บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 974 ไม่เห็นด้วยกับการส่งทหาร
หยวนชิงหลิงรอข่าวอยู่ที่จวนด้วยใจร้อนรน เมื่อเห็นเจ้าห้ากลับมาแบบหน้ามุ่ยแล้วก็รู้ว่าราชสำนักต้องไม่เห็นด้วยกับการช่วยจิ้งเหอแน่
หลังจากฟังเจ้าห้าเล่าความ นางก็หมดหนทาง “งั้นจะทำยังไงดี? จะไม่สนใจความเป็นความตายนางไม่ได้นะ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “เมื่อกี้ตอนกลับมาข้าก็คิดไว้แล้วสองวิธี อย่างแรกคือพวกเราแอบส่งคนไปช่วย
แต่นี่ค่อนข้างลำบาก เพราะจุดที่กุมขังจิ้งเหออยู่ต้องอยู่ใจกลางหมอผีในเจียงเป่ยแน่ ที่นั่นมีแต่จอมขมังเวททั้งนั้น คนของเราที่รู้เรื่องพวกนี้ก็มีน้อยมาก เข้าไปช่วยยาก”
“แล้ววิธีที่สองล่ะ?” หยวนชิงหลิงไล่ตาม
ดวงตาหยู่เหวินเห้าแวบแสงคมกริบ พูดอย่างเคร่งเครียด “วิธีที่สอง ส่งทหาร
กองพลที่อยู่ในเมืองหลวงกับค่ายหนานเป่ยเคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องใช้อำนาจจากกรมทหารหรือไม่ก็จากเสด็จพ่อถึงจะเคลื่อนพลได้ แต่ตอนนี้พี่สามนำพลทหารประจำอยู่ด้านนอก จอมพลอยู่ด้านนอกไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของราชสำนัก ปรับเปลี่ยนได้ตามเหตุการณ์
แต่นั่นก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน เพราะกองพลของพี่สามอยู่ที่จวนเจียงเป่ย ห่างกับหนานเจียงไกลพอสมควร
แถมพี่สามก็ไม่เข้าใจในภูมิศาสตร์ของหนานเจียง ทหารของเขาค่อนข้างน้อย จะใช้แบบมือเติมไม่ได้ เพราะงั้นถ้าไม่มีคนนำทางก็บุกเข้าไปยาก”
หยวนชิงหลิงคิดแล้วจึงเอ่ย “งั้นถ้ามีคนนำทางก็มั่นใจได้แล้วสิ?”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึงแม่นมฉิน? กลับเจียงเป่ยก็เท่ากับตายสถานเดียว นางต้องไม่ยอมแน่”
ก็จริง คนเจียงเป่ยตามหานางมาโดยตลอด หากนางกลับไปต้องตายแน่ แถมยังต้องตายอนาถมากอีกด้วย
หยู่เหวินเห้าคิดแล้วจึงเอ่ย “ในเมืองหลวงอาจมีคนหนานเจียงอีกเยอะ บางทีถ้าลองหาดูซักหน่อย ว่าจ้างแพงอีกนิด ดูซิว่าจะมีคนยอมไปไหม”
แค่คนนำทางต้องหาได้แน่ อย่างไรเสียคนหนานเจียงอยู่ในเมืองหลวงก็ลำบากอยู่แล้ว
ครั้นแล้วหยู่เหวินเห้าจึงสั่งให้ทังหยางไปทำงานนี้ ทังหยางถามไปหลายคน แต่พอได้ยินว่าไปที่อยู่หมอผีเจียงเป่ยแล้วก็ส่ายหน้าเป็นแถว เพราะที่นั่นไม่ใช่ที่ที่บุกรุกเข้าไปได้ หากถูกจับได้ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว ถึงเงินจะดึงดูด แต่เกรงว่าจะไม่มีชีวิตได้ใช้
เห็นชัดว่าหมอผีเจียงเป่ยทำให้คนหนานเจียงหวาดกลัวมากขนาดไหน หากหาคนไม่ได้ แม้จะบอกกล่าวกับอ๋องเว่ยก็เข้าไปช่วยจิ้งเหอยาก
ต่อมาหยู่เหวินเห้าก็หารือกับท่านชายสี่ ถึงคนของท่านชายสี่จะเข้าหนานเจียงได้ แต่เขตหมอผีเจียงเป่ยก็จะเข้าไปเรื่อยไม่ได้ ดังนั้นจึงจนด้วยหนทาง
เรื่องที่จวนอ๋องฉู่หาคนไปเจียงเป่ย หมันเอ๋อก็รู้เหมือนกัน นางรู้ว่าเพื่อช่วยจวิ้นจู่จิ้งเหอ ดังนั้นจึงเสนอกับหยวนชิงหลิงว่าจะนำทางไปเจียงเป่ยเอง
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยความประหลาดใจ “ครั้งนี้ไปเจียงเป่ย ไม่ได้ไปหนานเจียงนะ เจ้าไม่เคยไปเจียงเป่ยซักหน่อย”
หมันเอ๋อพูด “พระชายา ถึงข้าน้อยไม่เคยไปเจียงเป่ย แต่ข้าน้อยก็รู้ว่าเจียงเป่ยมีจั้งชี่ที่ไหนบ้าง และรู้ว่าจะหลบค่ายกลของหมอผีได้ยังไงด้วยเพคะ”
“เจ้ารู้ได้ยังไง?” หยวนชิงหลิงตะลึง
หมันเอ๋อเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก “ข้าน้อยรู้แล้วกันเพคะ”
หยวนชิงหลิงสบตากับหยู่เหวินเห้า หมันเอ๋อออกจากหนานเจียงแต่เล็ก ถึงนางถูกพาออกจวนอ๋องหนานเจียงแล้วก็อาศัยอยู่ที่นั่นด้วยฐานะอื่นอีกระยะหนึ่ง แต่นางไม่เคยไปเจียงเป่ย จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องหลบหลีกค่ายกลอย่างไร?
สำหรับเรื่องที่หมันเอ๋อถูกพาออกจากจวนอ๋องหนานเจียงนั้นก็ไม่เคยสืบความได้ ดังนั้นนางมาเมืองหลวงได้อย่างไร ก่อนจะมาพบเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ทั้งนั้น รู้แค่ว่าเคยใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านหนึ่ง และนางก็คิดว่าตนเป็นคนในหมู่บ้านนั้น
“พวกเราลองหาคนอื่นดูก่อน ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ค่อยว่ากัน” หยวนชิงหลิงพูดผละไป นางย่อมไม่ให้หมันเอ๋อไปเสี่ยงอยู่แล้ว
ฐานะของหมันเอ๋อตัดสินความสำคัญของนาง นางเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดในแผนหนานเจียง หากนางเกิดเรื่อง คนหนานเจียงก็จะยิ่งรวมใจเป็นหนึ่งไม่ได้
พอหมันเอ๋อออกไป หยู่เหวินเห้าคิดแล้วจึงเอ่ย “หรือว่าก่อนมาเมืองหลวง นางเคยไปเจียงเป่ยมาก่อน?”
“ค่ายกลของหมอผีนั่นมันยังไงกัน?” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าพูดอธิบาย “นอกปราสาทที่หมอผีอาศัยอยู่มีการวางค่ายกลไว้ ส่วนค่ายกลของพวกเขาก็มาจากค่ายกลแปดทิศ มีการล่อลวงและอุปสรรคมากมาย คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ถึงหมันเอ๋อเคยไปเจียงเป่ย แต่ตอนนั้นนางยังเด็ก ก็ไม่แน่ว่าจะแก้ค่ายกลได้”
“ความทรงจำของนางผสมปนเป เจ้าหยวน ก่อนหน้านี้ที่เจ้าว่าการควบคุมจิต การสืบทอดความทรงจำอะไรนั่น หรือว่าหมันเอ๋อก็มีด้วย?
ก็คือมี…การสืบทอดความทรงจำจากแม่นมฉิน?” หยู่เหวินเห้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่หยวนชิงหลิงพูดเมื่อก่อนหน้านั้นจริงๆ แค่พอรู้คร่าวๆ ดังนั้นเวลาพูดจึงแปลกๆ
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะค่ายกลเป็นเรื่องล้ำลึก ไม่ใช่ความคิดคลุมเครือ” หยวนชิงหลิงกล่าว เรื่องพวกนี้ถ่ายทอดให้กันไม่ได้
“เรื่องนี้ยังต้องปิดไว้ก่อน ยังบอกพี่สามให้รู้ไม่ได้ ไม่งั้นเขาต้องเคลื่อนพลไปทันทีแน่” หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ย “แต่ก็ต้องรีบหน่อยนะ เพราะตอนนี้คนในราชสำนักรู้เรื่องนี้มากแล้ว พวกเขาต้องปล่อยข่าวแน่ จริงสิ! ต้องนัดแนะกับพี่รองหน่อย บอกเขาว่าอย่าเพิ่งบอกพี่สาม”
พอหยู่เหวินเห้าได้ยินคำเตือนจากนางก็รีบเรียกสวีอีให้ไปส่งข่าวที่จวนอ๋องซุนทันที แต่ใครจะรู้ว่าสวีอีกลับมารายงาน ว่าเมื่อวานอ๋องซุนได้ให้คนไปส่งจดหมายบอกอ๋องเว่ยแล้ว
หยู่เหวินเห้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก กับเรื่องอื่นแล้วพี่รองมักชักช้าร่ำไร แต่พอเรื่องข่าวสารล่ะไวเชียว!
เมื่อวานส่งคนไป ตอนนี้จะให้คนไปสกัดก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงได้แต่ให้องค์รักผีส่งคนไปปรามพี่สาม ให้รอการแจ้งข่าวจากเขา
แต่พี่สามอาจอดทนรอไม่ได้ หากเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเจ้าหยวนเกิดเรื่อง เขาก็อยู่เฉยๆ รอแผนการไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงไม่สนใจว่าแม่นมฉินจะยินยอมหรือไม่ สั่งให้คนเชิญนางมา ถามว่านางยอมนำทางไปเจียงเป่ยหรือเปล่า พร้อมรับประกันว่าจะพยายามคุ้มครองความปลอดภัยของนาง
แต่พอแม่นมฉินได้ยินว่าจะไปเขตหมอผีที่เจียงเป่ยก็ปฏิเสธทันที “ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ! ที่แห่งนั้นคนธรรมดาไปไม่ได้ นอกเสียจากนำกำลังพลบุกเข้าไป อาศัยคนมากเอาชนะ มิเช่นนี้หากแค่ไม่กี่ร้อยคนก็รังแต่ไปไม่มีกลับ”
“หากท่านยอม ข้าจะส่งทหารไปด้วย” หยู่เหวินเห้ากล่าว
แต่แม่นมฉินยังคงส่ายหน้า “ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ยอม ชาตินี้หม่อมฉันไม่อยากเหยียบเข้าที่นั่นอีก”
“หรือว่าท่านไม่อยากแก้แค้นให้อ๋องหนานเจียง?” หยู่เหวินเห้าอดถามขึ้นไม่ได้
สีหน้าแม่นมฉินโกรธแค้นและตระหนก “แก้แค้นย่อมสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าลูกสาวหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันจะเก็บชีวิตเพื่อปกป้องนาง จะไม่ให้นางอ้างว้างอยู่โลกนี้ตามลำพังเด็ดขาด”
หยู่เหวินเห้าผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ฝืนใจแม่นมฉิน หากนางไม่ยินยอมย่อมพาพวกเขาไปผิดทางอยู่แล้ว
เรื่องนี้ลำบากจริง
ที่จริงวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก็คือใช้กองทัพกดดันอยู่ที่ชายแดน บีบให้พวกเขาส่งตัวจิ้งเหอมา
แต่ราชสำนักไม่ยอมเคลื่อนพล ทหารที่พี่สามสั่งการได้ก็ไม่มาก หากไม่รู้เส้นทางและจุดที่มีจั้งชี่แน่ชัดแล้วก็เท่ากับไปตาย