บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 955 บันทึกอันหนึ่ง
ชั่วครู่ใหญ่ๆหยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างแผ่วเบา: “หวีทั้งอันล้วนเป็นของที่ข้าทำเอง ไม่ใช่เพียงแค่สลักหัวสองหัวนั่น”
หยวนชิงหลิงจูบเขาทีหนึ่ง “เช่นนี้นับว่าเป็นการขอบคุณแล้วหรือไม่?”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางด้วยดวงตาที่เร่าร้อน “ครบเดือนแล้ว อันที่จริงก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้มากกว่านี้อีกขั้น”
หยวนชิงหลิงผลักเขาออก “ข้าดูวิดีโออีกครั้ง ยังมี ท่านคิดคำพูดท่อนหนึ่ง ถึงเวลาพูดกับพ่อตาแม่ยายของท่าน ข้าจะบันทึกไว้ให้พวกเขา”
“ห๊ะ?” หยู่เหวินเห้าตะลึงอ้าปากค้าง เขายังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าที่เรียกว่าโทรศัพท์อันนี้คือเป็นอย่างไร ทำไมคนถึงเข้าไปได้ล่ะ? ยังสามารถพูดอยู่ด้านในได้อีก “ข้าจะพูดอะไรกับพ่อตาแม่ยาย? ข้าร้องไห้ไม่เป็นนี่”
“ใครบอกให้ท่านร้องไห้กัน?” หยวนชิงหลิงเพ่งมองเขาแวบหนึ่งด้วยกลุ้มใจ “ตอนนี้ท่านเลียนแบบสวีอีแล้วใช่หรือไม่? ยิ่งไม่เข้าท่าขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
หยู่เหวินเห้ากล่าว: “แต่ว่าไม่ร้องไห้ก็เหมือนไม่เคารพ เหมือนไม่ค่อยคิดถึง”
“ท่านบันทึกสองสามประโยค ให้พวกเขาเห็นท่าทางของท่าน ฟังเสียงของท่าน สำหรับจะพูดอะไร แล้วแต่ท่านจะแสดงออกมา ไม่ต้องร้องไห้” หยวนชิงหลิงกล่าว
เขาเป็นห่วงระลึกถึงอะไร? เขาล้วนไม่รู้จักพวกเขา จุดนี้หยวนชิงหลิงค่อนข้างสลดใจ คลอดลูกให้เขาตั้งห้าคนแล้ว เขายังไม่รู้จักคุณพ่อคุณแม่
วันรุ่งขึ้นหยวนชิงหลิงหยิบโทรศัพท์ไปหาคุณย่า เห็นว่าการติดต่อสื่อสารถึงกันทำได้จริง คุณย่ารู้สึกปลื้มใจมาก “เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ให้พวกเขาได้พบลูกเขย”
วิดีโอแรก หยวนชิงหลิงบันทึกคุณย่าก่อน คุณย่าไม่ได้พูดอะไรมาก ทางนั้นนางวางใจ จึงพูดคำห่วงใยและความคิดถึงเพียงสองสามประโยค
บันทึกพวกเด็ก นั่นเรียกว่าวุ่นวาย ของเล่นทั้งหมดต้องการดันออกมา หมาป่าหิมะก็จะอุ้มไว้ ขี่ไว้ จับไว้ ท่าทางอะไรก็ต้องทำออกมารอบหนึ่ง ถ่ายไปหนึ่งชั่วยามกว่าเต็มๆก็ยังไม่ยอมหยุด
สุดท้าย หัวทั้งสามแนบชิดกัน ยิ้มให้กล้อง ด้านหน้าของพวกเขา เหล่าหมาป่าหิมะของแต่ละคนหมอบอยู่
บันทึกพวกเด็กๆเรียบร้อย ไปบันทึกพี่ชายที่เย็นชาทั้งสองท่าน
พวกพี่ชายที่เย็นชากินนมแล้ว หลับไปแล้ว เสือทั้งสองหมอบอยู่ข้างเตียง และนอนหลับสนิทอยู่ หยวนชิงหลิงบันทึกวิดีโอตอนที่นอนช่วงหนึ่ง คิดว่ารอให้พวกเขาตื่นแล้วค่อยบันทึกอีก จึงนั่งดูอยู่ข้างๆ
เด็กครบเดือนแล้ว กินอย่างดี ไม่มีความกลัดกลุ้ม รูปร่างหน้าตาอิ่มเอิบแข็งแรง นอนหลับเช่นนี้ก็สามารถเห็นคางน้อยๆสองชั้นได้ ผิวขาวๆเผยให้เห็นสีแดงระเรื่อ เป่าหรือดีดก็สามารถแตกได้
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขาเบาๆ จึงเห็นเซเว่นอัพลืมตาขึ้นแล้ว นิ่งเฉยเป็นที่สุดแล้วก็ปิดตาลงต่อ แต่ว่า ผ้าห่มน้อยๆผืนนั้นที่คลุมถึงเพียงแค่คอของเขา กลับขยับขึ้นมาอย่างกะทันหัน คลุมใบหน้าทั้งใบไว้แล้ว ท่าทางแบบอย่ามารบกวนการนอนของข้า
หยวนชิงหลิงตกใจเล็กน้อย เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มลงมาเล็กน้อยด้วยความสงสัย เซเว่นอัพลืมตามองดูนาง จากนั้นก็หมุนตัว หันศีรษะไปอีกทาง ท่าทางขดตัว นอนหลับต่อ
หยวนชิงหลิงวางผ้าห่มลง ผ้าห่มคลุมขึ้นไปโดยอัตโนมัติ คลุมไปทางศีรษะแล้ว
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ หยิบโทรศัพท์แล้วย่องออกไปเบาๆ
หมอบดูอยู่ข้างๆประตู ผ้าห่มลงมาเองอัตโนมัติ เห็นได้ชัดว่าไม่มีการรบกวนแล้ว เขาก็สามารถนอนอย่างเงียบสงบแล้ว
หยวนชิงหลิงหมุนตัวจากไป เดิมทีคิดว่าเด็กทั้งสองเป็นปกติ…….
นางกัดฟัน หากว่าทะเลสาบจิ้งสามารถไตร่ตรองจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เอาเด็กทั้งสองส่งไปโดยตรง ให้เจ้าอาวาสทดลองสักหน่อย
ยามค่ำ ต้องการบันทึกหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้าอาบน้ำล่วงหน้าแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เขาคิดว่าสง่างามที่สุด ทั้งยังทาแป้งบางๆให้ตัวเองด้วยเล็กน้อย เพียงแค่มองดูกระจกเล็กน้อย น่ารังเกียจเป็นที่สุด “เหมือนกับหนุ่มน้อยหน้าละอ่อนเช่นนั้น ไม่มีความองอาจห้าวหาญอย่างบุรุษสักน้อย”
เขาเช็ดทิ้งอีก มองดูแผลเป็นข้างๆหูรอยนั้น จึงกลบด้วยแป้งไปเล็กน้อย คิดอยากจะปกปิด
“ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ เป็นความจริงก็ดีแล้ว” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ไม่ใช่ แผลเป็นนี้ทำให้เห็นความโหดร้ายของข้า” หยู่เหวินเห้าไม่ยอม ออกกล้องครั้งแรก เขาต้องสมบูรณ์แบบ “ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อตาแม่ยายของข้ารู้สึกว่าข้าเป็นคนโหดร้าย จะสงสัยว่าข้าจะทุบตีภรรยา”
“ได้ ท่านค่อยๆจัดการ” หยวนชิงหลิงเผลอหัวเราะ
มองดูเขาอยู่ด้านหน้ากระจก เดี๋ยวเปลี่ยนปิ่นปักผม เดี๋ยวเปลี่ยนมงกุฎ เดี๋ยวยืนขึ้นดูว่าเสื้อผ้าเข้ากันหรือไม่ มักจะไม่ค่อยพอใจเสมอ
“ข้าก็ว่าแล้วไง ข้าควรจะต้องทำเสื้อผ้ามากขึ้นสักสองสามชุด” หยู่เหวินเห้ากล่าว
“ได้ ประเดี๋ยวบอกให้ช่างตัดเสื้อเข้ามาทำให้ท่าน” หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว
“เสื้อผ้านี่เป็นของปีที่แล้ว รู้สึกว่ากระจอกไปเล็กน้อยแล้ว ข้าสวมชุดว่าการราชสำนักยังจะดีซะกว่า? ถูกแล้วชุดทำศึกเป็นอย่างไรล่ะ? ค่อนข้างมีอำนาจน่าเกรงขามเล็กน้อย” หยู่เหวินเห้าหันกลับไปถาม
“ได้ทั้งหมด ท่านชอบก็ดีแล้ว” หยวนชิงหลิงกึ่งนอนอยู่บนเตียงอรหันต์ แค่มองดูเขาแต่งตัวเงียบๆ แต่งงานกับเขาสองสามปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นเขาสนใจรูปลักษณ์ภายนอกขนาดนี้มาก่อน เขาให้ความสำคัญก็ดี เห็นได้ว่าให้ความสำคัญกับความประทับใจครั้งแรกต่อคุณพ่อคุณแม่
หยู่เหวินเห้ายังพยายามแต่งตัวอย่างเต็มที่จริงๆ เปลี่ยนชุดว่าการราชสำนักเปลี่ยนชุดทำศึก รู้สึกว่าคิ้วของตัวเองเข้มไป ทำให้เห็นถึงความดุอีก โกนไปส่วนหนึ่ง เอนไปทางอ่อนโยนนุ่มนวล ก็วาดขึ้นใหม่อีกครั้ง
หยวนชิงหลิงนอนกลางวันตื่นขึ้นมาแล้ว เขาถึงได้จัดการเรียบร้อย บอกต่อหยวนชิงหลิงว่าได้แล้ว
หยวนชิงหลิงลืมตาที่สะลึมสะลือขึ้น มองดูคิ้วที่เหมือนดั่งหนอนมีขนของเขา “ขนคิ้วนี้ของท่าน……”
เมื่อเขาได้ยินก็ค่อนข้างตื่นเต้น “ไม่น่าดูใช่หรือไม่? ข้าทำใหม่อีกรอบ”
“ไม่!” หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบเล็กน้อย นิ้วมือเปื้อนสีดำที่วาดคิ้ว โอ้สวรรค์ วาดอย่างไรกัน? สีตกรุนแรงขนาดนี้? ใส่น้ำแล้วหรือ?
แต่ในดวงตามีสีหน้าตะลึง “น่าดูมากนะ ท่านวาดอย่างไร? วาดได้สวยงามขนาดนี้”
“จริงหรือ?” เช่นนี้หยู่เหวินเห้าจึงได้วางใจ “ทีแรกข้าคิดว่าคิ้วของข้าเข้มเกินไปแล้ว เมื่อครู่ดูอย่างละเอียด ดูอย่างเพ่งพินิจ รู้สึกว่าประหลาดเป็นที่สุด ทำเช่นนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว”
หยวนชิงหลิงกลั้นหัวเราะแล้ว กล่าวว่า: “ความจริง สิ่งของทุกอย่างล้วนทนการเพ่งมองอย่างละเอียดไม่ได้ ต้องดูภาพรวมทั้งหมด คิ้วเดิมของท่านเข้ากับใบหน้าเป็นอย่างมาก แต่……ตอนนี้ยิ่งดีขึ้นหน่อย”
จัดเสื้อผ้านั่งด้วยท่าทางเคร่งขรึม กระแอมทีหนึ่ง เจ้าห้าก็เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ แต่ว่า ก็ยังพยายามเป็นอย่างมากที่จะบีบรอยยิ้มออกมา “ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย พี่เขย ข้าชื่อหยู่เหวินเห้า เป็นรัชทายาทของเป่ยถัง…….เอ่อ”
เขาคลายไหล่ลงอย่างห่อเหี่ยว “หยวน รอเดี๋ยวค่อยทำ ข้าปรับอารมณ์หน่อย”
“ไม่เป็นไรนี่ ท่านพูดได้ดีมาก!” หยวนชิงหลิงยกโทรศัพท์ขึ้นต่อ “พูดต่อ”
“เช่นนั้น……เช่นนั้นข้าพูดอะไรถึงเหมาะสมล่ะ?” หยู่เหวินเห้าได้ร่างเค้าโครงในใจแล้ว แต่ รู้สึกว่าพูดสิ่งเหล่านั้นไม่ออก รู้สึกไม่เข้ากันมาก
“ตามใจ ท่านอยากพูดอะไรกับพวกเขา ก็พูดอย่างนั้น” หยวนชิงหลิงกล่าว
“เจ้าหยุดก่อนสักครู่หนึ่ง” หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น หายใจเข้าลึกๆ สูดหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็นั่งลงต่อพาดมือทั้งสองบนที่เท้าแขน “เอาล่ะ ได้แล้ว”
“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย พี่เขย ข้าคือยาย……หยู่เหวินเห้าสามีของหยวนชิงหลิง ข้าจะทำดีต่อนางทั้งชีวิต พวกท่านได้โปรดวางใจ”
“พูดได้ดีมาก!” หยวนชิงหลิงยิ้ม โทรศัพท์ก็วางลงก็บนโต๊ะในแนวตั้ง “บันทึกเรียบร้อยแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเช็ดเหงื่อ “บันทึกเรียบร้อยแล้ว? โอ้พระเจ้า ข้าตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว ทำสงครามยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้”
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปเช็ดเหงื่อเม็ดละเอียดๆบนหน้าผากให้เขา หัวเราะแล้วกล่าว: “ท่านตื่นเต้นอะไรล่ะ? ไม่ใช่แค่พูดกับพวกเขาประโยคเดียวหรือ?”
“หากพูดต่อหน้ากันอาจจะไม่ตื่นเต้น แต่ข้ามองไม่เห็นพวกเขา มองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของพวกเขา อีกอย่าง เจ้าว่าพวกเขาจะชอบข้าพอใจต่อข้าหรือไม่?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม