บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 940 ฮ่องเต้ไปงานแต่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเก็บกระดานหมากรุก ดื่มชาแล้วพูดเรียบๆ “ความคิดที่จะปลดฮองเฮาคงวนเวียนอยู่ในหัวโสวฝู่มาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว เขาคงมีความคิดนี้ตั้งแต่เรื่องของเสียนเฟยแล้วล่ะ
แต่…อย่างไรก็เป็นลูกสาวของตัวเอง ยังอยากให้โอกาสนางอีกสักครั้ง แต่น่าเสียดาย ฮองเฮาไม่รู้จักรักษา คิดว่าแผ่นดินของข้ายังต้องพึ่งพาตระกูลฉู่ หารู้ไม่ว่าตระกูลฉู่ไม่เคยคิดเอาแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของตระกูลหยู่เหวิน ในใจของขุนนางเก่าพวกนี้ แผ่นดินนี้ก็คือแผ่นดินที่พวกเขาร่วมต่อสู้มาด้วยกัน
ทั้งหมดของทั้งหมดก็เพื่อเปิดทางให้แผ่นดิน พวกเขายังถึงกับใส่ใจมากกว่าข้า ลองข้าไม่เข้าประชุมสิ เขากับราชครูได้พูดจนข้าหูชาแน่”
เหลิ่งจิ้งเหยียนขำเล็กน้อย แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่พูดว่าจะปลดหรือไม่
หลังจากพูดคุยอยู่พักหนึ่ง เหลิ่งจิ้งเหยียนก็ลุกขึ้นทูลลา “กระหม่อมต้องรีบไปร่วมสนุกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้จวนอ๋องฉู่มีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหลุบตาลง เขาครองแผ่นดิน ความศิวิไลซ์แดนมนุษย์กลับไม่เคยได้ข้องแวะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงชอบฟังฮู่เฟยเล่าเรื่องในชนบทพวกนั้น
เมื่อก่อนยังอยู่สงบนิ่งได้ แต่วันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงลุกลี้ลุกลนนัก
ดื่มชาอยู่พักหนึ่งแล้วก็โยนฎีกาไปอีกทาง สั่งเสียงเข้ม “เตรียมเกี้ยวไปจวนอ๋องฉู่!”
ก่อนสวีอีจะได้เลื่อนตำแหน่งมีเงินทอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้แต่งงาน
เริ่มแรกเข้าไม่ค่อยชอบอะซี่เท่าไหร่ เพราะนางมักทำใหญ่ข่มเหงผู้คน แล้วยังชอบไม่ไว้หน้าเขาอีก
แต่ตอนหลังกลับพบว่านางไม่ถือตัวเลย ไม่วางมาดคุณหนูแม่ทัพ ทั้งในหมู่หญิงสาวก็มีวรยุทธ์ไม่เลวอีก
แน่นอน เขาไม่เคยคิดว่าจะขออะซี่แต่งงานได้ ยิ่งไม่เคยคิดว่างานแต่งของเขาจะได้จัดในจวนอ๋องฉู่ มีแขกเหรื่อมากมายที่มาเพราะองค์รัชทายาทอีก
และเขาก็ไม่เคยคิด ว่างานแต่งของเขาจะมีผู้ใหญ่ที่ใหญ่เทียมฟ้ามาอีกคน
เพิ่งรับตัวเจ้าสาวมา ยังไม่ทันได้ไหว้ฟ้าดินก็ได้ยินข้างนอกประกาศเสียงดังว่า “ฝ่าบาทเสด็จ!”
สวีอีที่สวมชุดมงคลสีแดงขาอ่อนระทวย กระโจนเข้าไปคุกเข่ากับพื้น ตกใจสุดขีด
ส่วนแขกเหรื่อที่มาร่วมงานยังคิดว่าตัวเองหูเพี้ยน ฮ่องเต้จะมาได้ยังไง? ฮ่องเต้จะมาร่วมงานแต่งงานของขุนพลไร้ยศจริงได้อย่างไร?
“เสด็จปู่!” แฝดสามวิ่งเข้าไปรับเสด็จ ด้านหลังมีหมาป่าหิมะวิ่งตามอีกสามตัว วิ่งกันจนสั่นสะเทือนไปหมด
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะชอบใจ ย่อตัวลงอุ้มหลานชายที่มาด้วยความรวดเร็ว แล้วมองคนที่อยู่ด้านหลังรีบคุกเข่าลงคารวะ หักนิ้วแล้วถามเอาใจเด็กๆ “อยากฟังเสียงประทัดไหม?”
“พ่ะย่ะค่ะ!” แฝดสามชอบที่สุดก็คือเห็นประทัดบินว่อนเต็มไปหมด แตกออกเป็นสีแดงเต็มพื้น
หยู่เหวินเห้าอมยิ้มเดินขึ้นหน้า แล้วยื่นก้านธูป “เสด็จพ่อ เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
ที่ประตูบ้านแขวนประทัดไว้สองสาย ฮ่องเต้หมิงหยวนรับก้านธูปมาแล้วจุดชนวน ทุกคนรีบถอยหลังเอามือปิดหู จากนั้นก็ได้ยินเสียงประทัดดังกึกก้อง เสียงนั้นดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน หมาป่าหิมะวิ่งพล่าน ชอบใจกันใหญ่
“เสียงประทัดดัง เงินทองหลั่งไหลเทมา” ฮ่องเต้หมิงหยวนมองคู่บ่าวสาวที่ประคองกันออกมา “แม่ทัพสวี ข้าขอให้พวกเจ้ารักกัน อยู่กันจนแก่เฒ่านะ”
สวีอีถลาลงคุกเข่าอีก ตื้นตันจนแทบร้องไห้ “กระหม่อมรับบัญชา กระหม่อม…ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนอมยิ้มมองเขา “อื่อ ลุกขึ้นเถอะ ไหว้ฟ้าดินหรือยัง?”
“เพิ่งถึงฤกษ์ดี กำลังจะไหว้ฟ้าดินก็ทรงเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ” หยู่เหวินเห้าขึ้นหน้าพูด
เมื่อนั้นฮ่องเต้หมิงหยวนจึงผายมือออก “งั้นยังรออะไร? ไปไหว้ฟ้าดินเถอะ สวีอี ได้ยินว่าพ่อแม่เจ้าไม่มา งั้นก็พอดีเลย ข้าจะนั่งในตำแหน่งผู้ใหญ่ รับการคารวะจากเจ้าแล้วกัน!”
สวีอีแทบเป็นลมจับ
แม้มีบางคนอยากพูดว่าไม่เหมาะสม ตำแหน่งสวีอีไม่สูง ไม่อาจรับได้ ทว่าใต้ฟ้าล้วนเป็นประชาชนของฮ่องเต้ เขาเป็นบิดาแห่งหมู่พสกนิกรในเป่ยถัง
สวีอีที่เป็นเป็ดโชคดี มีดวงขี้หมาอะไรถึงได้แต่งกับบุตรีตระกูลหยวน ทั้งฮ่องเต้ยังเสด็จมางานแต่งด้วยองค์เองอีก เขาชักจะดังใหญ่แล้ว!
“ตระกูลสวีต้องคลั่งแน่” พระชายาซุนนั่งชมพิธี แอบกระซิบกับหรงเยว่ที่อยู่ข้างๆ
หรงเยว่พูดหน้าซื่อ “ไม่เป็นไร อยากได้ลูกชายก็ย่อมได้ คฤหาสน์พวกเขาก็รับผิดชอบสร้างแล้วกัน ที่ดินก็ต้องจ่าย”
“แบบนี้ก็ดีนะ อะซี่จะได้ไม่น้อยหน้า!” พระชายาซุนพูดด้วยความพอใจ
กวานหงส์และสายสะพายที่อะซี่สวมอยู่เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนจี๋พิ่น เก็บอย่างดียังเหมือนใหม่ เส้นไหมทองระยิบระยับรายล้อมภาพยวนยาง มุขจินดาลายสลักล้วนหรูหราหาใดเปรียบ
นางที่มีผ้าแดงคลุมอยู่ตื่นเต้นมาก แม้มือใหญ่ของสวีอีจะกุมไว้แต่ก็ยังสั่นระริก
ฮ่องเต้เสด็จมางานสมรสของนาง ไม่อยากจะเชื่อ!
พอไหว้ฟ้าดินส่งเข้าห้องหอแล้ว สวีอีก็เปิดผ้าแดงออก เมื่อเห็นอะซี่ที่งดงามจับตาแล้วก็มองจนตาค้าง หัวใจเต้นตุบตับๆ ชนิดพูดไม่ออกสักคำ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอะซี่จะงามถึงเพียงนี้
ด้วยการเตือนของชี่เหนียง (*เพื่อนเจ้าสาวที่ออกเรือนแล้ว) เขาถึงยื่นมือคล้องกับมือของอะซี่ นั่งลงแลกจอกดื่มสุรากัน
“อะซี่ พวกเราแต่งงานกันแล้ว” เขาประกาศอย่างเป็นจริงจัง
อะซี่หน้าแดง แต่ไหนมาฟ้าดินไม่หวั่นเกรง แต่วันนี้นางกลับเหมือนเจ้าสาวคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความหวังกับอนาคต และปรารถนาชีวิตคู่
หลังจากแลกจอกดื่มสุรากันแล้ว สวีอีต้องออกไปต้อนรับแขก ญาติเจ้าสาวก็เข้าห้องหออยู่พูดคุยกับเจ้าสาย คลายความตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงพาคู่สะใภ้เขาไปด้วยกัน หมันเอ๋อ ฉี่หลอกับลู่หยาก็ตามเข้ามาด้วย พวกนางน้ำตาคลอเบ้า เห็นชัดว่าวันนี้ดีใจมาก แต่ไม่รู้เพราะอะไรดวงตาถึงร้อนผ่าวขึ้นมา อารมณ์ตื่นเต้นในใจก็มีพรั่งพรู
หมันเอ๋อมอบของขวัญของตัวเอง นั่นเป็นหุ่นไม้แกะสลักรูปคนคู่หนึ่ง แกะเป็นรูปสวีอีจูงมือกับอะซี่
อะซี่ชอบมาก เห็นเป็นสมบัติล้ำค่า จากนั้นก็ลุกขึ้นกอดหมันเอ๋อ “อยากให้เจ้าได้แต่งงานเร็วๆ จังเลยนะ”
หมันเอ๋อยิ้มอย่างอายๆ “ข้าไม่แต่งงานหรอก ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนพระชายารัชทายาทตลอดชีวิต”
หยวนชิงหลิงถอนใจยาว มองหน้าตาหมันเอ๋อที่ราวกับหยก อะซี่ออกเรือนแล้ว หมันเอ๋อก็ต้องออกเรือนเช่นกัน และต่อไปฉี่หลอกับลู่หยาก็ด้วย สาวน้อยที่เคยเป็นตัวยุ่งพวกนี้ อย่างไรก็ต้องจากนางไปทีละคน
โดยเฉพาะหมันเอ๋อ ต่อไปต้องกลับหนานเจียง บ่าเล็กๆ ต้องหาบภาระแห่งสันติสุข เมื่อนั้นดวงตานางก็แดงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ฮูหยินเหยาหันไปมองนาง ดวงตาเกิดความประหลาดใจ “ทำไมจวนอ๋องฉู่เจ้านี่ทำซึ้งได้ทุกทีเลยนะ?”
แม้เป็นหญิงสามัญ แต่กลับเหมือนพี่น้องผองเพื่อน
หยวนชิงหลิงเช็ดมุมตา ยิ้มเอ่ย “วันนี้เจ้าอย่าได้พูดแทงใจข้าเลย ตอนนี้ข้าทั้งดีใจทั้งขมขื่น สาวๆ ของข้าจะได้แต่งออกไปทีละคนแล้ว”
“น่าอิจฉาเจ้าจริงๆ!” ฮูหยินเหยาพูดจากใจ
ทุกคนมองหยวนชิงหลิง รู้สึกซาบซึ้งใจด้วยเหมือนกัน งานมงคลนี่นะ มักให้คนทั้งดีใจทั้งสะท้อนใจ โดยเฉพาะกับหญิงที่ออกเรือนแล้ว
พระชายาซุนรู้สึกบรรยากาศเศร้านิดๆ จึงตบแขนฮูหยินเหยา หัวเราะถามอะซี่ “อะซี่ มีคนเคยสอนเจ้าว่าห้องหอต้องทำอะไรหรือไม่?”
อะซี่อายจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“พระชายาซุนเพคะ ห้องหอต้องทำอะไรหรือเพคะ?” หมันเอ๋อถามด้วยความอยากรู้
เมื่อทุกคนได้ยินที่หมันเอ๋อถามแล้ว ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ พระชายาซุนมองหยวนชิงหลิง “ดูท่า เรื่องบนเตียงของพวกเจ้าสองสามีภรรยาคงไม่เคยให้พวกนางเข้าไปปรนนิบัติสินะ”