งคนเตรียมขนมหวานกับน้ำรสเปรี้ยว หยวนชิงหลิงชอบทานเปรี้ยว ทานเปรี้ยวได้ลูกชาย ทานเผ็ดได้ลูกสาว ในใจหวงกุ้ยเฟยคิดว่าครั้งนี้นางยังคงตั้งครรภ์ได้ลูกชาย
“แม่นมฉิน เช้านี้มาคุกเข่าอยู่นอกตำหนักของข้า บอกว่าอยากออกจากวังไปปรนนิบัติรับใช้เจ้าเก้า ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้ ข้ามีความรู้สึกผิดปกติ จึงยังไม่ได้รับปาก อยากถามเจ้าก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
“จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงอึ้ง นี่เปลี่ยนไปค่อนข้างเร็วไปไหม?
“ใช่ คุกเข่าอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ข้าสั่งคนใช้ให้เขากลับไปรอ” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “เช่นนี้หรือ ใช่ ท่านแม่ ช่วงนี้ในวังมีคำร่ำลืออะไรไหม? อย่างเช่นเกี่ยวกับหนานเจียง”
แม่นมข้างกายหวงกุ้ยเฟยพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท มีเพคะ ช่วงนี้ภายในวังมีคนพูดกันว่า ลูกสาวของอ๋องหนานเจียงอยู่ในเมืองหลวง คนในวังที่ออกไปทำธุระข้างนอกได้ยินมา แล้วก็พูดกันไปทั่วทั้งวัง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสนุกจริงๆแล้ว”
“สนุก? แม่นมฉินคนนั้น น่าเบื่อมาก” หวงกุ้ยเฟยคว้าเมล็ดแตงให้นางหนึ่งกำมือ พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
หยวนชิงหลิงมองดูหวงกุ้ยเฟย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยากเจอนางอีก”
หวงกุ้ยเฟยรับคำ โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “สั่งคนไปตามนางมา เจ้าจะได้ถามอย่างละเอียด”
หยวนชิงหลิงพูดห้ามไว้ว่า “ไม่ ไม่รีบ พรุ่งนี้ค่อยตามมา พรุ่งนี้ข้าค่อยมา”
บางที ควรที่จะให้หมันเอ๋อได้เจอนาง ดูว่านางต้องการที่จะออกจากวังเพื่อใครกันแน่
หากเป็นเพราะหมันเอ๋อ พรุ่งนี้นางเห็นหมันเอ๋อ จะต้องแสดงอาการออกมาให้เห็น
เพื่อให้ได้เจอกันอย่างระมัดระวัง วันที่สองนางนัดหรงเยว่ พระชายาซุน ฮูหยินเหยา ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน ยังมีพระชายาอ๋องชินลุ่ย เข้าวังไปด้วยกัน ให้หมันเอ๋อแต่งตัว ติดตามระหว่างหรงเยว่กับฮูหยินใหญ่
อำนาจเรียกร้องของหยวนชิงหลิง ก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก เพียงแค่สั่งคนส่งบัตรเชิญไป ก็ล้วนตอบรับทั้งหมด ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน กับพระชายาอ๋องชินลุ่ย ต่างตกลงที่จะเข้าวังไปด้วย
หมันเอ๋อไม่รู้เรื่องอะไร ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งของพระชายารัชทายาท เข้าวังไปแล้วก็ติดตามอยู่ข้างกายหรงเยว่ตลอด
พวกผู้หญิงคุยกันอยู่สักพัก หยวนชิงหลิงก็พูดกับหวงกุ้ยเฟยว่า “ใช่ ก่อนหน้านี้ขอให้ท่านแม่ ช่วยหาคนดูแลบ้านให้กับจวนเจ้าเก้า หาได้แล้วหรือยัง? อาศัยตอนที่ทุกคนต่างก็อยู่ด้วย ตามมาให้ทุกคนช่วยกันดู”
หวงกุ้ยเฟยเข้าใจทันที จึงสั่งคนไปตามแม่นมฉินมา
สักพัก แม่นมฉินถูกเชิญมา ครั้งนี้ นางสวมเสื้อผ้าดูเรียบร้อยอย่างมาก ถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ดูสะอาดสุภาพ
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นมฉินใช่ไหม? เราเคยเจอกันแล้ว”
แม่นมฉินเดินมาถวายความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยถวายพระพรพระชายารัชทายาท”
“อืม ทักทายถวายพระพรทุกคนด้วย” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
แม่นมฉินเดินไปข้างหน้า ถวายพระพรพระชายาอ๋องชินลุ่ยก่อน จากนั้นไปหาฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน หลังจกนั้นก็เป็นหรงเยว่
หรงเยว่ก็ได้รับมอบหมายไว้ จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเงยหน้าขึ้นมา ให้ข้าดูหน่อย อายุขนาดเจ้า จะสามารถช่วยน้องเก้าดูแลจวนได้เป็นอย่างดีไหม?”
แม่นมฉินเงยหน้าขึ้น สายตามองดูหรงเยว่เหมือนดั่งหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อก่อนแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของหมันเอ๋อ
หยวนชิงหลิงมองดูนาง ร่างกายของนางดูแข็งทื่อไปสักพัก รูม่านตาขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นประกายแวววาว ถึงแม้ทุกอย่างจะกลับมาสงบอย่างรวดเร็ว แต่หยวนชิงหลิงมองเห็นริมฝีปากที่สั่นเทาของนาง มือทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนไม่รู้จะวางที่ไหน
ในใจของนางพอรู้แล้ว แม่นมฉินจะต้องรู้จักหมันเอ๋อแน่
แต่หมันเอ๋อมองดูแม่นมฉิน อย่างไม่มีอะไรผิดปกติ ท่าทีเหมือนไม่รู้จัก เพียงยืนอยู่ข้างหลังหรงเยว่อย่างสุภาพเรียบร้อย
“ข้าน้อย…ข้าน้อยจะทำงานให้กับอ๋องชุนเป็นอย่างดี” แม่นมฉินก้มหน้าลง ถวายทำความเคารพ กำมือประสานไว้แน่น คลายความตึงเครียด
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ที่ผ่านมาเจ้าเคยรับใช้ปรนนิบัติอ๋องชุน รู้นิสัยและสิ่งที่เขาชอบ งั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เจ้าออกจากวังไปเตรียมตัวก่อน รอเมื่อได้เข้าไปอยู่ในจวนแล้ว ยังจะต้องมีงานยุ่งอีกเยอะ”
“เพคะ ข้าน้อยขอบพระทัยพระชายารัชทายาท” แววตาแม่นมฉินค่อนข้างตื่นเต้น แต่พยายามระงับไว้
หยวนชิงหลิงยกแก้วน้ำชาขึ้น แล้วก็ถามขึ้นอย่างเรื่อยเปื่อยว่า “ใช่ ข้ายังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยถามเจ้า เจ้าบอกว่าไม่ยินยอมที่จะออกจากวัง ไปดูแลปรนนิบัติรับใช้อ๋องชุน ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนใจ?”
แม่นมฉินพูดขึ้นว่า “เรียนพระชายารัชทายาท ก่อนหน้านี้ใช่ว่าข้าน้อยไม่ยินยอม เพียงกลัวว่าตนเองไม่มีความสามารถ ดูแลปรนนิบัติรับใช้อ๋องชุนได้ไม่ดี แต่เมื่อกลับไปคิดดูอย่างดีแล้ว ที่ผ่านมากุ้ยผินดีกับข้าน้อยอย่างน้อย หากเมื่อข้าน้อยยังมีแรงอยู่ ก็ควรที่จะปรนนิบัติดูแลอ๋องชุนเป็นอย่างดีถึงจะถูก ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนใจ ขอพระชายารัชทายาทวางใจ ข้าน้อยจะช่วยดูแลจัดการงานทั้งภายในและภายนอกจวนให้อ๋องชุนเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้หวงกุ้ยเฟยกับพระชายารัชทายาทต้องผิดหวัง”
คำพูดเช่นนี้ ก็ดูไม่มีอารมณ์ขึ้นลงอะไร ดูเหมือนฝึกไว้ก่อนแต่แรกแล้ว
“อืม เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักทดแทนบุญคุณ ไม่เสียแรงที่ผ่านมากุ้ยผินทำดีต่อเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
แม่นมฉินย่อตัวทำความเคารพ แล้วก็ถอยออกไป ตอนที่ไปถึงประตูธรณี สายตาของนางเงยขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปยังใบหน้าของหมันเอ๋อ จากนั้นก็หันตัวเดินออกไป
สายตาที่มองดูครั้งสุดท้ายนั้น ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา หลังจากหันออกไปแล้ว ไหล่ค่อยๆหย่อนลง เหมือนโล่งใจไปทั้งตัว
อาศัยเพียงเท่านี้ หยวนชิงหลิงสามารถมั่นใจได้ว่า นางไม่ได้คิดร้ายต่อหมันเอ๋อ
ออกมาจากวัง หยวนชิงหลิงก็ตรงกลับมาที่จวน
หยู่เหวินเห้าก็เพิ่งกลับมา เชิญแม่ทัพหลอมาพูดคุยกัน หยวนชิงหลิงกลับมาพอดี หยู่เหวินเห้าจึงรีบเรียกนางเข้าไปฟังด้วยกัน
“ตอนนี้พูดขึ้นมา ก็ผ่านมาประมาณสิบปีแล้ว ตอนนั้นฝ่าบาท…ก็คือไท่ซ่างหวง กำลังโจมตีสำนักบัวแดงอย่างสุดกำลัง คนที่หลงเหลือสำนักบัวแดงหวนกลับมา ส่งคนหลายกลุ่มเขาวังมาลอบฆ่าไท่ซ่างหวง
คนพวกนี้เหมือนไม่กลัวตาย มาอย่างต่อเนื่อง มาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง มาคู่หนึ่งฆ่าคู่หนึ่ง ยังไงก็ไม่สามารถทำให้ตกใจกลัว มีครั้งหนึ่ง พวกเขาเกือบที่จะลงมือสำเร็จแล้ว ไท่ซ่างหวงถูกแทงบาดเจ็บสาหัส นอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียงกว่าครึ่งเดือนค่อยดีขึ้น
และก็เพราะเหตุนี้ ฉางกงกงจึงไม่ไว้หน้าอีก หากมีคนร้ายบุกเข้ามา จะไม่ไว้ชีวิต จะลงมือฆ่าทันที”
แม่ทัพหลอดื่มน้ำหนึ่งคำ หยู่เหวินเห้ากลับถามว่า “สำนักบัวแดง? ข้าเหมือนจะไม่เคยได้ยิน”
แม่ทัพหลอพูดขึ้นว่า “สำนักบัวแดงเริ่มแรกน่าจะอยู่ที่แคว้นต้าโจว พวกเขาผลิตยาขาย ยานี้ทานแล้วก็จะเสพติด ทำให้รู้สึกง่วง สติฟั่นเฟือน ดังนั้นหลังจากสำนักบัวแดงแพร่กระจายอยู่ในเป่ยถัง ไท่ซ่างหวงโจมตีทำลายล้างไปหลายสาขามากมาย จนพวกเขาไม่มีทางหนี
คนหนานเจียงสองคนนั้น ก็เข้ามาลอบฆ่าในขณะที่มีสถานการณ์เช่นนี้ ตอนนั้นฉางกงกงคิดว่าเป็นคนของสำนักบัวแดง จึงไม่ไว้ชีวิต หลังจากพบเห็นก็รีบลงมือฆ่าทันที ทำให้พวกเขาตายในที่เกิดเหตุทันที
หลังจากฆ่าแล้ว ข้าน้อยค่อยเริ่มตามสืบ พบว่าพวกเขาเพิ่งเข้าวังมาไม่นาน และก็เป็นการเข้ามาอย่างขันทีหลังจากบรรลุนิติภาวะแล้ว เพราะหลังจากเข้ามาแล้ว ไม่สามารถที่จะไปปรนนิบัติรับใช้ตามตำหนักต่างๆได้ในทันที ยังต้องเรียนกฎระเบียบ หลังจากเรียนกฎระเบียบแล้วก็จะถูกส่งไปทำงานหนัก อดทนสองสามปีสามสี่ปี เช่นนี้แล้วค่อยสามารถได้รับใช้เจ้านาย
พวกเขารอไม่ไหว ดังนั้นกลางดึกจึงแอบบุกเข้าพระตำหนักไท่ซ่างหวง หลังจากเกิดเรื่องแล้วค่อยรู้ว่าพวกเขาไม่ได้พกอาวุธ บนร่างกายก็ไม่มีสัญลักษณ์ของสำนักบัวแดง เ
มื่อดูรูปร่างหน้าตานั้นแล้ว ก็เหมือนคนหนานเจียงมากกว่า ตอนนั้นในวังรับทาสหนานเจียงมาจำนวนหนึ่ง จึงสงสัยว่าน่าจะเข้ามาในตอนนั้น”
“ดังนั้น ที่จริงเมื่อพวกเขาตายแล้ว ก็ไม่รู้ว่าที่พวกเขากระทำลงไปเพราะสาเหตุใด” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
แม่ทัพหลอส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้จริงๆว่า คนก็ฆ่าไปแล้ว เคยไตร่สวนคนที่เขาวังมาพร้อมกับพวกเขา ก็ล้วนถามไม่ได้ความอะไรเลย สุดท้ายจึงทำได้เพียงปล่อยไป”
“อืม ใช่” จู่ๆแม่ทัพหลอก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า “ตอนนั้นตอนที่ไตร่สวนทาสหนานเจียง มีทาสหนานเจียงคนหนึ่งพูดว่า คนร้ายสองคนนี้เคยแอบคุยกันแล้วเขาได้ยินว่า ได้เคยพูดถึงอ๋องหนานเจียง”