บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 944 สองสามีภรรยาหยู่เหวินจุนที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน
เพื่อให้มีเวลาว่างในช่วงลาคลอด หยู่เหวินเห้าช่วงนี้ยุ่งราวกับบ้าคลั่ง และเร่งเร้าน้องเจ็ดอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน ให้เขาทำคดีที่สำคัญหลายคดีให้เสร็จสิ้นให้ได้ ยังมี ด้านการรักษาความสงบก็มีการกวาดล้างสองสามครั้ง ในวังได้เตรียมพร้อมการป้องกันอย่างแน่นหนา การรักษาความสงบย่อมเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
จะมีการสอบคัดเลือกขุนนางในฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า ฉะนั้นนักเรียนที่เข้าเมืองหลวงก็ค่อยๆมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในโรงเตี๊ยมต่างๆที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ส่วนมากจะมีนักเรียนที่เข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมสอบแข่งขัน
สำหรับการรักษาความสงบในหอคณิกา หยู่เหวินเห้าก็เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เพราะเขาพบว่าหอคณิกาเป็นแหล่งที่สามารถถูกใช้เป็นที่จับตาคราวข่าวง่ายที่สุด ฉะนั้น จึงขอให้มีราชโองการให้เหล่าขุนนางทั้งหลาย ไม่ให้เที่ยวหอคณิกา ผู้ขัดบัญชาต้องถูกไล่ออกจากตำแหน่ง
โสวฝู่ก่อตั้งที่ทำการปกครองตรวจสอบขึ้นมา ใช้สำหรับตรวจตราเหล่าขุนนางทุกแห่งว่ามีการกระทำขัดต่อกฎหรือไม่ เที่ยวหอคณิกาไม่ได้ แต่พวกที่หมกมุ่นเหลวแหลกจนเข้ากระดูกดำเหล่านั้น ย่อมต้องคิดหาวิธีไปเชิญหญิงสาวเหล่านั้นมาในจวน มีที่ทำการปกครองตรวจสอบ คนเหล่านี้ก็หมดหวังแล้ว
โสวฝูนั้นให้ความร่วมมือกับหยู่เหวินเห้า เพราะถ้าหากต้องการถอนรากถอนโคนอำนาจที่แฝงเข้ามา จะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งเมืองต้องโกลาหล ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่สามารถควบคุมคนของตัวเองได้กระมัง
ช่วงนี้มีคนเข้าออกจวนอ๋องฉู่ค่อนข้างมาก แต่ส่วนมากเป็นญาติในราชวงศ์ เป็นการมาเยี่ยมหยวนชิงหลิง เพราะดูเหมือนใกล้จะคลอดแล้ว มาเอาหน้าสักหน่อยก็ดี
วันนี้ ฮูหยินเหยากับหรงเยว่มาอยู่เป็นเพื่อนใจจวนอ๋องฉู่ ทั้งสองคนนี้ตอนนี้แทบจะมาทุกวัน เพราะเกรงว่าหยวนชิงหลิงจะมีเกิดการคลอดลูกอย่างกะทันหัน
สะใภ้ร่วมตระกูลทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่ในห้อง ก็ได้ยินคนเข้ามารายงาน ว่าสองสามีภรรยาอ๋องจี้มา
พอได้ยินรายงาน หรงเยว่ก็หันไปมองฮูหยินเหยาอย่างไม่ตั้งใจแวบหนึ่ง “สองสามีภรรยาอ๋องจี้”
ฮูหยินเหยาสีหน้านิ่งสงบ “หมายถึงอ๋องจี้กับฉู่หมิงหยาง”
หรงเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเขาจะมาทำไมกัน อีกอย่าง เป็นอ๋องจี้บ้าบออะไร เป็นองค์ชายใหญ่ไปแล้วมิใช่หรือ ยังมีตำแหน่งอ๋องอยู่อีกหรือ”
“แต่งตั้งเองกระมัง ส่วนเรื่องจะมาทำไม ไปถามดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ”
ฮูหยินเหยายิ้มเรียบๆและพูดขึ้นมา
หรงเยว่หัวเราะหึหึสองเสียง “ข้าไม่ยินดีจะเจอหรอกนะ”
สำหรับสถานการณ์ของพวกเขาสองคน หยวนชิงหลิงไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้หยินว่าลูกของฉู่หมิงหยางได้แท้งโดยธรรมชาติไปแล้ว จะเป็นการแท้งโดยธรรมชาติจริงหรือไม่ ไม่มีใครไปสืบสาวราวเรื่อง ใครยังจะไปสนใจเรื่องของพวกเขา และคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะพูดถึง
คนมาแล้ว หยวนชิงหลิงจะไม่พบก็ไม่ได้ เพราะเจ้าห้าไม่อยู่ในจวน อ๋องจี้ยังคงเป็นพี่ใหญ่
“ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ”แม่นางเหยาพูด
“เจ้าไป จะเหมาะสมหรือ”หยวนชิงหลิงงงงัน ไม่คิดว่าฮูหยินเหยายังอยากจะเห็นหน้าผู้ชายเลวทรามคนนั้น
ดวงตาของฮูหยินเหยาสดใส “ไม่มีอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ปล่อยวางไปนานแล้ว”
ตอนนี้ ก็แค่คนแปลกหน้าเท่านั้น
สองสามีภรรยาอ๋องจี้รออยู่ในห้องโถงใหญ่ ราวกับคิดไม่ถึงมาก่อนว่าฮูหยินเหยาก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉะนั้นตอนที่ทั้งสามคนเดินออกมา สีหน้าของสองสามีภรรยาอ๋องจี้มีแววประหลาดใจอยู่บ้าง
ไม่เจอกันตั้งนาน ฉู่หมิงหยางล้วนขึ้นมาบ้างเล็กน้อย อ๋องจี้แก่ตัวลงไปบ้าง นอกจากเรื่องเหล่านี้ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่าทีก็ดีใบหน้าก็ดี ยังคงทำให้รู้สึกรังเกียจเหมือนเดิม
ทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้หรูหราเหมือนแต่ก่อน แต่ว่า เครืองประดับอัญมณีต่างๆล้วนประโคมไปบนร่างเป็นกองใหญ่ รูปแบบดูเก่าอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็มีหลายชิ้น
หยวนชิงหลิงพูดตามมารยาทชั่วครู่ ก็เชื้อเชิญให้นั่ง
“ไม่ทราบว่าอ๋องจี้กับ……พระชายาจี้มานี่ มีเรื่องอะไรหรือไม่”หยวนชิงหลิงถามขึ้น ในเมื่อพวกเขาเรียกตัวเองว่าอ๋องจี้ เช่นนั้นก็ถือโอกาสแสดงน้ำใจโดยไม่ต้องออกแรงมาก
ไม่รู้ว่าเพราะมีฮูหยินเหยาอยู่ด้วยหรือเปล่า ฉะนั้นจึงทำให้หยู่เหวินจุนรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที อ้ำอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ก็ไม่พูดอะไรออกมา
กลับเป็นฉู่หมิงหยางที่ดวงตาเย็นชาลง พูดว่า “มีอะไรที่พูดไม่ได้ พวกเรามาเอาเงิน”
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง “มาเอาเงิน เอาเงินอะไร”
“เงินชดเชย”ฉู่หมิงหยางมองหยวนชิงหลิง ทำเสียงในลำคอหนึ่งเสียง “มีบางเรื่อง ในใจของทุกคนต่างรู้ดี เขาหยู่เหวินเห้าทำผิดต่อข้า อย่าคิดว่าจะจบเรื่องง่ายๆ เขาสมควรต้องชดเชยให้ข้า”
“เขาทำผิดต่อเจ้าตรงไหน”ตอนนี้หยวนชิงหลิงรู้สึกมึนงงขึ้นมาจริงๆ เรื่องนั้น ได้อธิบายจนชัดเจนไปนานแล้ว ฉู่หมิงหยางไม่ใช่คนที่โง่และหลอกตัวเองเช่นนั้น นางต้องเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแน่นอนว่าคนที่มีความสุขกับนางไม่ใช่เจ้าห้า
หยู่เหวินจุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง และไม่สนว่าจะมีฮูหยินเหยาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เงยหน้าขึ้นพูดออกมาตรงๆว่า “ลูกของนางแท้งแล้ว เจ้าห้าสมควรชดเชยให้กับนาง นั่นล้วนเป็นสิ่งชั่วร้ายที่เจ้าห้าก่อขึ้น อย่าคิดจะปฏิเสธ มีเหตุก็ต้องมีผล ข้าล้วนเข้าใจแจ่มแจ้ง เป็นเรื่องชั่วร้ายที่เจ้าห้าทำขึ้นมา”
หยวนชิงหลิงหันไปสบตากับฮูหยินเหยาแวบหนึ่ง ไม่ควรจะออกมาพบจริงๆ ปล่อยให้พวกเขาเน่าเปื่อยอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งก็ดีแล้ว
หยวนชิงหลิงถามออกไปว่า “พวกเจ้าอยากจะได้เท่าไหร่”
“หนึ่งแสนตำลึง”ทั้งสองคนพูดออกมาจากปากพร้อมกัน
“หนึ่งแสนตำลึง ทำไมไม่ไปปล้นเอาเล่า”หยวนชิงหลิงหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา
ฉู่หมิงหยางใช้สายตาเย็นชาเกลียดชังมองไปที่นาง “ถ้าหากเจ้ายังจะรักษาชื่อเสียงของรัชทายาทเอาไว้ รีบเอาเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา ไม่เช่นนั้นไม่เกินหนึ่งวัน ผู้คนทั้งถนนจะรู้และพูดกันว่าเขารังแกพี่สะใภ้ใหญ่ ถึงตอนนั้นชื่อเสียงเขาถูกทำลายจนป่นปี้ เงินหนึ่งล้านตำลึงก็ซื้อกลับมาไม่ได้”
“รังแกพี่สะใภ้ใหญ่”หยวนชิงหลิงหลุดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้าว่าพี่สะใภ้ใหญ่คือเจ้าหรือ เจ้าออกไปโพนทะนาเถอะ ดูสิว่าใครจะเชื่อเจ้า”
“เจ้า……”ฉู่หมิงหยางลุกขึ้นมาในทันที มองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาชั่วร้าย “เจ้าไม่ต้องมาทำทีพูดจาดีๆไม่ฟังต้องให้ใช้กำลังบังคับ ตอนนี้ข้าไม่กลัวจะทะเลาะกับใครทั้งนั้น คนที่ทำให้ข้าตั้งครรภ์ก็คือหยู่เหวินเห้า แม้เขาจะไม่ยอมรับ แต่สวรรค์มีตา มีคนเคยเห็นเขาอยู่กับข้า”
“จะใช่เจ้าห้าหรือไม่ ในใจเจ้ารู้ดี ถ้าหากพวกเจ้าไม่มีเงินใช้จ่าย ข้าสามารถมอบให้พวกเจ้าได้บางส่วน ”นางพูดขึ้น และเรียกแม่นมสี่เข้ามา พูดว่า “เจ้าไปที่ห้องบัญชีเบิกเงินออกมาสิบตำลึง เอาให้สองสามีภรรยาอ๋องจี้”
“เงินสิบตำลึง เจ้าไล่ขอทานหรืออย่างไร”หยู่เหวินจุนอยู่ในอารมณ์โมโห และไม่สนว่าจะมีฮูหยินเหยาอยู่ด้วย ชี้หน้าด่าหยวนชิงหลิง “เหมือนที่เจ้าพูดมา เจ้าห้าทำเรื่องอะไรไว้ เขาเองก็รู้ดีแก่ใจ เจ้าให้เขาออกมาพูด เขาจะหลบอยู่ทำไม ไม่กล้าออกมาพบหน้าข้าหรืออย่างไร วันนี้ถ้าหากไม่มีเงินหนึ่งแสนตำลึง ข้าก็ไม่ไปไหน”
ฉู่หมิงหยางพูดต่อทันทีว่า “อย่างคิดจะให้คนไล่พวกข้าออกไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของหยู่เหวินเห้า กล้าลงไม้ลงมือกับพวกข้า ข้าจะทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องฉู่ซะ”
ฮูหยินเหยาหลุดเสียงหัวเราะออกมา
“หญิงต่ำช้า เจ้าหัวเราะอะไร เจ้าได้ใจอะไรกัน”ความรู้สึกที่หยู่เหวินจุนมีต่อฮูหยินเหยานั้นคือความเกลียดชังที่ฝังลึก
ฮูหยินเหยามองเขา พูดว่า “ข้าหัวเราะที่พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าจะทำลายชื่อเสียง ชื่อเสียงสำหรับรัชทายาทแล้วไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่ว่า ชื่อเสียงของพวกท่านทั้งสองคงต่ำติดดินไปนานแล้วกระมัง ทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัวถ่อมาขอเงินด้วยเล่า ดึงฐานะตัวเองที่สูงส่งลงมาให้ตกต่ำหรือ กลับเถอะ เงินเดือนของพวกเจ้าก็พอใช้จ่ายอยู่”
หยู่เหวินจุนพูดเสียงเย็นว่า “เจ้าคนต่ำช้าที่ถูกสามีทอดทิ้ง มีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงชื่อเสียง โชคดีที่เสด็จพ่อเห็นแก่ลูกสาวทั้งสองคน ได้เมตตาต่อเจ้าเป็นการพิเศษเจ้าจึงมีอิสระอย่างทุกวันนี้ได้ เพียงแต่เจ้าก็เหมือนกันทำตัวเหมือนหมาตัวหนึ่งที่เอาแต่เลียหยวนชิงหลิงมิใช่หรือ ทำไมเจ้าไม่รู้จักอาย เจ้าสูงส่งขนาดไหนแล้วข้าต่ำช้าเท่าไหร่ ชาติชั่ว”
ฮูหยินเหยายักไหล่ ไม่พูดอะไรอีก
ในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ทั้งสองคนนี้ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานแล้ว อ้าปากก็ขอเงินหนึ่งแสนตำลึงทันที อีกทั้งมองท่าทีที่ตื่นเต้นของทั้งสองคน ราวกับว่าถ้าไม่มีเงินหนึ่งแสนตำลึงแล้วก้าวออกจากประตูไปก็ต้องหวาดกลัว จึงส่งสายตาเรียกให้หมันเอ๋อเข้ามาใกล้ๆและลดเสียงต่ำลงสั่งให้นางออกไปดูที่หน้าประตูจวน