บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 995 ฟางหวูไม่เห็นด้วย
เปลี่ยนแปลงไม่ยาก อีกทั้งฟางหวูก็มองร่องรอยใดๆไม่ออกโดยสิ้นเชิง เธอไม่ได้มีความรู้ต่อข้อมูลสถิติอย่างทะลุปรุโปร่ง ในการวิจัยของเธอคละเคล้าความคิดและข้อมูลของตัวเองมากเกินไป แม้จะบอกว่าครั้งที่สองเป็นไปตามข้อมูลของหยวนชิงหลิงทั้งหมด แต่ข้อมูลนั่นก็ได้ถูกไทเฮาหาคนมาปลอมแปลงตั้งนานแล้ว ดังนั้นในมือของฟางหวูตอนนี้ก็ไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน
เพื่อทำให้หยวนชิงหลิงสบายใจ เธอกล่าวว่า: “สำหรับหลังจากการวิจัยพัฒนายาออกมาแล้ว จะให้ท่านชายหงเย่หรือไม่ จุดนี้ฉันจะถามคุณก่อน คุณบอกว่าให้ได้ แบบนั้นฉันก็จะให้”
“คุณกับท่านชายหงเย่มีความเป็นมาอะไรยังไงกันแน่?” หลังจากที่หยวนชิงหลิงเปลี่ยนแปลงแล้ว โล่งใจขึ้นเล็กน้อย จึงเอ่ยถาม
ตามหลักเธอคือเจ้าอาวาสของนาง โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะไปมาหาสู่กับหงเย่ จะสามารถวิจัยยาเพื่อหงเย่ได้อย่างไร?
ฟางหวูกล่าว: “คุณเชื่อฉัน เขาไม่ได้มีความมักใหญ่ใฝ่สูงมากนัก แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเขาจะใช้ประโยชน์อะไรจากยาจริงๆกันแน่ แต่เขาเคยเปิดเผยกับฉันว่า ใช้เพื่อช่วยคน”
“งั้นคุณบอกต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวให้ฉันฟัง” ตอนนี้หยวนชิงหลิงไม่เชื่อเธอมาก หลอกนางตั้งแต่เริ่มแรก ถึงตอนนี้ก็เดี๋ยวบอกว่าไม่รู้เดี๋ยวบอกว่าช่วยคน แต่ที่มาที่เกี่ยวข้องกับเธอและหงเย่กลับไม่เอ่ยขึ้นแม้สักคำ
ฟางหวูขอโทษอย่างแท้จริง “เรื่องส่วนตัวของเขา อีกทั้งไม่ได้ทำให้สถานการณ์โดยรวมเสียหาย ไม่สามารถบอกได้”
หยวนชิงหลิงมองดูเธอแล้วถอนหายใจ “ฟางหวู ตอนที่คุณอยู่เป่ยถังยังน่ารักกว่าหน่อย ตอนนี้ฉันมองคุณไม่ทะลุ ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่ยอมบอก ฉันก็ไม่บังคับ หวังว่าคุณจะจำคำพูดของคุณที่ว่าเขาไม่ได้มีความเจตนาชั่วร้ายมากมายนักไว้ และฉันก็คาดหวังว่าคุณจะไม่ได้ตบหน้าตัวเอง”
ฟางหวูนิ่งเงียบครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ว่าฉันตั้งใจจะปิดบัง เป็นเพราะเรื่องราวมากมายพูดแล้วเรื่องมันยาวจริงๆ แต่มีเพียงคำหนึ่งฉันต้องการจะบอกกับคุณ ยานี้ฉันจำเป็นต้องวิจัยออกมา สำหรับคุณ สำหรับคนอื่นล้วนมีประโยชน์”
“ฟางหวู ทำไมคุณจะต้องวิจัยออกมาให้กันแน่? เป็นเพียงแค่ความดึงดันจริงๆเหรอ?” ตอนนี้หยวนชิงหลิงก็มีความสงสัยในจุดนี้แล้ว
ในตาของฟางหวูมีความจนปัญญาอย่างสุดซึ้ง “เป็นความดึงดัน แต่ก็ไม่ใช่ความดึงดันของฉันทั้งหมด รอหลังจากที่วิจัยออกมาแล้ว ฉันจะสาธยายตั้งแต่ต้นจนจบให้คุณฟังละกัน”
มีนาทีหนึ่งที่หยวนชิงหลิงอยากบอกเธอมากกว่า ไม่สามารถที่จะวิจัยค้นคว้าออกมาได้อีก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะบอกที่ดีอย่างแน่นอน
ฟางหวูก็เหมือนกับว่าจะมองอะไรออก แววตาตึงเครียด กล่าวว่า: “ฉันเพียงแค่อยากให้คุณรู้ ยานี้ก็สำคัญเป็นอย่างมากต่อคุณ ร่างกายของคุณยังจำเป็นต้องฉีดยาอีก ไม่งั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณจะสามารถมีชีวิตได้นานแค่ไหน”
หยวนชิงหลิงยิ้มๆ “ไม่สำคัญ ไม่ว่ายังจะสามารถมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน สำหรับฉันแล้วล้วนเป็นกำไรแล้ว เดิมทีฉันก็ตายไปตั้งนานแล้ว”
ฟางหวูตกตะลึง “คุณคิดแบบนี้ได้ยังไง? เจ้าแฝดของคุณเพิ่งจะคลอด ถ้าคุณมีชีวิตได้อีกไม่นานแล้ว คุณเต็มใจหรือ?”
“ทุกวันล้วนมีคนตายไปมากมายขนาดนั้น ฉันไม่เต็มใจแล้วจะทำอย่างไรได้? พวกเขาไม่เต็มใจแล้วจะทำอย่างไรได้? ฟางหวู ยานี้ฉันเตือนคุณหนึ่งคำ หยุดเถอะ ไม่มีความจำเป็น ทุกคนล้วนต้องตาย”
คำพูดของไทเฮาที่พูดอยู่พักหนึ่ง ความจริงได้ปลุกให้นางตื่นแล้ว นางมีสิทธิ์พิเศษอะไรล่ะ? นางเคยพิเศษไปครั้งหนึ่งแล้ว
การปล่อยวางเช่นนี้ กลับเป็นการคืนความเป็นธรรมอย่างหนึ่งให้กับโลกใบนี้
สีหน้าของฟางหวูค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่าคุณมีความจำเป็นต้องดูภาพสแกนของคุณ”
“ไม่ดู และไม่อยากรู้ ฉันจะเห็นคุณค่าของทุกๆวัน” หยวนชิงหลิงมองดูนาฬิกาที่แขวนบนกำแพง “ฉันต้องไปอยู่กับเจ้าห้าแล้ว กิจกรรมวันนี้ของพวกเขาน่าสนุกมาก ฉันไม่อยากพลาด”
ฟางหวูจับข้อมือของนางไว้ กล่าวด้วยเสียงอันรีบร้อน: “คุณลงมือทำอะไรไปแล้วใช่ไหม? คุณทำแบบนี้ไม่ได้”
“ฟางหวู ตั้งแต่เริ่มคุณก็หลอกฉัน” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่าโกรธเคือง “นี่เป็นการค้นคว้าวิจัยของฉัน ฉันมีอำนาจในการยุติ”
ฟางหวูปล่อยมือของนาง มองดูนาง ในตาสิ้นหวังเป็นอย่างมาก เธอยิ้มอย่างเจ็บปวด “แต่คุณอย่าคิดว่าฉันจะล้มเลิก ฉันจะทำต่อไป ใช้วิธีของคุณไม่ได้ ฉันจะใช้วิธีของฉัน ยังไงซะฉันก็เคยทำสำเร็จ หากว่าฉันค้นคว้าวิจัยออกมาได้ จะให้หงเย่หรือไม่ คุณก็ก้าวก่ายไม่ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้แล้ว สำหรับฟางหวูและหงเย่ นางก็รู้น้อยมากเช่นกัน ในเมื่อถามก็ไม่บอก ก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดามั่วซั่วหาความกลัดกลุ้มให้ตัวเอง สุดท้ายก็ได้เพียงแค่เตือนคำหนึ่งเท่านั้น “หากว่าคุณค้นคว้าวิจัยออกมาได้จริง หวังว่าคุณจะไม่มอบให้กับคนที่มีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝง”
“ตั้งแต่เริ่มจนจบคุณไม่เคยเชื่อฉัน ฉันไม่เคยมีจิตใจคิดทำร้ายคุณ”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความไว้ใจ ฟางหวู คุณยังไม่เข้าใจหรือ? หลังจากที่คุณฉีดยาแล้ว พลังงานน่าทึ่งถึงเพียงใด?” หยวนชิงหลิงชะงักเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็คิดถึงจุดนี้ สมองทะลุปรุโปร่งในพริบตา มองดูเธอ “คุณค้นคว้าวิจัยไม่สำเร็จ ยาที่คุณฉีด ไม่ใช่คุณค้นคว้าวิจัยเอง ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่ต้องการข้อมูลของฉันอย่างเร่งด่วนขนาดนี้หรอก”
ฟางหวูนิ่งเงียบครู่หนึ่ง และไม่อยากพูดแล้ว กล่าวว่า: “คุณจะคิดอย่างไรก็ตามใจ แต่ฉันก็ยังคงเป็นคำพูดนั้น ฉันจะไม่ล้มเลิก”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “อาจจะเป็นการพบหน้ากันครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว ฟางหวู หวังว่าคุณจะไตร่ตรองอย่างกระจ่างแจ้ง”
นางพูดจบก็จากไปแล้ว
ออกจากสถาบันวิจัย สภาพจิตใจของนางค่อนข้างกลัดกลุ้มและหนักหน่วง แม้จะบอกว่าไม่อยากคาดเดาเจตนาของฟางหวูและหงเย่ แต่ว่า เรื่องนี้ก็เป็นหนามชิ้นหนึ่งในใจโดยตลอด
นางขึ้นรถปรับสภาพอารมณ์และจิตใจเล็กน้อย โทรศัพท์หาพี่ชาย
“พี่อยู่ที่ไหน? ฉันไปรวมตัวกับพวกพี่”
“พวกเรากำลังกระโดดบันจีจัมป์!” พี่ชายของหยวนชิงหลิงอยู่ทางนั้นตะโกนด้วยความตื่นเต้น “เธอรีบมา สามีของเธอใจถึงเกินไปแล้ว อีกเดี๋ยวพวกเรายังจะไปกระโดดร่มกันอีก”
หยวนชิงหลิงวางโทรศัพท์ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาแล้ว ขับรถไปรวมตัวกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว
บันจีจัมป์สำหรับเจ้าห้าแล้ว จริงๆไม่ได้นับว่าเป็นความท้าทายที่ลำบากและอันตราย เพราะว่ามีเชือกมัดไว้ กระโดดไปด้านล่างนับว่าเป็นความยากระดับไหนล่ะ? เดิมทีเขาก็รู้จักวิชาตัวเบา แน่นอนอยู่แล้ว ความสูงระดับนี้แม้ว่าจะใช้วิชาตัวเบาลงไปคนก็ต้องตาย แต่มีเชือก เชือกนี้ดูแล้วแข็งแรงกว่าสายเชือกเตาปาซะอีก
เขากระโดดสองครั้งแล้ว รู้สึกว่าไม่น่ากลัวแม้สักนิดจริงๆ จนกระทั่งยังรู้สึกเป็นเรื่องเด็กๆไปหน่อยแล้ว เห็นหยวนชิงหลิงมา เขาจับมือของหยวนชิงหลิง ตะโกนอย่างตื่นเต้นรับลมภูเขา “คนเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าหวาดกลัวอะไรนักหนา ไม่ใช่แค่กระโดดลงไปหรือ? ชั่งสุดยอดนัก ยายหยวน เจ้าต้องการจะลองดูหรือไม่? ระดับความตื่นเต้นนี้เหมาะสมกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงโบกมือ อมยิ้มแล้วมองดูเขา วันนี้ผมของเขามัดขึ้นทั้งหมดแล้ว เหมือนศิลปินอาชีพที่เผยสง่าราศีออกมาสองสามระดับ นางหัวเราะแล้วกล่าว: “ข้าไม่ไป ข้ากลัว”
“อย่ากลัว ปลอดภัยมาก” ตอนนี้เจ้าห้าสนใจการกระโดดร่มเป็นที่สุด เพราะว่าพี่ชายของหยวนชิงหลิงเคยบอกเขาว่า กระโดดร่มก็คือบินไปถึงบนฟ้าสูงมากๆ จากนั้นก็กระโดดลงไปทางด้านล่าง ตอนนี้เขาก็ตั้งตาดูว่าเชือกเส้นนั้นจะมีความยาวเพียงใดแล้ว
“สูงเกินไปแล้ว ข้าไม่กล้า!” หยวนชิงหลิงมองดูคนที่กำลังรอคอยเหล่านั้นแต่ละคนทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นเต้น ท่าทางที่น่องขาสั่นไปทั้งหมดนั่น ก็รู้สึกว่าน่าขัน
“มาสิ เหมือนกับบินเช่นนั้น สนุกมากเชียวล่ะ” ทั้งใบหน้าของเจ้าห้าเปล่งแสง จะคิดได้ที่ไหนว่าสถานที่แห่งนี้จะมีของสนุกมากมายขนาดนี้ ล้วนไม่อยากกลับไปแล้ว
พี่ชายของหยวนชิงหลิงเข้ามาหัวเราะแล้วกล่าว: “เธอไม่กระโดดบันจีจัมป์ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวลากเธอไปกระโดดร่ม”
“นั่นยิ่งไม่ได้” หยวนชิงหลิงหน้าถอดสี บันจีจัมป์ไม่กล้า กระโดดร่มไม่ทำให้นางตกใจตายแล้วเหรอ?
“ยายหยวน คนชีวิตหนึ่ง ไม่ใช่แค่หวังความตื่นเต้นสดใหม่หรือ?” คิดไม่ถึงว่าหยู่เหวินเห้าจะเข้าร่วมกองทัพการพูดจากโน้มน้าวแล้ว
หยวนชิงหลิงมองดูเขาอย่างประหลาดใจ “ใครพูดคำนี้กับท่าน?”
หยู่เหวินเห้าปุ้ยปาก “ก็คือจอมยุทธ์ผู้นั้นที่ช่วยผูกเชือกให้ข้าคนนั้น เขาให้ข้ากระโดดมากขึ้นอีกสองสามครั้งล่ะ”
หยวนชิงหลิงเผลอหัวเราะ “เขาอยากเอาเงินของท่าน ก็ต้องหลอกล่อท่านเช่นนี้เป็นแน่”
“ข้าไม่สน ข้ายังจะกระโดดอีกรอบ หลังจากกระโดดเสร็จพวกเราก็ไปกระโดดร่มกัน” หยู่เหวินเห้ากระโดดโลดเต้นไปต่อแถวแล้ว