บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 979 ออกเดินทาง
ตกกลางคืนก็เล่าเรื่องอาคมสาวหมอผีให้หยู่เหวินเห้าฟัง หยู่เหวินเห้าจึงเรียกทังหยางผู้รอบรู้ทุกเรื่องมาทันที ทังหยางรู้เรื่องอาคมสาวหมอผี กล่าว
“อาคมสาวหมอผีก็เหมือนกับอาคมหมอผีพ่ะย่ะค่ะ หลังจากแต่งตั้งแล้วก็ประกอบพิธีกรรมเป็นพรวน สุดท้ายก็สาบานตนต่อหน้าแท่นเทพเจ้า แล้วปล่อยหนอนกู่เข้าร่างกายจากท้ายทอย ให้หนอนกู่เติบโตอยู่ในนั้นพ่ะย่ะค่ะ
พูดง่ายๆ ก็คือใช้พิษกู่ควบคุมคน กระบวนการเหมือนกัน แต่การลงอาคมสาวหมอผีจะลึกลับมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าเทพเจ้าของเจียงเป่ยจะเชื่อมต่อวิญญาณของสาวหมอผีได้ ถ้าออกจากเจียงเป่ยก็จะถูกเทพเจ้าเรียกหาพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงรีบถาม “แล้วถ้าเรียกแล้วไม่กลับล่ะ?”
ทังหยางกล่าว “พิษกู่ก็อาจเกิดปฏิกิริยากระมังพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นอย่างกังวล “ช่วงนี้หมันเอ๋อบอกว่าได้ยินการร้องเรียกของเจียงเป่ย รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข ส่วนแม่นมฉินก็บอกว่านางทรมานไปหมด แต่บางทีแม่นมฉินอาจจะควบคุมได้ แต่หมันเอ๋อไม่แน่ว่าจะทำได้ อีกอย่าง นางบอกว่าตระกูลหลงแก้อาคมสาวหมอผีได้ ให้ข้าไปหาคนตระกูลหลงมาช่วยหมันเอ๋อ”
“ตระกูลหลง? ใช่ไทเฮาหลงของต้าโจวหรือเปล่า?” หยู่เหวินเห้าถาม
ทังหยางพยักหน้า “คงใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไทเฮาหลงรู้เรื่องการแพทย์ แต่เจ้าหยวนของเราก็รู้เรื่องการแพทย์เหมือนกันนี่นา” หยู่เหวินเห้าจัดให้อาคมสาวหมอผีอยู่ในประเภทการรักษาอาการป่วยเฉยๆ
“ไทเฮาท่านนี้ยังมีอีกฐานะหนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ แน่ล่ะ มันเป็นแค่เรื่องเล่า เล่ากันว่านางเป็นธิดามังกรที่คุมกฎทั้งสามโลก รอบรู้เรื่องฟ้า ไปได้ทั้งแดนมนุษย์และยมโลก เหาะเหินเดินอากาศ สรุปคือไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่คนที่เชื่อเรื่องนี้มีไม่มากเท่านั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”
ทังหยางยังหัวเราะพูดอีกประโยค “กระหม่อมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ที่แม่นมฉินพูดมาแบบนี้คงเพราะได้ยินเรื่องเล่ามา แล้วก็เชื่อเรื่องที่อาคมสาวหมอผีสามารถเชื่อมกับเทพเจ้าได้เอามากๆ ก็เลยคิดว่าไทเฮาหลงช่วยพวกนางได้ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่มีหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ามองทังหยาง “เจ้านี่ขัดแย้งกันจริง ตอนนี้บอกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเชื่อเรื่องผีสางเทวดานี่”
ทังหยางยิ้มตาหยีเอ่ย “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนี่พ่ะย่ะค่ะ ตอนที่กระหม่อมบอกว่าเชื่อ ก็เพราะคนที่พูดกับกระหม่อมเชื่อ ตอนนี้พระองค์กับพระชายาไม่เชื่อ กระหม่อมก็ต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว”
“เจ้านี่มันจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นะ!” หยู่เหวินเห้ากรอกตาขาวใส่
เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงต้องไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าอะไรพวกนี้แน่นอน และถึงเป็นตอนนี้ที่ข้ามกาลเวลามา ทุกอย่างก็อธิบายได้ ก็แค่การควบคุมจิตเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าถูกชนรุ่นหลังพูดกรอกหูมามาก ว่าปลายทางวิทยาศาสตร์ก็คือเทพศาสตร์ ทำจนตอนนี้นางเริ่มสับสนแล้ว
นางยังอยากไปต้าโจวสักครั้ง แต่ตอนนี้เจ้าห้าก็ไปไม่ได้ เขาต้องไม่วางใจให้นางไปเองแน่
แต่ทันใดนั้นทังหยางก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง สีหน้าพลันเปลี่ยน เอ่ย “ถ้าหมันเอ๋อถูกลงอาคมสาวหมอผีจริงก็จะส่งผลกับแผนเรามากนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่ายังไง?” หยู่เหวินเห้าตะลึงถาม
ทังหยางพูดอธิบาย “หากคนหนานเจียงรู้ว่านางถูกลงอาคมสาวหมอผี ต้องไม่ฟังคำการร้องขอของนางแน่ อีกอย่าง ถึงยังไงอาคมสาวหมอผีก็ต้องเรียกตัวนางกลับไป
ดังนั้นการคาดการณ์ที่แย่ที่สุด ก็คือเป็นไปได้มากว่าหมันเอ๋อจะกลายเป็นศัตรูของเรา และนี่อาจไม่ใช่ความสมัครใจของนาง
แต่นางไม่เหมือนกับแม่นมฉิน นางไม่มีจิตที่แข็งแกร่งหรือความปรารถนาอันแรงกล้าทัดทานอาคมสาวหมอผี นอกเสียจากแก้อาคมซะ”
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมองกันทีหนึ่ง ตื่นกลัวเล็กน้อย
พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องที่หมันเอ๋อจะกลายเป็นศัตรูมาก่อน และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องอาคมสาวหมอผีด้วย
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่ใช่แค่ทำแผนการวุ่นวาย แต่อาจต้องมอบหนานเจียงให้เจียงเป่ยทั้งหมดด้วยอย่างนั้นหรือ? แล้วยังจะสู้อะไรอีก? ถึงตอนนั้นราชสำนักก็ส่งทหารไปสยบหนานเจียงทั้งหมด
หยวนชิงหลิงเอ่ยข้อเสนอ “ไม่งั้นข้าก็ไปต้าโจวซักครั้งเถอะ”
หยู่เหวินเห้าไม่เห็นด้วย “แค่แม่นมฉินพูด เอาแน่ไม่ได้ว่าไทเฮาหลงจะแก้อาคมสาวหมอผีได้จริง อีกอย่าง ถึงจะได้จริง ก็ส่งคนไปก็พอ เจ้าไม่ต้องไปเองหรอก”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “แต่ข้ายังมีคำถามอีกเยอะที่อยากจะถามพระนาง ข้าอยากพบพระนางซักครั้งมาตลอด”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “หนทางไปต้าโจวยาวไกล แล้วข้าก็ไปกับเจ้าไม่ได้ด้วย ข้าไม่วางใจ ถ้าเจ้ามีข้อสงสัยอยากถามไทเฮาหลงก็ให้คนถามให้ก็ได้ หรือไม่ไว้อีกหน่อยเรามีเวลาแล้วข้าจะไปกับเจ้า”
“ไม่ ข้าจะพาหมันเอ๋อไป แล้วเอาสวีอีไปด้วย ไม่เกิดเรื่องหรอก” หยวนชิงหลิงอยากไปด้วยตัวเองจริงๆ นางมักคิดว่าความลับทะเลสาบจิ้งที่นางมองไม่ออก ไทเฮาหลงต้องรู้แน่
เพราะคุณย่าก็มาด้วยอุโมงค์กาลเวลาไม่ใช่หรือ? พวกนางกับพวกหมอหลินต้องกุมความลับบางอย่างของทะเลสาบจิ้งแน่
เมื่อทังหยางได้ฟังที่หยวนชิงหลิงว่าแล้วก็เห็นด้วย เอ่ย “องค์ชาย บางทีพระชายาอาจพูดมีเหตุผลนะพ่ะย่ะค่ะ พาหมันเอ๋อไปหาไทเฮาหลง ถ้าไทเฮาหลงแก้อาคมสาวหมอผีได้จริง จะได้แก้ให้นางเลย ไม่ต้องกลับไปกลับมา ลดความกังวลตอนท้ายของพวกเราได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า พูดอย่างแน่วแน่ “ให้คนส่งหมันเอ๋อไปก็พอ ยังไงเจ้าก็ไปไม่ได้ เอาตามนี้แหละ”
เจ้าหยวนเกิดเรื่องมามากเกินไป จะเสี่ยงไม่ได้อีก อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนางเท่านั้น
พอทังหยางเห็นท่าทีแน่วแน่ของเขาแล้วก็ไม่โน้มน้าวอีก
หลังจากทังหยางลากลับ หยวนชิงหลิงก็ยังอยากพูดแต่หยู่เหวินเห้ากลับผลักนางล้มลงเตียง แล้วขึ้นไปทับ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าไม่เห็นด้วย”
สองมือหยวนชิงหลิงโอบคอเขา อมยิ้มพลางเอ่ย “เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันเถอะ”
“ไม่!” หยู่เหวินเห้าประกบริมฝีปากนาง ขัดขวางไม่ให้นางพูดต่อ
วันนี้หยู่เหวิยเทียนออกเดินทาง หยู่เหวินเห้าไปส่งเขาถึงประตูเมืองด้วยตัวเอง กำชับร้อยแปด
หยู่เหวิยเทียนหัวเราะพลางเอ่ย “พี่ห้า ท่านวางใจเถอะ ข้าก็ไม่โง่นะ ก็แค่เจียงเป่ยไม่ใช่หรือ? ไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “ไม่ว่าเวลาไหนก็ประมาทศัตรูไม่ได้ ก็เจ้าเป็นอย่างนี้นี่แหละถึงทำให้ข้าเป็นห่วง”
“ข้าไม่ประมาทศัตรูหรอก ข้าก็ไม่ได้ปลอบใจท่านแล้วหรือยังไง?” หยู่เหวิยเทียนกระโดดขึ้นม้า ยิ้มแยกฟัน “ท่านก็วางใจรอข่าวดีจากข้าเถอะ ข้าจะส่งจดหมายมาเป็นระยะ”
“อือ เดินทางระวัง แล้วรักษาความปลอดภัยของแม่นมฉินด้วย!” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
แม่นมฉินนั่งอยู่ในรถม้า เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วก็แง้มผ้าม่านออกมามองหยู่เหวินเห้าสายตาหนึ่ง แล้วพยักหน้าเป็นการขอบคุณกับเขา ในดวงตามีความกังวลที่พูดไม่ออก
หยู่เหวินเห้าจึงกล่าวกับนาง “วางใจเถอะ หมันเอ๋อไม่เป็นอะไรหรอก”
แม่นมฉินพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็มองลึกเข้าไปที่ประตูเมืองทีหนึ่ง แล้วค่อยๆ ปิดม่านลง
ตอนนั้นนางมาเพื่อตามหาลูกสาว บัดนี้ก็จากไปเพื่อปกป้องลูกสาว ชีวิตนี้แม้มีความเสียใจและความแค้น แต่กลับรู้สึกได้รับการปลอบใจเล็กน้อย
นางล้วงถุงผ้าแพรที่แขวนอยู่ตรงอกออกมาช้าๆ ข้างในมีเชือกผูกข้อมืออยู่ คืนวันที่พวกเขาแต่งงานกัน ได้ผูกเส้นผมเลียนแบบคนจงหยวน
คนจงหยวนใช้ผมแค่เส้นเดียว แต่เขาบอกว่าความจริงใจไม่พอจึงปาดเส้นผมออกมาช่อหนึ่ง แล้วเอาเส้นผมของเขาถักเป็นเชือกผูกข้อมือด้วยตัวเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางพกติดหน้าอกตลอด เขาอยู่ในใจนางเสมอ
“ข้าจะกลับไปแล้ว รอข้านะ” นางพูดพึมพำ จากนั้นที่มุมตาก็มีหยดน้ำตาไหลลงมาเบาๆ จากกันนับสิบปี ที่ปรโลกเจ้าจะยังจำข้าได้อยู่ไหม?
เสียงฝีเท้าอาชา ฝุ่นตลบคละคลุ้ง กองทัพผ่านพ้น เมื่อละอองดินร่วงหล่น ก็หาร่องรอยไม่เจออีก