บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 987 สามารถส่งเจ้าไปกลับไปได้
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างค่อนข้างไม่อยากเชื่อว่า “พวกเขาสามารถมองเห็น? นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้มั้ง? พวกเขาไม่เคยได้รับความรู้ทางด้านนี้”
ไทเฮาหลงหัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยรับรู้ แต่สามารถมองเห็นไหม?”
หยวนชิงหลิงอึ้ง รู้ว่านางพูดล้อเล่น จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้ากลับกลายเป็นไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ อะไรก็ไม่เป็น”
ไทเฮาหลงพูดขึ้นว่า “เจ้าสามารถรักษาชีวิตไว้ มีชีวิตอยู่ที่นี่ได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไม่ต้องพยายามอย่างอื่น เชื่อข้า กลับไปพาพวกเขาไปดูสักครั้ง หากพวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งของภายในวังน้ำวน ถือเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมาก”
ถึงแม้หยวนชิงหลิง จะรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่พวกเด็กๆรู้จะมีไม่มาก แต่ไทเฮาหลงพูดเช่นนี้ ไม่น่าที่จะเป็นการพูดกับนางไปเรื่อย จึงตอบรับคำ
ไทเฮาหลงพูดขึ้นอีกว่า “หากเจ้าอยากกลับไปสักครั้ง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกตกใจอย่างที่สุด มองดูนางอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้? กลับไปยังสมัยของข้านั้น?”
สายตาไทเฮาหลงเป็นประกายแวววาว หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ได้แน่นอน”
ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วที่ถูกมัดไว้ทางด้านนั้นพูดขึ้นว่า “อย่าเห็นว่านางเป็นคนดี นางช่วยคนเพราะมีเงื่อนไข นางไม่ได้ใจดีขนาดนั้น”
ไทเฮาหลงกวาดสายตามองดูนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะสือ เจ้าโง่หรืออยู่ไม่สุข?”
ฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็ช่วยเจ้าพูดไม่ดีหรือ?”
หยวนชิงหลิงตกอยู่ในความตื่นเต้นที่หวังอยากจะได้กลับบ้าน ใจเต้นสั่นไหว พยายามรักษาความสงบ พร้อมพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ไทเฮา หากท่านสามารถช่วยข้าหนึ่งครั้ง ท่านต้องการเงื่อนไขอะไรก็บอกมาเลย หากเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่ข้าสามารถทำได้ ล้วนไม่มีปัญหา”
ไทเฮาหลงโบกมือ เรียกสายเชือกเตาปากลับมา คืนความอิสระให้กับอะสือฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋ว แล้วให้นางกับจิ่นหนิงออกไปก่อน เหลือเพียงหยวนชิงหลิงไว้ในตำหนักคนเดียว
รอเมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว ไทเฮาหลงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าส่งเจ้ากลับบ้านไปหนึ่งครั้ง ขอให้เจ้ากระทำเพียงสิ่งเดียว หลังจากกลับไปแล้ว ทำลายงานวิจัยของเจ้าทั้งหมด”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำลาย? เพื่ออะไร?”
“หากงานวิจัยของเจ้าประสบความสำเร็จ ถูกนำไปผลิต เจ้ารู้มั้ยว่านั่นหมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงเคยคิดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะหลังจากเจ้าอาวาสกลับไป นางเป็นกังวลอย่างมาก เพราะยานี้ไม่ได้อยู่ในมือของนางอีกต่อไปแล้ว นางไม่สามารถควบคุมได้ ที่จริงต่อให้นางอยู่ในยุคปัจจุบัน ขอเพียงงานวิจัยประสบความสำเร็จ คาดว่าสถาบันวิจัยคงจะนำไปผลิตเป็นจำนวนมาก แน่นอน เนื่องจากต้นทุนการวิจัยและพัฒนาในช่วงต้นนั้นสูงเกินไป ยานี้จึงต้องขายในราคาแพง คนที่สามารถซื้อได้ล้วนมีแต่คนรวย นี่ก็เท่ากับว่า ลูกหลานรุ่นหลังของคนพวกนี้ จะฉลาดมากและเชี่ยวชาญความสามารถบางอย่าง เมื่อความมั่งคั่งกับพลังงานสะสมถึงระดับหนึ่ง พฤติกรรมของคนเหล่านี้ สามารถควบคุมได้โดยบุคคลนั้นมีสติสัมปชัญญะหรือไม่ และก็เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด
ไทเฮาหลงพูดต่อว่า “หากเจ้าคิดภาพไม่ออก งั้นก็เปรียบเทียบหากเป่ยถังมีเด็กหนึ่งพันคนเหมือนกับลูกของเจ้า เจ้าลองคิดดู ระบอบการปกครองของเป่ยถัง ยังจะสามารถมีเสถียรภาพไหม? ที่จริงเจ้าไม่ควรให้เจ้าอาวาสกลับไปสานต่องานวิจัยของเจ้า แต่เพราะตอนนั้นสถานการณ์ฉุกเฉิน ชีวิตของเจ้าแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตัดสินใจกระทำเช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ แต่ตอนนี้เจ้าหายห่วงทุกอย่างแล้ว”
หยวนชิงหลิงพึมพำพูดขึ้นว่า “และก็โชคดีที่เขาไม่สามารถวิจัยได้สำเร็จ”
ไทเฮาหลงพูดขึ้นอย่างลึกซึ้งว่า “ใช่ ทำไมเขาถึงวิจัยไม่สำเร็จ? ตามข้อมูลวิจัยของเจ้าทั้งหมด ตามหลักแล้วเขาสามารถทำได้ แต่เขาไม่ทำ”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
ไทเฮาหลงพูดขึ้นตรงๆว่า “ไม่ผิด ข้าสั่งคนทำลาย แอบเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเจ้า แก้ไขข้อมูลของนาง แต่นางเป็นคนฉลาด นางจะสามารถพบกับปัญหาจากนั้นก็สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น ข้าจึงต้องการให้เจ้าทำลายทั้งหมด”
“งั้นในเมื่อท่านสามารถสั่งคนแอบทำลายคอมของเขาได้ ก็ต้องสามารถสั่งคนทำลายข้อมูลทั้งหมดได้” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ไทเฮาหลงพูดขึ้นว่า “คอมพิวเตอร์ของเขาสามารถแอบเข้าไปได้ กระทั่งทำให้เขาเลิกทำการวิจัยก็ยังได้ แต่งานวิจัยของเจ้าอยู่ในคลังฐานข้อมูลของสถาบันวิจัยพวกเจ้า และก็มีคนแอบทำการวิจัย คำว่าทำลายที่ข้าพูดถึง ไม่ใช่การทำลายข้อมูลของเจ้าทั้งหมด แต่ให้เจ้าแก้ไขฐานข้อมูลบางส่วนอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาสามารถทำการวิจัยต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถทำการวิจัยสำเร็จ สามารถทำการแก้ไขอย่างไรร่องรอย เชื่อว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่สามารถทำได้ ต่อไปอีกสามถึงห้าปี พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะปล่อยวางไปเอง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หยวนชิงหลิงพยักหัว แต่ยังมีอย่างหนึ่งนางยังคงไม่เข้าใจ จึงถามขึ้นว่า “ทำไมท่านถึงรู้เรื่องพวกนี้? อีกอย่างท่านหยุดงานวิจัยพวกนี้เพื่อ….”
“รักษาความสมดุล” ไทเฮาหลงไม่รอนางถามเสร็จ ก็พูดตอบขึ้นว่า “ส่วนข้ารู้ได้อย่างไร เจ้าก็ไม่ต้องถามแล้ว พูดสามวันสามคืนก็พูดไม่หมด เจ้าลองคิดดู หากเจ้ายอมทำรายงานวิจัยของเจ้าได้ ข้สามารถส่งเจ้ากลับไปได้ แม้กระทั่งองค์ชายรัชทายาทกับลูกของเจ้าก็สามารถกลับไปด้วยได้ แต่เรื่องนี้จะต้องจัดการให้สำเร็จ หากไม่จัดการเรื่องนี้ สำหรับเป่ยถังก็ถือเป็นอันตรายเหมือนกัน”
หยวนชิงหลิงอึ้งอีกครั้ง พร้อมถามขึ้นว่า “นี่เกี่ยวข้องอะไรกับเป่ยถัง?”
ไทเฮาหลงถอนหายใจเบา มองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เช่นนั้น เจ้าคิดว่าทำไมหงเย่จะต้องตามหาทะเลสาบจิ้ง? ทำไมจะต้องเข้าใกล้เจ้า? ก่อนที่เจ้ากลับไป เจ้าอาวาสเคยพูดกับเจ้าไหมว่า ลิงยังไม่ตาย?”
หยวนชิงหลิงลืมตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “หงเย่คือลิงจริงหรือ?”
“เขาไม่ใช่ลิง แต่สติของลิงเคยไปรบกวนสมองของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับโลกใบนั้น และอีกอย่าง ทำไมเจ้าอาวาสถึงรู้ว่าลิงยังไม่ตาย? ระหว่างเจ้าอาวาสกับหงเย่เกี่ยวข้องอะไรกันไหม? พวกนี้เจ้าเคยคิดไหม?”
หยวนชิงหลิงตกใจ พร้อมถามขึ้นว่า “ระหว่างเจ้าอาวาสกับหงเย่….พวกเขาเกี่ยวข้องกัน?”
“ด้วยความล้ำลึกของหงเย่ โกหกเจ้าอาวาส เป็นเรื่องง่ายมาก”
จู่ๆหัวสมองของหยวนชิงหลิง ก็เกิดความวุ่นวายมึนชาขึ้นมา คิดถึงก่อนที่เจ้าอาวาสจะกลับไป ได้พูดกับนางว่า อยากที่จะสานงานวิจัยต่อ ประโยคนี้ฟังแล้วไม่เท็จ แต่รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ในแววตาเหมือนหลบซ่อนอะไรอยู่ อย่างรู้สึกผิด
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้นจุดประสงค์ที่เจ้าอาวาสกลับไปคิดค้นยา ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อช่วยข้า ยังเป็นการทำเพื่อหงเย่หรือ? หงเย่รู้ว่ายานี้สามารถสร้างพลังเหนือธรรมชาติได้”
“หงเย่ต้องการยานี้ไปทำอะไรกันแน่ ตอนนี้ยังไม่รู้ เขามีความทะเยอทะยานอย่างอื่นหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ สิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้ นั่นก็คือเขาต้องการยานี้มาก ความลับของทะเลสาบจิ้ง เขาก็กำลังหา เพราะเมื่อยานี้ทำการวิจัยสำเร็จ จะสามารถส่งมาให้กับเขาผ่านทางทะเลสาบจิ้งได้”
ไทเฮาหลงเงียบไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างไม่เข้าใจว่า “ที่จริงตามที่ข้าตามสืบเขา เขามีความหวังต้องการครอบครองอำนาจกับแผ่นดินไม่มาก ไม่เหมือนกับต้องการที่จะครอบครองใต้หล้า ดังนั้นเขาต้องการอะไรกันแน่ แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ แต่หากจะพูดว่าเขาไม่มีเป้าหมายอะไรเลย นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาต้องการอยากได้ยานี้อย่างที่สุด ยังไงก็จะต้องมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ที่จริงความต้องการของหงเย่ ข้ากับองค์ชายรัชทายาทก็เคยคิดกันแล้วหลายครั้ง แต่ก็คิดอะไรไม่ออก จึงไม่อยากที่จะไปสนใจ ว่ากันไปทีละก้าว คอนระมัดระวังไว้ก็พอ”
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ภายในตำหนักหนึ่งชั่วโมงเต็ม ประตูตำหนักค่อยเปิดออก ไทเฮาหลงให้หยวนชิงหลิงกลับไปครุ่นคิดดู หากยินยอมที่จะทำเช่นนี้ ค่อยกลับมาหานาง