บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 985 เข้าวังเข้าเฝ้าไทเฮาหลง
ตื่นมาแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มีแม่ทัพใหญ่สองสามีภรรยาพาเข้าวังไปเข้าเฝ้าไท่หวงไท่เฮา กับฮ่องเต้แคว้นต้าโจว
พวกเด็กๆไม่ได้พาไปด้วย เพราะหมาป่าสามตัวกับเสือสองตัวต้องตามไปด้วย ไม่สะดวกที่จะเข้าวัง จิ่นหนิงจวิ้นจู่อยากให้นางพาไปด้วย บอกว่าไท่หวงไท่เฮจะต้องชอบพวกเด็กๆแน่ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของหยวนชิงหลิง จึงสั่งให้สาวใช้เข่อหลิงกับเข่อลี่ช่วยดูแลอยู่ในจวน ให้ดูแลอย่างดีอย่าให้เด็กอดอยาก
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินถึงชื่อไทเฮาหลง ก็เฝ้ารอมานานแสนนาน ถึงตอนนี้ใกล้จะได้เจอแล้ว ในใจหยวนชิงหลิง ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่มีความลังเลเหมือนแบบคิดถึงบ้านด้วย ตอนที่มา ที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าไทเฮาหลง จะสามารถแก้อาถรรพ์สาวหมอผีได้หรือไม่ แต่เมื่อได้เหยียบแผ่นดินแคว้นต้าโจว โดยเฉพาะหลังจากที่มาถึงเมืองหลวง ในใจกลับมีความรู้สึกแน่วแน่ขึ้นมา หากนางก็ไม่สามารถแก้ได้ ก็ไม่มีคนที่จะสามารถแก้ได้แล้ว
อยู่บนรถม้า นางถามจิ่นหนิงว่า “ตอนที่เจอไทเฮา จะต้องระวังอะไรบ้าง?”
จิ่นหนิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไทเฮาเป็นคนดูเย็นชา แต่จิตใจดี เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นมาก นางจะชอบเจ้าแน่”
หยวนชิงหลิงแบมือ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตื่นเต้นสิ ข้าอยากเจอท่านมาตลอด ตอนนี้จะสมความปรารถนาแล้ว จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?”
จิ่นหนิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “มีอย่างหนึ่งที่ต้องระวังจริงๆด้วย นั่นก็คือเจ้าห้ามเรียกว่าคนแก่ นางยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “นางยังดูอ่อนเยาว์หรือ?”
“เดิมก็ไม่ค่อยแก่อยู่แล้ว นางกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีอายุไล่เลี่ยกัน”
“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ลูกของนางหรือ? พระมารดาของฮ่องเต้น่าจะเป็นไทเฮาถง” เดิมหยวนชิงหลิงเคยได้เรื่องนี้ แต่สำหรับความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้ ยังคงไม่ค่อยรู้เรื่อง
จิ่นหนิงพูดขึ้นว่า “ไม่ผิด ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ลูกแท้ๆของไทเฮา”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าได้ยินมาว่าไทเฮาอภิเษกกับอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ เรื่องนี้ฮ่องเต้เห็นด้วยไหม? และยังเคารพนางเป็นไทเฮาด้วย”
“ตอนนั้นตอนที่ไทเฮาอภิเษกกับไทเฮาองค์ก่อน ฮ่องเต้องค์ก่อนได้ล้มป่วยแล้ว ไม่ได้เข้าห้องหอ เพียงแค่แต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮา ก่อนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ได้สั่งเสียไว้ว่า ไทเฮาจะต้องช่วยสนับสนุนให้องค์ชายรัชทายาทในตอนนั้นขึ้นครองราชย์ให้ได้ ตอนนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่รู้อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่ายังไง ฮ่องเต้สามารถได้ขึ้นครองราชย์อย่างมั่นคง เป็นความดีความชอบของไทเฮากับอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงเคารพนับถือไทเฮาอย่างมากกว่าท่านแม่ของตนเองด้วยซ้ำ”
หยวนชิงหลิงคิดว่าประวัติศาสตร์ช่วงนั้นจะต้องสั่นสะเทือนอย่างมากแน่ ยังไงการต่อสู้กันภายในราชสำนัก เป็นการต่อสู้โดยที่ทหารไม่ต้องเปื้อนเลือด และเป็นอันตรายมากกว่าปกติ พร้อมถามขึ้นว่า “งั้นไทเฮาไม่มีบุตรหรือ? รับตำแหน่งอยู่ในราชสำนักหรือ?”
“ไทเฮากับอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ฉินเทียนมีลูก แต่ไม่อยู่ในราชสำนัก ใครก็ต่างล้วนไม่เคยเห็น เห็นว่าอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ฉินเทียนพาไปยังสถานที่หนึ่ง จากนั้นก็สืบตำแหน่งของใครคนหนึ่ง นี่ล้วนเป็นคำร่ำลือ ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วอะสือ น่าจะรู้ค่อนข้างมากหน่อย หากเจ้าสนใจ เดี๋ยวข้าถามฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วให้”
หยวนชิงหลิงรีบโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ม่ ไม่ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้อยากที่จะล่วงรู้เรื่องส่วนตัว ไม่ต้องถาม”
“ได้ งั้นก็ไปเจอหน้าอย่างมีความสุข” จิ่นหนิงพูดขึ้น นางเองก็ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น สำหรับเรื่องพวกนี้ รู้หรือไม่รู้ก็ไม่เป็นไร และก็ไม่สนใจที่อยากจะไปรู้เรื่องนี้จริงๆ
หลังจากรถม้ามาถึงประตูวัง ทหารรักษาพระองค์เดินมาคาราวะสอบถาม จากนั้นก็ปล่อยให้เข้าไป รถม้าสามารถขับเข้าไปได้ พอถึงประตูทิศใต้ค่อยลงรถม้า มีเกี้ยวในวังมารับ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่าเดินไปดีกว่า ไม่ต้องนั่งเกี้ยวเข้าไป
ทั้งสี่คนจึงเดินมาถึงพระตำหนักภายในแคว้นต้าโจว
กำแพงวังสีแดงเลือดหมู หลังคาเคลือบสีทอง ถนนวังกว้างขวาง ยิ่งใหญ่อลังการยิ่งพระราชวังเป่ยถัง หยู่เหวินเห้ากับจิ้งถิงเดินอยู่ข้างหน้า ไม่รู้คุยเรื่องอะไรกัน ทั้งสองคนพูดแล้วก็หัวเราะกันขึ้นมา ท่าทางมีความสุขอย่างมาก
ผู้หญิงทั้งสองคน ที่อยู่ด้านหลังต่างก็เคยชินกับภาพนี้แล้ว แต่ก็รู้สึกดีใจ ชีวิตคนเราได้เจอคนที่รู้ใจกัน ถือเป็นเกียรติขนาดไหน?
พวกนางไปเข้าเฝ้าไทเฮาก่อน เพราะเวลานี้ฮ่องเต้ยังต้องจัดการงานราชการ เพื่อที่จะได้มีเวลามาต้อนรับหยู่เหวินเห้า ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงไปเข้าเฝ้า ถวายพระพรไทเฮาก่อน จากนั้นค่อยไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกับจิ้งถิง
ไทเฮาหลงอยู่ที่ตำหนักเฟยเฟิ่ง เพราะได้รายงานไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ดังนั้นจึงมีแม่นมสองคนรอรับอยู่ตรงหน้าตำหนัก เห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ก็รีบทำความเคารพ
จิ่นหนิงยื่นไปพยุง พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “แม่นมสองคนนี้อยู่กับไทเฮามาเนิ่นนาน ได้รับความไว้วางใจจากไทเฮาอย่างยิ่ง”
หยวนชิงหลิงย่อตัวรับไหว้ ทั้งสองคนรีบพูดห้ามอย่างเกรงใจ แล้วก็นำทางพาเข้าไป
ภายในตำหนักเฟยเฟิ่งปลูกดอกเหมยสีเขียวไว้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ดอกเหมยสีเขียวกำลังบาน เมื่อเข้ามาในห้องโถงก็ได้กลิ่นหอมหวน หยวนชิงหลิงชอบดอกเหมยมาก ตอนนี้ได้เห็นภาพดอกเหมยบานใหญ่บานสะพรั่งลดกิ่งก้านลง อัศจรรย์อย่างมาก
ความสนใจของหยู่เหวินเห้า ก็นับว่าน่ายกย่อง เขาเดินผ่านจิ้งถิงไปหาหยวนชิงหลิง จับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าชอบดอกเหมย รอเมื่อกลับประเทศแล้ว ข้าปลูกให้เจ้า เรามีที่ดิน”
หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใหม่ ทำไมมาถึงแคว้นต้าโจวแล้วจู่ๆก็รู้จักเอาอกเอาใจขึ้นมา
หยู่เหวินเห้ากระซิบพูดข้างหูของนางว่า “จิ้งถิงสร้างสนามศิลปะการต่อสู้ให้กับจิ่นหนิง ข้าก็ต้องดีกับเจ้าบ้าง”
พูดเสร็จ แล้วก็ยิ้มให้กับนางด้วยคิ้วที่เฉียบคม ทำให้แลดูลึกซึ้งอย่างมาก
หยวนชิงหลิงหัวเราะ ที่แท้ก็เห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง ก็ดี ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แม้แต่น้ำแข็งอย่างจิ้งถิง ยังรู้จักเห็นอกเห็นใจ เอาอกเอาใจ จึงรู้ตัวเองว่าตนทำได้ไม่ดีพออยู่แล้ว
แม่นมนำพามาในพระตำหนัก แล้วก็เห็นตรงธรณีประตูมัดหมาไว้หนึ่งตัว ท่าทีขี้เกียจเหมือนแมว เห็นคนเข้ามา ยังไม่ยกเปลือกตาขึ้นมามองสักนิด นอนหงายท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่นในฤดูหนาวต่อไป
เข้ามาภายในพระตำหนัก แล้วก็เห็นหญิงงามนั่งอยู่บนเก้าอี้ นางสวมชุดผ้าซาตินสีเขียวอ่อน เกล้าผมสูง ประดับผมด้วยเครื่องประดับเรียบง่ายแต่ดูดีและเรียบร้อย ริมฝีปากแดง ดวงตากลมโต เงยขึ้นมองดูหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงกำลังจะรีบทำความเคารพ กลับได้ยินจิ่นหนิงพูดขึ้นว่า “เฮ้อ ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วมาแต่เช้าเลยหรือ?”
ที่แท้ก็เป็นฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋ว หยวนชิงหลิงรู้ว่าเดิมนางเป็นคนข้างกายของไทเฮา ชื่ออะสือ ต่อมาได้แต่งงานกับเจ้าพระยาจิ้งกั๋ว ตอนนี้สนิทสนมกับไทเฮาอย่างมาก
ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วลุกขึ้นยืนทำความเคารพทุกคน จิ่นหนิงถามขึ้นว่า “ไทเฮายังไม่ออกมาหรือ?”
ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วพูดขึ้นว่า “ไปเข้าห้องน้ำแล้ว คนแก่อายุเยอะแล้ว กลั้นฉี่ไว้ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ยังนึกว่าฟังผิดไป เป็นถึงฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋ว กล้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้ในพระตำหนักไทเฮา ยังเรียกไทเฮาว่าคนแก่?
ตำหนักเฟยเฟิ่งนี้ เป็นเช่นนี้…เรียบง่ายเป็นกันเองหรือ?
จิ่นหนิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยิน อยากฝึกวิชากระดูกหดตัวอีกแล้วหรือ?”
แม่นมหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อวานคนปากดีฝึกอยู่ ไม่เช่นนั้นวันนี้จะขุ่นเคืองใจขนาดนี้หรือ? ฝึกทั้งคืน เพิ่งคลายเมื่อกี้ โน่น สายเชือกเตาปายังวางอยู่ตรงนั้น”
หยวนชิงหลิงมองดูเชือกที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างประหลาดใจ สายเชือกเส้นนั้นขาดรุ่งริ่งมาก เหมือนโดนสับไปแล้วหลายครั้ง เรียกว่าสายเชือกเตาปาถือว่าสมชื่อ
“โกยู่ ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้” ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วพูดขึ้นอย่างเศร้าสร้อย
ด้านนอกมีเสียงไอดังขึ้น ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วเงียบทันที แล้วก็เห็นสายเชือกเตาปาบินลอยขึ้นมา รวบรัดตัวฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วไว้ ความรวดเร็วนี้น่าตกใจมาก หากหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แทบไม่อยากเชื่อ
หลังจากมัดไว้แล้ว ยังสามารถผูกปมด้วยตนเอง รวบรัดฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วไว้แน่น