บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 994 ไปหาฟางหวู
บ้านของพ่อตามีสามห้องนอน ทีแรกหยู่เหวินเห้าคิดว่าตอนที่นอนจะต้องนอนกับหยวนชิงหลิงเป็นแน่ ใครจะรู้ก่อนเข้านอน หยวนชิงหลิงกลับบอกเขาว่า คุณแม่อยากนอนกับนาง แม่ลูกทั้งสองพูดคุยกัน นางจะเอาเจ้าแฝดไปนอนด้วย
“เช่นนั้นข้านอนกับลูกๆละกัน” หยู่เหวินเห้าอยู่กับหยวนชิงหลิงมานานขนาดนี้แล้ว นอกจากเดินทางไปข้างนอก ทั้งสองล้วนนอนด้วยกัน แยกกันนอนอย่างกะทันหัน ยังไม่คุ้นเคยจริงๆ แต่เงื่อนไขของที่นี่ไม่อำนวย ทำได้เพียงเช่นนี้แล้ว
“หยวนชิงหลิงซบบนไหล่ของเขา “แต่พวกลูกๆบอกว่าอยากนอนกับพี่ชาย พี่ชายก็รับปากแล้ว”
“ข้านอนคนเดียว? งั้นพ่อตาล่ะ?” หยู่เหวินเห้ามองดูนางด้วยความประหลาดใจ
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้ว “พ่อตาของท่านบอกว่าอยากอยู่กับท่านสักคืน เขามีความสนใจในเรื่องราวของเป่ยถังเป็นอย่างมาก อยากสนทนากับท่าน พูดคุยกัน”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางอย่างตะลึงในพริบตา “อะไร?”
เขาไม่นอนกับผู้ชายนะ
“ท่านพูดในลิฟต์ว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้ข้าน้อยใจอีก งั้นข้าขอร้องท่านครั้งหนึ่ง ถูๆไถๆสักหน่อย คุณพ่อก็อยากทำความเข้าใจท่านสักหน่อย”
“เช่นนั้นก็สามารถคุยตอนกลางวันได้นี่”
“กลางวันคนเยอะ ต่างคนต่างพูด คุณพ่อก็ถามในสิ่งที่อยากถามไม่ได้ไงล่ะ”
ในใจของหยู่เหวินเห้ามีความไม่เต็มใจเป็นพันหมื่น แต่ว่า มองดูสายตาอ้อนวอนของหยวนชิงหลิง นั่นทำให้คนไร้หนทางจะปฏิเสธได้จริงๆ ทำได้เพียงถอนใจและค่อยๆพยักหน้า “นอนได้เพียงแค่หนึ่งคืนเท่านั้น”
“คุณหยู่เหวิน คุณเป็นคนดีจริงๆ!” หยวนชิงหลิงจูบไปบนแก้มของเขาทีหนึ่ง
จิตใจของหยู่เหวินเห้าปั่นป่วนจะตายแล้ว เป็นผู้ชายที่ต้องเข้าอกเข้าใจคนชั่งลำบากจริงๆเชียว
ชะงักครู่หนึ่ง “ข้าให้ข้าวเหนียวมาอยู่เป็นเพื่อนได้หรือไม่?”
“ท่านไปหาเขา หากว่าเขาตกลง ก็ได้เป็นธรรมดา” หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว
หยู่เหวินเห้าออกไป พูดคุยกับพวกเด็กๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาที่เป็นพ่อผู้นี้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีอำนาจโดยสิ้นเชิง ไม่มีคนกลัวเขาและไม่มีคนเห็นใจเขา บังคับผลักให้เขาไปนอนกับคุณตา คนอื่นเขาอยากเล่นเกมกับคุณลุง
เขาไปหาพี่ชายของหยวนชิงหลิง พี่ชายของหยวนชิงหลิงกำลังโทรศัพท์หาฟางหวูอยู่ที่ระเบียง บอกว่าพรุ่งนี้จะพาหยวนชิงหลิงไปหานาง
หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว เห็นหยู่เหวินเห้าอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้ เขาก็รู้แล้วสาเหตุแล้ว ยิ้มพร้อมกล่าวว่า: “อันที่จริงเรื่องนี้เป็นคุณพ่อที่เสนอออกมา เขาไม่อยากให้นายนอนกับน้องสาว”
หยู่เหวินเห้าตะลึงเล็กน้อย “ทำไม?” แย่แล้ว หรือจะบอกว่าพ่อตาไม่ชอบเขางั้นหรือ? มิน่าล่ะวันนี้เห็นว่าเขามักจะจับตาดูตัวเองอยู่เสมอ
“อย่าคิดเรื่อยเปื่อย เขาชอบนายแน่นอน” พี่ชายของหยวนชิงหลิงยืนอยู่กับเขาที่ระเบียง มองดูแสงไฟนับหมื่นของบ้านเรือน ถอนหายใจเบาๆ “ตอนที่น้องสาวจากไปยังเป็นคนโสด พาผู้ชายกลับมาบ้านอย่างกะทันหัน ต้องการจะนอนด้วยกัน คุณพ่อรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
ภรรยาของนาย เคยเป็นลูกรักที่เขารักและทะนุถนอมมายี่สิบกว่าปี นายต้องเห็นใจในความรู้สึกเช่นนี้ของเขา เขาจะต้องอยากเข้าใจนายสักหน่อยเป็นแน่ หากว่านายทำให้เขาวางใจได้แล้ว แบบนั้นเขาก็เขาถึงจะมอบลูกสาวสุดที่รักของตัวเองให้นายได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
หยู่เหวินเห้านิ่งเงียบแล้ว มือทั้งของข้างวางอยู่บนราว อันที่จริงในบ้านหลังนี้ก็มีกลิ่นอายของยายหยวนอยู่ทุกหนทุกแห่ง รูปถ่ายเมื่อก่อนของยายหยวน นางเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ที่นี่คือบ้านของนาง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดของนาง ตอนนั้นที่นางจากไป คนจากไปแล้ว แต่นางจะหลุดออกไปจากจิตใจของคนในครอบครัวได้อย่างไรกัน?
เขาเข้าใจพ่อตา และเห็นใจ
บางที เขาก็จำเป็นต้องพูดความในใจกับพ่อตาด้วย บอกเขาว่า เขาปฏิบัติต่อยายหยวนอย่างไร ทำให้เขาวางใจถึงที่สุด
“รีบเข้านอน พรุ่งนี้ยังต้องไปสถาบันวิจัยอีก” พี่ชายของหยวนชิงหลิงตบไหล่ของเขา
หยู่เหวินเห้าลากฝีเท้าเข้าห้องด้วยความหนักหน่วงและยากลำบาก พ่อตาปูเตียงเสร็จแล้ว เห็นเขาเข้ามา เห็นได้ชัดว่าทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “ฉันปูพื้นแล้ว คืนนี้เธอนอนเตียง ฉันนอนพื้น”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “พ่อ พ่อนอนเตียง ข้านอนพื้น”
ครั้งแรกที่หยู่เหวินเห้าเรียกพ่อ ความจริงก็เรียกได้อย่างคล่องปากมาก ทีแรกเขาคิดว่าจะเขินอายมากน่ะ
แต่ศาสตราจารย์หยวนกลับอึ้งไป หลังจากนั้นดวงตาก็แดงเล็กน้อย “ดี ดี ดื่มเบียร์ไหม? ฉันเอาเบียร์กระป๋องมาให้เธอ พวกเราลูกผู้ชายคุยกัน”
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าเป็นเหล้า อยากดื่มสักอึก นอนห้องเดียวกันกับคนที่ยังนับว่าเป็นคนแปลกหน้า อาจจะต้องการแอลกอฮอล์สักหน่อย
หยิบเบียร์สองกระป๋องออกมาจากตู้เย็น เย็นมาก หยู่เหวินเห้าไม่เคยดื่มชนิดนี้มาก่อน พ่อตาช่วยเขาเปิด เขาดื่มไปอึกหนึ่ง รู้สึกว่าเย็นชื่นใจ ไม่เลวทีเดียว
“ข้าไม่เคยดื่มเหล้าชนิดนี้มาก่อน ที่นั่นของพวกเรา ล้วนดื่มเหล้าที่เข้มข้น” หยู่เหวินเห้านั่งข้างเตียง มองดูศาสตราจารย์หยวนแล้วเริ่มพูดคุย
“เธอพูดเรื่องเป่ยถังให้ฉันฟังมากๆหน่อย ฉันอยากฟัง” ตอนนี้ศาสตราจารย์หยวนมีความรู้สึกใกล้ชิดต่อคำว่าเป่ยถังสองคำนี้อย่างเปี่ยมล้น ตอนนี้ลูกสาวเป็นคนของเป่ยถังแล้ว
เดิมทีหยู่เหวินเห้าคิดว่าการสนทนารอบนี้จะค่อนข้างจริงจังไม่เป็นตัวเอง แต่ว่า พ่อตากลับเป็นคนที่เห็นโลกมามากความรู้เยอะ แม้แต่สถานการณ์ในราชสำนักก็สามารถวิเคราะห์กับเขาได้ ถึงกระทั่งเรื่องของเจียงเป่ยหนานเจียง ก็สามารถใช้สถานการณ์บางส่วนของประเทศในตอนนี้ของพวกเขาได้ ทำการสรุปเปรียบเทียบและวิเคราะห์ นี่ทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์จริงๆ
ทั้งสองสนทนากันแทบจะทั้งคืน
แม่ลูกทางนั้น ก็แทบจะพูดคุยกันตลอดทั้งคืน แม่ของหยวนชิงหลิงจับมือของลูกสาวไว้ตลอด ลูกสาวนอนหลับแล้วเธอก็ยังไม่สามารถหลับได้ ทุกอย่างราวกับความฝัน เพ่งมองใบหน้าหลับใหลของลูกสาว นึกถึงวันที่เธอเคยอยู่ข้างกาย เธอก็ยากที่จะกลั้นน้ำตาไว้ เลี้ยงลูกหนึ่งร้อยปี เป็นกังวลเก้าสิบเก้าปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนี้ลูกสาวจะไม่ได้อยู่ข้างกายตัวเองอีก จะทำให้คนที่เป็นแม่วางใจได้อย่างไร?
นึกถึงว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอมีเวลาแค่สามวัน เธอก็ยิ่งหลับไม่ลง สามารถมองได้มากขึ้นก็มองให้มากขึ้น ก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเสียใจที่ไม่ได้มองให้มากๆหน่อยหลังจากที่เธอจากไป
วันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงนัดฟางหวูไปที่สถาบันวิจัย แน่นอนว่าหยู่เหวินเห้าไม่สามารถไปได้ พวกเขาจึงจัดการไปเที่ยวเล่นกัน พี่ชายของหยวนชิงหลิงได้เลือกโปรแกรมบนอินเทอร์เน็ตไว้ล่วงหน้าแล้ว ได้ยินว่าน้องเขยเป็นแม่ทัพ ดังนั้นจึงตัดสินใจพาเขาไปบันจีจัมป์ และไปกระโดดร่ม กิจกรรมที่ตื่นเต้นเหล่านี้ เด็กๆไม่สามารถเล่นได้ ดังนั้น ผู้เฒ่าสองท่านที่บ้านจึงพาพวกเด็กๆไปสวนสนุก
มีฟางหวูพาไป หยวนชิงหลิงสามารถเข้าสถาบันวิจัยได้ ร่างกายเดิมของเธอก็อยู่ที่สถาบันวิจัย ไม่ได้ละลายน้ำแข็ง แต่ได้เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ตรวจสอบเพื่อติดตามสถิติข้อมูลของเธออยู่ทุกขณะ
เห็นร่างกายของตัวเองจากในกล้องวงจรปิด ความรู้สึกในจิตใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกสับสนจริงๆ
แต่ฟางหวูกลับเผยความดีใจเป็นที่สุดออกมา พูดตลอดว่าเธอมาแล้ว นั่นก็มีความหวังจะสำเร็จแล้ว
หยวนชิงหลิงนึกถึงคำของไทเฮาขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะมองนางสองสามแวบ อดกลั้นที่จะเอ่ยถามไม่ได้จริงๆ: “คุณรู้จักท่านชายหงเย่หรอ?”
ฟางหวูตะลึงเล็กน้อย “ทำไมหรือ?”
“อยากรู้ที่มาของคุณกับท่านชายหงเย่” หยวนชิงหลิงกล่าว
ฟางหวูนิ่งเงียบเล็กน้อย “คุณรู้?”
“ดังนั้นที่คุณกลับมาค้นคว้าวิจัยยา ความจริงแล้วก็เพื่อเขา?” ในใจของหยวนชิงหลิงโกรธเคืองเล็กน้อย ตอนนั้นพูดอย่างมีเหตุผลตรงไปตรงมาซะเหลือเกิน? คิดไม่ถึงว่าจะปิดบังเรื่องส่วนตัวไว้มากมายเพียงนี้
“คุณอย่าเข้าใจผิด ไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งหมด” ฟางหวูอธิบาย “ฉันมีเหตุผลส่วนหนึ่งที่เป็นเพราะเขาจริงๆ แต่ก็เพราะฉันที่ต้องการอยากจะวิจัยเอง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นสถานการณ์ของคุณก็รอช้าไม่ได้สักวินาที”
หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม: “เขาต้องการยาไปทำอะไร?”
“ฉันไม่รู้”
หยวนชิงหลิงโมโหอย่างฉับพลัน “ไม่รู้? คุณไม่รู้ว่าเขาต้องการใช้ประโยชน์อะไรจากยาแต่คุณกลับตกลงจะให้ยากับเขา? ตัวคุณเองก็เป็นนักวิจัย หรือคุณไม่รู้ว่านี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมากๆอย่างนั้นหรือ?”
“ฉันเชื่อใจเขาได้ เจตนาเดิมของเขาไม่ได้เลวร้าย” ฟางหวูมองดูเธออย่างจนปัญญา “ช่างเถอะ ไม่ต้องถกกันเรื่องเหล่านี้ ยายังไม่ได้ผลิตออกมา คุณดูสิว่า ฉันทำผิดตรงไหนกันแน่? ทำไมทั้งสองสามครั้งถึงได้ล้มเหลวทั้งหมด?”
“คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเข้าไปดูคลังสถิติข้อมูลได้ไหม?” ตอนนี้หยวนชิงหลิงไม่สามารถเปิดใจทุกอย่างต่อฟางหวูได้แล้ว