บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 957 มาเพื่อคนบางคน
วันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้าก็ได้รับจดหมายที่มาจากเฉินจิ้งถิงของแคว้นต้าโจว บอกชัดเจนถึงที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด
ที่แท้ แนวโน้มสถานการณ์ในสงครามของแคว้นต้าโจวก็เหมือนดั่งไม้ไผ่ที่ชำรุด ราวกับว่ามีเทพเจ้าช่วยเหลือ ก็คือการปลุกระดมคนสนิทข้างกายส่วนหนึ่งของหงเล่ และนำเสนอข่าวกรองด้านการทหารต่อฮ่องเต้แคว้นต้าโจวไม่ขาดสาย
และการช่วยเหลือแคว้นต้าโจวของหงเย่ ก็ไม่ได้ทำเพื่อตำแหน่งขุนนางและเงินเดือนที่สูงส่ง เพียงแค่ต้องการฐานะหนึ่งเท่านั้น ไม่เข้าราชสำนัก ไม่ไถ่ถามเรื่องการเมือง เป็นเพียงแค่ตำแหน่งว่างเปล่า แม้แต่ชื่อเรียกก็ไม่มี เรียกเพียงแค่จวิ้นอ๋องหงเย่เท่านั้น ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวก็ทรงอนุญาตให้เขาเป็นธรรมดา
เรื่องนี้ ทีแรกเฉินจิ้งถิงและคนอื่นๆก็ไม่รู้ หลังจากที่สงครามหยุดลงแล้ว ราชสำนักเพิ่งจะประกาศ
ในตอนท้ายของจดหมายเฉินจิ้งถิงให้หยู่เหวินเห้าป้องกันหงเย่ คนผู้นี้ลึกล้ำยากจะคาดเดา และจุดประสงค์ไม่ชัดเจน เขาต้องการทำอะไร อยากได้อะไร ไม่มีผู้ใดรู้
หยู่เหวินเห้าและฝู่ฉู่เหลิ่งจิ้งเหยียนและคนอื่นๆรวมตัววิเคราะห์ด้วยกันมาก่อน หากบอกว่าหงเย่ทำเพื่ออำนาจที่ยิ่งใหญ่ จากกำลังของเขา อันที่จริงสามารถเอาทั้งเซียนเปยได้ แต่หลังจากที่ทำลายแคว้นซู่ทิ้งเขาก็จากไปแล้ว ราวกับว่าวางแผนทุกอย่างด้วยความแยบยลเพียงเพื่อต้องการให้หงเล่ท่านพ่อของเขาตายโดยไร้ที่ฝังศพเท่านั้น
นี่ดูเหมือนเพื่อการล้างแค้น แต่ว่า ถ้าหากจุดประสงค์สุดท้ายเพียงต้องการให้หงเล่ตายเท่านั้น เชื่อว่าเขาจะมีวิธีที่ว่องไวปราดเปรียวยิ่งกว่า อย่างเช่นลอบสังหารหงเล่โดยตรง อย่างไรเสียเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากหงเล่ ไม่จำเป็นต้องทำสงครามใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังทำให้เกิดสงครามขึ้นอีก สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจเช่นนี้เพียงเพื่อศีรษะของหงเล่เท่านั้น ค่อนข้างลำบากซับซ้อนไปหน่อยแล้ว
แต่ ถ้าหากทำเพื่ออำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการเมืองการทหาร หรือทำเพื่อบุกยึดแคว้นอื่น เขาจะสามารถเดินจากไปอย่างผ่าเผยได้อย่างไร ไม่ต้องการอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในเซียนเปย แต่กลับร้องขอตำแหน่งจวิ้นอ๋องที่ไร้อำนาจอย่างแท้จริงในแคว้นต้าโจว ต้องการตำแหน่งที่เป็นที่นับถือนี้ แล้วก็ไม่ได้อยู่ในเซียนเปยแต่มาเป่ยถัง เป็นจุดประสงค์อะไรกันแน่ ชั่งทำให้คนคาดเดาไม่ออกจริงๆ
ในเจ็ดแคว้นเดิม บุคคลที่น่าสงสัยเหมือนกันก็คือเจ้าสำนักของสำนักเหลิ่งหลัง แต่ตอนนี้ตัวตนของเจ้าสำนักเหลิ่งหลังได้ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ได้ลึกลับอีกต่อไป คนที่ลึกลับกลายเป็นหงเย่แล้ว
เขาชั่งน่าสงสัยจริงๆ เพราะแม้แต่ชื่อก็อาจจะปลอมได้
ไม่ว่าอย่างไรหงเย่ก็ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว แคว้นต้าโจวและเป่ยถังเป็นบ้านพี่เมืองน้อง จวิ้นอ๋องของแคว้นต้าโจวมาถึงเมืองหลวงของเป่ยถัง สามารถเข้าพักในโรงเตี๊ยมของเป่ยถังได้ กรมพิธีการและศาสหงหรูรับผิดชอบในการต้อนรับ
ตอนนี้ซื่อชิงของศาสหงหรู ก็คืออ๋องซุน อ๋องซุนมาต้อนรับด้วยตัวเอง จัดให้หงเย่และผู้ติดตามอะโฉ่วเข้าอยู่ในโรงเตี๊ยม และนำขุนนางของศาสหงหรูจัดงานเลี้ยงต้อนรับตามระเบียบ
ระหว่างงานเลี้ยงอ๋องซุนถามหงเย่ขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าจวิ้นอ๋องมาเป่ยถัง มีธุระเร่งด่วนอะไรหรือไม่?”
หงเย่ลูบแก้ว ใบหน้าที่สง่างามมีรอยยิ้มบางๆ “ข้าเติบโตที่เป่ยถัง กลับมาครั้งนี้ ก็เป็นการเดินทางกลับมาท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของบ้านเกิดเมืองนอน ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น”
“ท่องเที่ยว?” อ๋องซุนก็หัวเราะขึ้นมาแล้ว “เช่นนั้นทางทิศเหนือของเจียงหนานที่กว้างใหญ่ ทัศนียภาพงดงามเป็นที่สุดมีไม่น้อยกว่าร้อยแห่ง กลับกันกับที่เมืองหลวงนี้ที่ไม่มีสถานที่อะไรให้เที่ยวเล่น เหมือนกับว่าจวิ้นอ๋องจะมาผิดที่แล้ว”
หงเย่ส่ายศีรษะ “ทิวทัศน์ในเมืองหลวงนี้ ถึงจะเป็นที่ที่มีของงดงามมากมายจนดูไม่หวาดไม่ไหว”
“ใช่หรือ?” อ๋องซุนตะลึง “ข้ายังไม่รู้จริงๆ เช่นนั้นขอถามว่าทัศนียภาพของเมืองหลวงที่ใดที่สวยงามที่สุดกันหรือ?”
หงเย่กล่าวด้วยความหมายอันลึกซึ้ง: “คน ก็คือทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด”
สีหน้าของอ๋องซุนแข็งทื่อ ฝืนหัวเราะขึ้นมา “ดังนั้น จวิ้นอ๋องมาก็เพื่อคนบางคนหรือ? ไม่รู้ว่าคนบางคนผู้นี้คือใครกัน?”
หงเย่ยิ้มจนใบหน้าเคลิบเคลิ้ม “ท่านอ๋องทายดูสิ?”
อ๋องซุนกล่าวอย่างราบเรียบ: “ข้าโง่เขลา เดาไม่ออก อีกทั้งข้ารู้สึกว่า เดาไปเดามาเป็นการยุ่งยาก กล่าวตรงๆยังจะดีซะกว่า”
“ไม่ เช่นนี้สิจึงจะน่าสนใจ!” หงเย่ยิ้ม รินเหล้าให้อ๋องซุนด้วยตัวเอง “สำหรับเคราะห์ร้ายที่ท่านอ๋องประสบในเซียนเปย ข้าน้อยเสียใจมาก ดีที่ ท่านอ๋องสามารถรอดจากอันตรายได้อย่างราบรื่น ยินดีด้วย”
พูดถึงประสบการณ์ในเซียนเปยที่ไม่พึงปรารถนาช่วงนั้น ในใจของอ๋องซุนก็ยังค่อนข้างมีความกลัวในภายหลัง
“ได้ยินว่า เป็นพระชายารัชทายาทส่งคนไปช่วย?” หงเย่เอ่ยถาม
เพราะในใจของอ๋องซุนรู้ตั้งนานแล้วว่าเขามีแผนการไม่ซื่อต่อหยวนชิงหลิง ดังนั้นจึงไม่ได้ต่อความ เพียงแค่สั่งให้คนรินเหล้า แล้วดื่มต่อ
ตอนนี้อ๋องซุนจัดการเรื่องราวได้อย่างมีวุฒิภาวะมากขึ้น สำหรับใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเจ้าเล่ห์เช่นนี้ของหงเย่ ระมัดระวังเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ดื่มมากมาย รักษาสติไว้
หลังจากงานเลี้ยงช่วงค่ำ เขาพุ่งตรงไปยังจวนอ๋องฉู่ สนทนากับหยู่เหวินเห้าครู่หนึ่ง
“คนเป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด? ดังนั้นเขาก็มาเพื่อคนผู้หนึ่ง?” หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลง ในตาฉายแววโทสะ ไม่ชอบฟังประโยคนี้เป็นที่สุด ราวกับว่ายายหยวนของเขาได้ถูกคนคิดถึงแล้วเช่นนั้น
ไม่ใช่ราวกับ ก็ใช่จริงๆ
“ใครจะรู้เขาล่ะ? อย่างไรเสียระวังไว้หน่อยก็ไม่ผิด ข้าส่งคนไปอยู่กับเขา เขาออกไปก็มีคนคอยติดตาม” อ๋องซุนกล่าว
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า “ลำบากท่านพี่รองแล้ว”
แต่ว่า ต้องการตามติดหงเย่ คนของศาสหงหรูทำไม่ได้ หงเย่ไม่ต้องเปลืองแรงอันน้อยนิดก็สามารถสลัดคนของเขาได้แล้ว
วันรุ่งขึ้นเขาเรียกเสี้ยวหงเฉิงมาที่จวน กำชับให้นางไปทำธุระสองสามเรื่อง ในนั้นรวมถึงการจับตาดูหงเย่ด้วย
หลังจากเสี้ยวหงเฉิงไปแล้ว ทังหยางไม่เข้าใจ “รัชทายาท ตอนนี้ยังจะมอบหมายให้เจ้าสำนักเสี้ยวจัดการเรื่องที่สำคัญเหล่านี้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เพราะว่าหลินเซียวว่าที่สามีของเสี้ยวหงเฉิงก็อยู่ในเมืองหลวง ทั้งสองอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน และเสี้ยวหงเฉิงก็ไม่ได้มีการป้องกันต่อเขา ฝากฝังให้นางจับตาดูหงเย่ อาจจะไม่ได้ผล
“ข้าได้กำชับให้คนอีกผู้หนึ่งจับตาดูแล้ว เสี้ยวหงเฉิงทางนั้นจำเป็นต้องให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญตลอด อย่างน้อยตอนนี้จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ ข้าได้เตรียมการไว้ต่อจากนี้แล้ว” หยู่เหวินเห้ากล่าว
ความสามารถในการจัดการเรื่องราวของเสี้ยวหงเฉิงมีประสิทธิภาพมาก เวลานี้ไม่สามารถสูญเสียลูกมือผู้หนึ่งนี้ได้ ดังนั้นต้องรู้ว่าหลินเซียวพึ่งพาได้หรือไม่ ก็ต้องวางแผนการเล็กๆแผนการหนึ่ง
เด็กทั้งสองเติบโตอย่างรวดเร็ว
บอกว่าพวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว ในความเป็นจริงก็ไม่ได้เกินไปแม้แต่น้อย เพราะว่ากินจนอ้วน
เดิมทีคิดว่าเจ้าสิบอ้วนมาก แต่ว่า จากแนวโน้มเช่นนี้ต่อไป เด็กทั้งสองจะต้องก้าวผ่านเสด็จอาสิบเป็นแน่
น้องชายที่เย็นชาทั้งสอง ไม่เคยร้องไห้โวยวาย กินแล้วก็นอน ตื่นแล้วก็กินต่อ แม้ว่าจะตื่นอยู่ ก็มองสถานที่ที่หนึ่งอย่างจดจ้อง แม้แต่กลอกตาก็ล้วนมีท่าทางที่เกียจคร้าน
เสื้อผ้าที่คุณยายให้ เดิมทีเหมาะกับอายุสามเดือนถึงหกเดือน ตอนนี้เพิ่งจะหนึ่งเดือนกว่า ก็สวมใส่พอดีแล้ว คาดว่าผ่านไปอีกหนึ่งเดือนก็ต้องคัดออกแล้ว
ตอนนี้จิตใจของหยวนชิงหลิงตกอยู่ที่เด็กทั้งสองและทะเลสาบจิ้ง เพราะว่าสิ่งของไม่สามารถส่งกลับไปได้ นี่ทำให้นางร้อนใจเป็นที่สุด
ไม่เพียงแค่ไม่สามารถส่งกล่องกลับไปได้ แม้แต่สิ่งของอย่างอื่นก็ไม่สามารถรับได้แล้ว
ดังนั้น หงเย่มาหรือไม่มา สำหรับนางแล้วล้วนไม่ได้สนใจ ให้พวกผู้ชายจัดการไปเถอะ
กล่องที่สองส่งมาจากทะเลสาบจิ้ง เพราะซาลาเปาไปบอกว่าเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองไม่พอดีแล้ว ดังนั้นแม่ของหยวนชิงหลิงจึงซื้อใหม่อีกเล็กน้อยแล้วส่งมา
ครั้งนี้ก็ยังคงบันทึกวิดีโออีก เป็นโทรศัพท์เก่า และเป็นเครื่องที่หยวนชิงหลิงเปลี่ยนก่อนหน้านี้
วิดีโอก็บันทึกแล้ว ครั้งนี้แม่ของหยวนชิงหลิงสามารถกลั้นน้ำตาพูดจนจบรอบหนึ่งได้ สุดท้าย กำชับหยวนชิงหลิงว่าต้องระวังให้เด็กทั้งสองลดความอ้วน อย่าให้เด็กอ้วนตั้งแต่เล็กๆ
แน่นอนล่ะ ความคิดเห็นตรงจุดนี้ของแม่ของหยวนชิงหลิงกับไท่ซ่างหวงและฮ่องเต้หมิงหยวนนั้นขัดแย้งกัน พวกเขาคิดว่าเด็กๆจะต้องอ้วนหน่อยจึงจะดี ทั้งน่ารักทั้งน่าเล่น ทั้งยังเผยให้เห็นความร่ำรวยเฟื่องฟูของเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นมีราชโองการลงมา เด็กทั้งสองอยากกินนมก็ให้พวกเขากิน ราชวงศ์สามารถจ้างแม่นมได้เป็นร้อย
ฮ่องเต้หมิงหยวนชอบเด็กทั้งสองเป็นอย่างมาก เพราะว่าเด็กทั้งสองสงบนิ่ง เขาบอกว่านี่คือความมั่นคงหนักแน่น อนาคตต้องทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น เว้นไปสามวันห้าวันก็ให้หยวนชิงหลิงพาเด็กทั้งสองเข้าวัง