บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 996 การผจญภัยอันยิ่งใหญ่
มองดูหยู่เหวินเห้าที่เหมือนกับเด็กเช่นนั้น หยวนชิงหลิงก็มีความสุขขึ้นมาด้วย ยืนอยู่ด้านหลังกับพี่ชายมองดูเขา ขณะที่เขายืนในขบวนและหันกลับมามอง ยิ้มจะตาเหลือแค่ร่องเท่านั้นแล้ว
พี่ชายของหยวนชิงหลิงกล่าวโดยไม่อาจใช้คำพูดเดียวมาบรรยาย: “อะไรเขาก็สนใจทั้งหมด หากว่าพวกเธอสามารถอยู่ได้นานกว่านี้หน่อย รับรองว่าจะทำให้เขามีความสุขจนลืมบ้านเกิดไปเลย”
“ตอนนี้เขามีความสุขจนลืมบ้านเกิดไปแล้ว” หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว
พี่ชายของหยวนชิงหลิงโอบไหล่ของเธอ “งั้น…..ในเมื่อเขามีความสุขขนาดนี้ เขาจะตกลงให้อยู่ต่ออีกสองวันรึเปล่า?”
หยวนชิงหลิงพิงข้างกายของพี่ชาย กล่าวอย่างสลด: “เขาตัดสินใจไม่ได้ เป็นไทเฮาหลงที่ส่งพวกเรากลับมา กำหนดเวลาให้เพียงแค่สามวันเท่านั้น”
“แบบนี้เอง……” เห็นได้ชัดว่าพี่ชายของหยวนชิงหลิงค่อนข้างผิดหวัง ทีแรกเขาคิดว่าเจ้าห้าสามารถตัดสินใจได้ว่าจะไปหรืออยู่ต่อ ดังนั้นวันนี้จึงพยายามเอาใจเขาอย่างสุดความสามารถ ชะงักเล็กน้อย
“งั้นหลังจากนี้ไทเฮาหลงยังจะสามารถส่งพวกเธอกลับมาได้อีกรึเปล่า?”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะพยายาม สามารถกลับมาได้ฉันจะกลับมาแน่” ในตาของหยวนชิงหลิงร้อนผ่าวเล็กน้อย กลับมาวันที่สอง เห็นว่าใกล้จะถึงวันแห่งการจากลาแล้ว
พี่ชายของหยวนชิงหลิงลูบผมของเธอ ในตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู “แค่พริบตา เธอก็แต่งงานแล้ว พวกเราล้วนไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งงานของเธอได้”
หยวนชิงหลิงอยากบอกว่าตัวนางเองก็ไม่ได้เข้าร่วม คิดแล้วก็ชั่งใช้ได้จริงๆเลย งานแต่งงานของตัวเองตัวเองไม่ได้เข้าร่วม ก็คลอดลูกห้าคนแล้ว
“ถ้าว่าครั้งหน้าสามารถกลับมาได้ พวกเราก็จัดงานแต่งงานให้เธอ ตอนนี้ฉุกละหุกเกินไป จัดไม่ได้ พี่อยากเห็นท่าทางที่เธอสวมชุดแต่งงาน” ในใจพี่ชายของหยวนชิงหลิงก็มีความหวังใหม่อีกแล้ว
มีเด็กสาวคนไหนที่ไม่เคยใฝ่ฝันจะสวมใส่ชุดแต่งงานบ้าง? เป็นธรรมดาว่าหยวนชิงหลิงก็เคยมี ขณะที่เป็นวัยรุ่น ขณะนั้นแม้ว่าจะยุ่งกับการศึกษาเล่าเรียน แต่ขณะที่เป็นวัยรุ่นเพิ่งแตกหน่อเธอก็เคยมี
จากนั้นทันที เธอก็หัวเราะแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าห้าสวมชุดแล้วจะมีลักษณะอย่างไรนะ? รูปร่างเหมือนนายแบบของเขา หล่อเหลาเป็นพิเศษสินะ?
คิดถึงตรงนี้ เธอก็มองไปทางเจ้าห้าที่กำลังต่อแถว รัชทายาทแห่งเป่ยถัง เหมือนกับเด็กที่กำลังรอเล่นเกม อันที่จริงชีวิตนี้ของเขาก็ค่อนข้างกดดัน วันเวลาที่ได้เสพสุขผ่านไปได้ไม่กี่วัน หลังจากนี้หากว่าต้องสืบทอดราชบัลลังก์ กลัวเพียงแค่ว่าจะยิ่งไม่มีเวลาส่วนตัวแล้ว
ในนาทีนี้ นางไม่ปรารถนาจะให้เขาเป็นฮ่องเต้เป็นอย่างมากจริงๆ
“ถูกแล้ว พี่ หลังจากที่ฟางหวูกลับมา พี่สนิทกับเธอไหม? คุยกันมากไหม?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“คุยเป็นบางครั้ง ฉันมีวีแชทของเธอ เพราะว่าเรื่องของทะเลสาบจิ้ง จะต้องติดต่อกับเธอ” พี่ชายของหยวนชิงหลิงมองดูเธอ “ทำไม? เรื่องที่ค้นคว้าวิจัย เธอไม่เห็นด้วยเหรอ?”
“เธอไม่เห็นด้วย แต่เรื่องนี้ฉันไม่สามารถประนีประนอมได้ ฉันรู้สึกว่าเธอดื้อรั้นไปหน่อย”
“ในเรื่องนี้เธอดึงดันเป็นพิเศษ แต่เรื่องอื่นๆนั้นก็ปล่อยวางมาก เป็นคนที่ย้อนแย้งกันคนหนึ่ง”
“พี่มีเวลาก็คุยกับเธอให้มากๆ คลำดูว่าในใจของเธอคิดอะไร ยังมีความดึงดันที่จะค้นคว้าวิจัยยานี้เป็นเพราะเหตุผลของการค้นคว้าวิจัยเองหรือว่าเพราะเหตุผลอย่างอื่น วันนี้ฉันถามเธอแล้ว เธอไม่ยอมบอก”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงนึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน กล่าวว่า: “เธอพูดแบบนี้ ฉันจำได้ว่าเธอเคยคุยกับฉัน เธอบอกว่าค้นคว้าวิจัยยานี้ก็เพื่อช่วยคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้เหมือนว่าจะเป็นพ่อของเธอ พ่อของเธอป่วยและถูกแช่แข็งไว้แล้ว”
“พ่อของเธอ?” หยวนชิงหลิงตะลึง เธอมาจากอนาคต พ่อของเธอเกิดเรื่องขึ้นหรือ? แต่ยานี้ไม่ใช่ยาที่จะทำให้ฟื้นจากความตาย แม้ว่าจะค้นคว้าวิจัยสำเร็จ แต่ไม่สามารถรักษาอาการป่วยในตัวพ่อของเธอได้
อีกทั้ง แม้ว่าจะค้นคว้าวิจัยสำเร็จ ตอนนี้นางก็ไม่สามารถกลับไปอนาคตได้แล้ว จะส่งยากลับไปอย่างไร?
“หลังจากนี้ฉันจะถามเธอดู เธอทำเรื่องของทะเลสาบจิ้งให้กระจ่าง พวกเราสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้” เมื่อเขาเหลือบมองไป หัวเราะแล้วกล่าว: “ถึงเขาแล้ว”
หยวนชิงหลิงรีบมองไป ถึงตาของเขาแล้วจริงๆ เขาหันหลังให้หน้าผา หันหน้ามาทางพวกเขา พยายามโบกมือให้พวกเขาอย่างสุดกำลัง แสดงท่าทางความตื่นเต้นอย่างเต็มเปี่ยม หยวนชิงหลิงรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปให้เขา ต่อเนื่องกันสามสี่รูป แล้วก็กดอัดวิดีโอด้วยเลย ในกล้องเขาล่องลอยอิสระตามอำเภอใจตัวเองด้วยอารมณ์ตื่นเต้นฮึกเหิม
“ฉันไม่เคยเห็นเขามีความสุขแบบนี้มาก่อน” ดวงตาของหยวนชิงหลิงร้อนผ่าว
“เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์มีเมตตา!” พี่ชายของหยวนชิงหลิงชื่นชม
หลังจากผูกเสร็จ เขาอ้าแขนทั้งสองข้างหมุนตัวไป เหมือนนกอินทรีกระโดดออกไปเช่นนั้น จากนั้นลงไปด้วยความรวดเร็ว ความรู้สึกที่ได้ล่องลอยตามสายลมชนิดนั่น ทำให้เขารู้สึกว่าทั้งโลกใบนี้ล้วนแตกต่างไปแล้ว
“พวกเราลงไป!” พี่ชายของหยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว ดูนาฬิกาข้อมือ “เข้าไปตอนนี้ก็พอดีแล้ว ฉันจองไว้บ่ายโมงครึ่ง”
ขณะที่ขึ้นรถ หยู่เหวินเห้ายังคงตื่นเต้นเป็นพิเศษ ก็แค่เสียใจมากที่ไม่ได้กระโดดพร้อมกับหยวนชิงหลิง เขาถามพี่ชายของหยวนชิงหลิง “อีกครู่ขณะที่กระโดดร่ม รายละเอียดเป็นอย่างไร?”
“กระโดดร่มน่ะเหรอ ก็คือพวกเรานั่งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าจนสูงถึงห้าพันเมตรก่อน ห้าพันเมตร……พวกคุณเรียกว่าจั้งสินะ? ก็คือสูงประมาณหนึ่งพันห้าร้อยจั้ง จากนั้นก็แบกร่มชูชีพแล้วกระโดดลงไปด้านล่าง กระโดดถึงความสูงระดับหนึ่ง ดึงร่มชูชีพออก จากนั้นจึงจะค่อยๆลงพื้น”
ทันทีที่หยู่เหวินเห้าได้ยิน มีความงงงันเล็กน้อย “หนึ่งพันห้าร้อยจั้ง? นั่นสูงเป็นอย่างมากเชียวนะ มีเชือกที่ยาวขนาดนั้นหรือ?”
“ไม่มีเชือก มีร่มชูชีพ”
“ไม่มีเชือกหรือ?” หางเสียงของเขาลากยาวมากยาวมากๆ ในน้ำเสียงก็มีความกังวลเล็กน้อยแล้ว “เช่นนั้นจะปลอดภัยหรือ? ไม่ตกมาตายหรือ? ร่มชูชีพนั่นเป็นสิ่งของอะไรกัน?”
“เหมือนร่มคันหนึ่งเช่นนั้น”
แววตาของหยู่เหวินเห้ากระวนกระวายเล็กน้อยแล้ว “ความหมายของพี่คือบอกว่า พวกเรากระโดดลงมาจากความสูงหนึ่งพันห้าร้อยจั้งด้วยการถือร่มคันหนึ่งหรือ?”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงไตร่ตรองครู่หนึ่ง “ถูกต้อง ก็คือแบบนั้น”
“โอ้พระเจ้า เช่นนั้นจะต้องตกมาตายแน่!” หยู่เหวินเห้ารีบโบกมือ “ไม่ ไม่ ข้าไม่ไปแล้วดีกว่า ข้าตกลงไปตายแล้ว เหลือพวกเขาเป็นแม่หม้ายลูกกำพร้าก็เสียเปรียบหงเย่แล้ว”
หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะ “ทำไมไม่ว่าเวลาไหนท่านถึงได้ดึงหงเย่เข้ามาด้วยล่ะ?”
“ตอนนี้ก็มีเจ้าหมอนี่ที่คิดถึงเจ้า ไม่ดึงเขายังจะสามารถดึงใครได้อีกล่ะ?” หยู่เหวินเห้ายืนกรานปฏิเสธกีฬากระโดดร่มนี้ มิน่าล่ะชื่อนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ต้องถือร่มอันหนึ่งแล้วกระโดดลงมาจริงๆเหรอ
พี่ชายของหยวนชิงหลิงกล่าว: “ไม่เป็นไร พวกเราไปดูคนอื่นกระโดดก่อนเถอะ ยังไงซะก็นัดไว้เรียบร้อยแล้ว จ่ายเงินไปแล้ว คืนไม่ได้”
เขามั่นใจ หลังจากดูแล้ว เจ้าห้าจะต้องอยากกระโดด
เป็นดังคาด ถึงชายทะเลแล้ว มีคนกระโดดลงมาแล้ว พี่ชายของหยวนชิงหลิงยื่นกล้องส่องทางไกลให้เขา ครู่เดียวก็เอาคนกระโดดร่มดึงมาอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว เขาไม่มีเวลาศึกษาหลักการของกล้องส่องทางไกลนี้ เพียงแค่จ้องมองคนกระโดดร่มเท่านั้น ขณะที่กระโดดลงมานั่นเรียกว่าเหาะลงมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เห็นว่าใกล้จะตกลงมาตายแล้ว มีร่มเปิดออกแล้วจริงๆ ฉึบครู่หนึ่ง บังคับดึงคนผู้นั้นแล้วไว้ ร่วงลงพื้นอย่างช้าๆ
“ร่มนั่นใหญ่มากเชียวล่ะ ดูลักษณะเหมือนไม่ค่อยอันตรายมากนักนี่นา” หยู่เหวินเห้าวางกล้องส่องทางไกลลง “อีกทั้ง มีคนสองคนกระโดดพร้อมกัน”
“ถูกต้อง ครูฝึกจะกระโดดลงมาพร้อมกับนาย กลัวว่านายจะดึงร่มชูชีพไม่เป็น” พี่ชายของหยวนชิงหลิงมองดูเขา “ทำไม? ต้องการลองดูหรือไม่? ชีวิตก็คือการผจญภัยอย่างหนึ่งไงล่ะ”
หยู่เหวินเห้าหวั่นไหวเล็กน้อยแล้ว แต่ว่า ตอนนี้เขามีครอบครัวมีลูกและภรรยาแล้ว เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆจะทำอย่างไร?
หยวนชิงหลิงที่เมื่อครู่แม้แต่บันจีจัมป์ก็ไม่กล้า ตอนนี้กลับอาจหาญขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ข้าก็กระโดด เจ้าห้า พวกเราไปด้วยกัน”
“เช่นนั้นไม่ได้ อันตรายเกินไปแล้ว เจ้ายังไม่รู้จักวิชาตัวเบาอีกด้วย ไม่อนุญาตให้ไป” หยู่เหวินเห้าปฏิเสธทันที เขามองดูพี่ชายของหยวนชิงหลิง “พวกเราสองคนไปกันเถอะ”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงชื่นชอบการผจญภัยเข้ากระดูก ต้องการกระโดดเป็นธรรมดา และยากที่จะมีคนไปพร้อมกัน เขาหัวเราะแล้วกล่าว: “ฉันกระโดดสิ น้องสาว พวกเราขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วยกัน เธอดูสถานการณ์ หากว่ากลัวเธอก็ไม่ต้องกระโดด กลับมาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ก็ได้”