บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 938 คลอดลูกสาว
ฮองเฮามาคุมด้วยตัวเองแบบนี้ ทำให้นางผดุงครรภ์กับหมอหลวงเริ่มลนลาน โดยเฉพาะนางสั่งให้คนบอกให้หยวนชิงหลิงไปหลายครั้งก็ไม่ไป ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่
ช่วงเย็น อ๋องฉีสั่งให้คนไปแจ้งกับเจ้าหญิงทั้งหลาย ให้พวกนางมาอยู่คุมด้วย โดยเพราะเจ้าหญิงเหวินจิ้งที่รู้ใจฮองเฮามาตลอด และสามารถโน้มน้าวฮองเฮาได้บ้าง ไม่เช่นนั้นนางก็จะเอาแต่ตำหนิเรื่องในจวน น่ารำคาญมาก
พอค่ำแล้ว มดลูกของหยวนหย่งอี้ก็เริ่มบีบตัวถี่มากขึ้น หยวนชิงหลิงให้คนทำอาหารให้นาง กินได้เท่าไรก็กินเท่านั้น รักษากำลังไว้
หยวนหย่งอี้เป็นคนฝึกยุทธ์ ตอนตั้งครรภ์ใหม่ๆ ทรมานอยู่หลายเดือน แต่ระยะหลังค่อยๆ บำรุงกลับคืนมา ดังนั้นความเจ็บปวดจากการบีบตัวของมดลูกนี้ สำหรับนางไม่ใช่ว่าอดทนไม่ได้
ประมาณช่วงสามถึงห้าทุ่มก็เข้าสู่ภาวะใกล้คลอด ฮองเฮาอยู่ห้องด้านนอกสั่งการเสียงเข้ม เดิมอ๋องฉีรออยู่ข้างๆ ก็เป็นห่วงร้อนรนมากอยู่แล้ว พอได้ยินนางจู้จี้จุกจิกอีกก็แทบอยากอุดปากนางซะ
เริ่มแรกหยวนหย่งอี้กลั้นเสียงเอาไว้ เพราะหยวนชิงหลิงให้นางเก็บแรงตะโกนไว้ข้างใน แต่เมื่อการบีบตัวของมดลูกโจมตีมาระลอกแล้วระลอกเล่า เด็กใกล้จะออกมาดูโลก นางก็กลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดไม่ไหวอีก
อ๋องฉีใจตุ้มๆ ต่อมๆ “สวรรค์ สวรรค์ โปรดคุ้มครองให้ปลอดภัยด้วยเถิด”
ฮองเฮาเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “ผู้หญิงก็…”
“หุบปาก!” ด้วยความร้อนรุ่ม พอเห็นนางจะเอ่ยปากพูด อ๋องฉีก็พลั้งทำหน้าเข้มตะคอกออกไป
ฮองเฮาตะลึงงัน “เจ้าว่าอะไรนะ?!”
เมื่อนั้นเจ้าหญิงเหวินจิ้งก็รีบพูดอยู่ข้างๆ “เสด็จแม่ เขากำลังร้อนใจน่ะเพคะ เป็นคนพ่อครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ ยังจำได้ ตอนที่ท่านคลอดหม่อมฉัน เสด็จพ่อก็ร้อนใจว้าวุ่นอยู่ด้านนอกไม่ใช่หรือเพคะ? ท่านยังเคยเล่าให้หม่อมฉันฟังอยู่เลย”
“ก็นั่นนะสิ! เป็นพ่อครั้งแรกก็อย่างนี้แหละเพคะ!” ครั้งแล้วเจ้าหญิงทั้งหลายก็พูดแทรกกันขึ้นมา ทำจนฮองเฮาพูดไม่ออก
ภายในห้องราบรื่นมาก อย่างไรก็เป็นคนฝึกยุทธ์ ถึงจะทรมานอยู่บ้าง แต่ออกแรงไม่กี่ครั้ง เด็กก็ไหลออกมาแล้ว พอนางผดุงครรภ์รับเด็กทารก เด็กก็ส่งเสียงร้องไห้แรกที่มาสู่โลก
“คลอดแล้ว คลอดแล้ว!” อ๋องฉีดีใจมาก แทบกระโดดโลดเต้น ตะโกนเข้าข้างใน “พี่สะใภ้ห้าๆ อี้เอ๋อเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นไร นางสบายดี!” หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มตอบรับไป หยิบผ้าขนหนูเช็ดน้ำเหงื่อที่หน้าผากหยวนหย่งอี้ พูดชมเชย “เจ้าเก่งมาก! เป็นแม่คนแล้วนะ!”
หยวนหย่งอี้ดีใจจนน้ำตาไหล ให้นางผดุงครรภ์อุ้มเด็กมาให้นางดู
แต่ยังไม่ทันได้อุ้มมา เสียงของฮองเฮาก็ดังขึ้น “เป็นท่านชายหรือเปล่า?”
นางผดุงครรภ์ให้หยวนหย่งอี้ได้เห็นลูกน้อยก่อน แล้วค่อยพูดกับด้านนอก “ยินดีกับท่านอ๋องด้วยเพคะ เป็นจวิ้นจู่!”
“ดี! ดีมาก!” อ๋องฉีดีใจจนแทบร้องไห้ อยากผลักประตูเข้าไปแต่ถูกเจ้าหญิงเหวินจิ้งห้ามไว้เสียก่อน “อย่าเพิ่งรีบเข้าไป รอซักเดี๋ยว”
ทว่าสีหน้าฮองเฮากลับขมึงตึงไปทันที “ท่านหญิง?”
นางลุกขึ้นยืนพรวด พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ได้เรื่อง! เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป ไว้กลับไปแล้วข้าจะจัดการเรื่องชายารองให้เจ้าเอง!”
คำพูดนี้เห็นชัดว่าพูดให้หยวนหย่งอี้ฟัง ดังนั้นจึงเสียงดังมาก นางผิดหวัง หากท้องนี้เป็นลูกชาย นั่นเป็นหลานสายหลักของฮ่องเต้เชียวนะ ฐานะสูงส่งหาที่เปรียบ แต่คิดไม่ถึงว่าจะคลอดลูกสาว นางยังถึงกับรู้สึกว่าที่พยายามมาทั้งหมดนั้นเสียเวลา เป็นความผิดพลาด
“เสด็จแม่!” พออ๋องฉีได้ยินแล้วก็โกรธจัด “ทำไมตรัสเช่นนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ? เกินไปแล้ว!”
“เกินไป?” เดิมจิตใจฮองเฮาก็ราวกับอยู่ในห้องเย็นอยู่แล้ว พอได้ยินอ๋องฉีตะคอกใส่ต่อหน้าเจ้าหญิงทั้งหลายแล้วก็ยิ่งเหมือนราดน้ำมันในกองเพลิง ตบหน้าอ๋องฉีไปโดยพลัน
“บังอาจ! พูดแบบนี้กับข้าเหรอ? ใครมีลูกสาวไม่ได้บ้าง? มีลูกสาวแล้วมีประโยชน์อะไร? ไม่ใช่แค่เศษขยะเท่านั้นเหรอ? หากนางคลอดลูกชายให้เจ้า อย่างนั้นก็เป็นหลานสายตรงของราชวงศ์ คลอดลูกสาว ราชวงศ์ขาดลูกสาวเหรอ?”
“หม่อมฉันขาด!” อ๋องฉีโมโหจนสำลัก หมุนตัวผลักประตูเข้าไป
หยวนหย่งอี้ได้ยินคำพูดพวกนี้จากด้านใน โมโหจนจับสั่น น้ำตากลิ้งกลอกอยู่ข้างใน นางรับกับการข่มเหงได้ ด่านางก็ไม่เป็นไร แต่นางไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก
ลูกสาวของนางเพิ่งลืมตาดูโลกก็ถูกย่าแท้ๆ รังเกียจแล้ว นางเก็บกดอารมณ์เกรี้ยวอยู่ในใจ เมื่อเห็นอ๋องฉีเข้ามาน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา
อ๋องฉีกอดนาง นัยน์ตาเจ็บปวด “ข้าขอโทษ เจ้าไม่ต้องสนใจว่านางจะพูดอะไร ข้าจะไม่แต่งชายารอง ไม่เอาอนุ ลูกสาวก็ดี ลูกชายก็ช่าง ข้ารักทั้งนั้น”
“เจ้าเจ็ด พวกเราถูกข่มเหงอย่างนี้ได้ แต่ลูกไม่ได้!” หยวนหย่งอี้สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็อุ้มเด็กน้อยที่อยู่ข้างเตียงแล้ว มองเขา “เจ้าไปเตรียมรถม้า ส่งข้ากลับบ้านเดิม!”
“อะไรนะ?!” อ๋องฉีตะลึงพรึงเพริด “ตอนนี้เจ้าจะไปยังไง?!”
หยวนหย่งอี้เอ่ย “ข้าตัดสินใจแล้ว ถ้าเจ้าไม่ส่งข้า ข้าจะอุ้มลูกเดินกลับไปเอง หากวันนี้ไม่ไป เรื่องอย่างวันนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข้าจะไม่ให้ลูกต้องรับกับการกดขี่แม้แต่น้อย เจ้าเป็นลูกนาง ข้าแต่งกับเจ้า รับอารมณ์นางเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ข้าเป็นคนคลอดลูก ใครก็รังแกไม่ได้!
หยวนชิงหลิงฟังความหมายในคำพูดออก วันนี้คลอดลูก หากกลับบ้านเดิมก็เท่ากับทำเรื่องให้ใหญ่โต ทางตระกูลหยวนจะยอมง่ายๆ ไม่ไปร้องเรียนต่อหน้าพระพักตร์กับโสวฝู่ฉู่หรือ?
การทำแบบนี้ แม้จะทำให้ฮองเฮาตกที่นั่งลำบากอยู่บ้าง แต่…หากพูดอย่างไม่เกรงใจ ระยะนี้นางเหมือนหมาบ้าไปทุกที ต้องขังให้สำนึกผิดบ้าง
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสสำหรับนาง ไม่เช่นนั้นหากเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เสด็จพ่อโกรธเมื่อไหร่ หากส่งเข้าตำหนักเย็นจะแย่ยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงลุกขึ้นมาสนับสนุนเป็นคนแรก “ได้ กลับเถอะ พรุ่งนี้อะซี่แต่งงานเจ้าจะได้เห็นอะซี่แต่งงานด้วย”
อ๋องฉียังงุนงงอยู่ “พี่สะใภ้ห้า ท่านพูดแบบนี้ได้ยังไง?”
“ไม่งั้นก็ไม่จบ น้องเจ็ด เชื่อข้าเถอะ นางไม่เป็นไรหรอก เจ้าไปเตรียมรถม้า รักษาความอบอุ่นให้ดี เข้าห้องแล้วก็นอนอยู่เดือน” หยวนชิงหลิงกล่าว
อ๋องฉีพลันกระจ่าง มองดวงตาที่มีน้ำตาคลอของหยวนหย่งอี้ แล้วมองลูกสาวตัวกลมชมพูที่เพิ่งลืมตาดูโลก ครั้นแล้วหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้เป็นสามีและพ่อก็พลันเกิด พยักหน้าไป “ได้!”
ฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อกลับวังไปแล้ว ไม่รู้ว่าหยวนหย่งอี้กลับบ้านเดิม ตอนที่นางกลับยังพาคนที่ส่งมากลับไปหมดด้วย
เจ้าหญิงเหวินจิ้งตามไปตลอดทาง พูดเตือนอยู่บนเกี้ยว “เสด็จแม่ ท่านทราบหรือไม่เพคะ? วันนี้ท่านทำแบบนี้จะให้ทำให้น้องเจ็ดกับชายาต้องเสียใจนะเพคะ ทำให้หลานสาวท่านเสียใจด้วย”
“เสียใจ แล้วข้าไม่เสียใจเหรอ?” ฮองเฮาร้องไห้ ความเจ็บปวดรวดร้าวเต็มอก “ตั้งตารอแล้วรอเล่า หวังว่านางจะให้กำเนิดลูกชาย เช่นนั้นก็จะทำลายคำสาปที่นอกจากรัชทายาทแล้ว อ๋องคนอื่นๆ ในราชวงศ์จะไม่มีลูกชาย นั่นหลานสายหลักเชียวนะ เสด็จพ่อของเจ้าจะได้เปลี่ยนสายตามองข้าใหม่ ไม่ดูแคลนเยี่ยงนี้!”
“ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจนะเพคะ? เสด็จพ่อไม่ได้ดูแคลนท่าน แต่ทรงผิดหวังกับเรื่องที่ท่านทำต่างหาก วันนี้มีคนมากมายอยู่ในจวนอ๋องฉี ท่านกลับวางมาดเช่นนี้ นี่ราวกับแม่สามีร้ายชาวบ้าน เลยนะเพคะ เสด็จพ่อต้องกริ้วแน่”
ฮองเฮาว้าวุ่นใจมาก ทั้งผิดหวังสุดขั้ว แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็ยังเห็นต่าง “เสด็จพ่อเจ้าก็ต้องไม่ดีใจเหมือนกัน ข้ารู้ว่าเขาก็รอคอยจะได้มีหลายชายอีกสักคน เฮ้อ ดีที่วันนี้เห็นท้องของหยวนชิงหลิงอย่างกับตะกร้ากลม น่าจะเป็นลูกสาว ถ้านางมีลูกชายอีกไม่ต้องทะยานขึ้นฟ้าหรือยังไง?”