บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 999 พบหน้าคุณครั้งหนึ่ง
ในใจของหยวนชิงหลิงพอจะคาดเดาได้ กล่าวว่า: “พ่อคะ ไม่ต้องตรวจแล้ว ที่นี่ท้ายที่สุดก็เป็นโรงพยาบาล ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้ก็เก็บเป็นความลับอย่างแน่นอนไม่ได้ หนูพาพวกเขาไปสถาบันวิจัยรอบหนึ่งไปหาฟางหวูละกันค่ะ”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงก็เห็นด้วยกับการพูดของหยวนชิงหลิง จึงให้ศาสตราจารย์และแม่ของหยวนชิงหลิงกลับไปก่อน พวกเขาพาเด็กทั้งห้าคนมุ่งตรงไปยังสถาบันวิจัย ระหว่างทางโทรศัพท์หาฟางหวูก่อน
ฟางหวูรออยู่ในสถาบันวิจัย รอทุกคนมาถึง เธอจึงจัดการให้พวกเด็กๆทำการทดลองทุกอย่าง ค่าตัวเลขที่ได้ออกมาแม้แต่เธอเองก็อึ้งไปแล้ว
“ดอกเตอร์ คุณมองว่ายังไง?” ฟางหวูมองดูเธอ เอ่ยถาม
หยวนชิงหลิงมองดูอย่างละเอียดครู่ใหญ่ๆ จากนั้นมองดูฟางหวู “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องการบอกให้หยุดแผนการนี้?”
ฟางหวูถอนหายใจ “ฉันเข้าใจความหมายของคุณ เพียงแต่ ในใจมีความดึงดันเล็กน้อย หลายปีมานี้ก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ บางทีฉันอาจจะผิดไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
“ฟางหวู นี่จะเปลี่ยนแปลงโลก มีที่เหมือนกับเจ้าแฝดเพิ่มอีกไม่กี่คน คุณคิดว่าคุณจะเป็นคนควบคุมสถานการณ์ได้ไหม? ยานี้เป็นฉันที่ค้นคว้าวิจัยออกมา ฉีดบนร่างกายของฉัน ควบคุมร่างกายนี้จากมิติอื่น แต่ยาที่ฉันฉีดกลับกระตุ้นเซลล์บนร่างกายของเด็กๆไม่หยุด นี่ดูเหมือนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ทันทีที่ใช้ยานี้เกินความเป็นจริง คุณคิดว่าคุณสามารถควบคุมสถานการณ์พวกนี้ได้มากน้อยเพียงใด? แม้กระทั่งทำไมเป็นแบบนี้คุณก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ฉันที่ได้ฉีดยาเข้าร่างกาย นำพาสสารไปให้ลูกๆของฉัน บังเอิญ ร่างกายที่ให้กำเนิดลูกๆของฉันไม่ได้เป็นร่างกายในเดิมทีที่ฉีดยาเข้าไปของฉัน คุณทำความเข้าใจจุดนี้ได้ ค่อยมาพูดกับฉันถึงปัญหาในการค้นคว้าวิจัยต่อไปดีไหม?”
อย่างไรเสียฟางหวูก็เป็นเจ้าอาวาสมาหลายปี อันที่จริงเรื่องหลายๆเรื่องเธอก็มองทะลุปรุโปร่ง เพียงแค่เป็นความดื้อรั้นในก้นบึ้งของหัวใจนั่น สำหรับเป็นความดื้อรั้นหรือความลำบากใจ หยวนชิงหลิงไม่รู้ ตัวเธอเองถึงจะรู้
แต่หยวนชิงหลิงเชื่อว่าเธอจะคิดอย่างกระจ่าง
หยู่เหวินเห้าดูลักษณะคลื่นเส้นชนิดนั้นค่าตัวเลขอะไรเหล่านี้ไม่เข้าใจ ได้ยินหยวนชิงหลิงพูดกับฟางหวู คิดว่าร้ายแรงเป็นที่สุดเท่านั้น เอ่ยถาม: “เจ้าแฝดจะเป็นอย่างไร? สมองของพวกเขาไม่ปกติ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าที่ร้อนใจของเขา กล่าวว่า: “ตอนนี้สถานการณ์อะไรข้าก็ยังไม่รู้ ก็คือข้อมูลตัวเลขทั้งหมดล้วนผิดปกติ พวกเขาจะมีความสามารถพิเศษบางอย่าง แต่ว่าพวกเขาใช้ความสามารถพิเศษเหล่านี้แล้วจะมีผลเสียอะไรต่อร่างกาย ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้”
กล่าวอีกอย่าง ความจริงอะไรก็ล้วนไม่รู้ รู้เพียงผิดปกติ
หยู่เหวินเห้าได้ยินนางอธิบายเช่นนี้ นางล้วนไม่รู้ เขายิ่งไม่สามารถรู้ได้เข้าไปใหญ่ มองดูดวงตาแดงเป็นเลือดทารกที่เฉยชาทั้งสอง ในใจของเขาก็กังวลเจ็บปวด เดิมทีคิดว่าตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด ล้วนราบรื่นไร้ที่เปรียบ เจ้าแฝดน่าจะเป็นคนปกติ อย่างน้อยก็สุขภาพปลอดภัย แต่ตอนนี้ กลับผิดปกติยิ่งกว่าพวกเด็กๆ เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?
“ดอกเตอร์ รัชทายาท” ฟางหวูเสนอออกมา “พวกท่านจำเป็นต้องทำเรื่องทะเลสาบจิ้งให้กระจ่างโดยเร็ว ส่งเจ้าแฝดกลับมาตรวจได้ทุกเวลา นี่จำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบในระยะยาวจึงจะรู้ถึงพัฒนาการทางสมองและสภาพร่างกายของพวกเขา”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ฉันรู้ ฉันจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อทำความเข้าใจทะเลสาบจิ้ง”
เธอมองดูพวกเด็กๆ นึกถึงคำพูดของไทเฮา ตอนนี้ได้เอาความหวังส่วนใหญ่ฝากฝังไว้บนตัวของพวกเด็กๆ หวังว่าพวกเขาจะมองเห็นความหมายที่เป็นตัวแทนของกระแสน้ำวนเหล่านั้น
ก่อนหน้าที่จะออกจากสถาบันวิจัย หยู่เหวินเห้าได้เอ่ยกับหยวนชิงหลิงอย่างกะทันหันว่า “ข้าสามารถดูเจ้าในเดิมทีได้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงตะลึงเล็กน้อย มองดูเขา “ท่านอยากดู?”
“อยากดู ข้าเคยเห็นลักษณะในเดิมทีของเจ้าจากบนรูปถ่าย แต่ข้าอยากเห็นตัวจริงๆของเจ้า” ความจริงในใจของเขาสับสนมาก เขาได้หลงรักผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา ทุกเรื่องที่นางได้เผชิญ เทียบกับการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทของเขา การแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทจะนับอะไรได้อีก?
หยวนชิงหลิงกล่าวเบาๆ: “ได้ ข้าพาท่านไปดู!”
ร่างกายของนางก็วางอยู่ในช่องแช่แข็ง สามารถมองเห็นได้ผ่านกระจก ดวงตาสองข้างของนางปิดสนิท บนศีรษะเชื่อมต่อด้วยเส้นมากมาย สีหน้าขาวสะอาดสวนบริสุทธิ์ นิ่งสงบราวกับนอนหลับเช่นนั้น
ช่องแช่แข็งสามารถเปิดได้ครู่เดียว ชั่วครู่เดียวอุณหภูมิจะไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นฟางหวูจึงเปิดให้เขาครู่หนึ่ง ให้เขามองเห็นได้ชัดเจนหน่อย
ความเย็นถาโถมมา ทั้งร่างของเขาสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ ยื่นมือออกไป ปลายนิ้วสัมผัสใบหน้าของนางเบาๆ รู้สึกเย็นยะเยือกผิดปกติ จิตใจเจ็บปวดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่อาจสกัดกั้นน้ำตาได้ชั่วขณะ แทบจะเอ่อล้นออกจากเบ้าตา
แต่หยวนชิงหลิงในขณะที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัส บนใบหน้ามีความรู้สึกลูบคลำ เห็นได้ว่า ร่างกายทั้งสองร่างมีความเชื่อมโยงถึงกันต่อการสัมผัสบางอย่างจริงๆ
เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำแต่พยายามยิ้มให้เธอ “ข้าจะจำเจ้าไว้ หลังจากนี้หากว่าข้าหาเจ้าไม่พบแล้ว ข้าจะรู้ว่าเจ้าอยู่ในนี้รอข้า ข้าก็ไม่กลัวแล้ว”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงหันหลัง ในตาก็แดงก่ำขึ้นอย่างฉับพลัน
ช่องแช่แข็งปิดลงช้าๆ หยู่เหวินเห้าชำเลืองมองอีกแวบหนึ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วมองดูหยวนชิงหลิง ราวกับทั้งสองคนสามารถทับซ้อนกันได้เช่นนั้น คงอยู่เหมือนดั่งภูเขาในก้นบึ้งจิตใจของเขา
ออกจากสถาบันวิจัย คืนนี้ต้องการออกไปกินข้าว ดังนั้นจึงได้เชิญฟางหวูด้วย
พี่ชายของหยวนชิงหลิงจองห้องเหมา กินอาหารทะเล สั่งอาหารโต๊ะใหญ่ๆโต๊ะหนึ่ง ฟางหวูกินอาหารเจคุ้นชินแล้ว ก็ไม่ค่อยชอบกินเนื้อมากนัก ดังนั้นพี่ชายของหยวนชิงหลิงจึงสั่งอาหารเจให้เธอสองอย่าง
เพราะเรื่องของเจ้าแฝด ผู้อาวุโสทั้งสองมีความสนุกสนานไม่มากนัก มักจะเป็นห่วงเจ้าแฝดเป็นอย่างมากอยู่เสมอ คนสองคนคนหนึ่งอุ้มหนึ่งคน ไม่ยอมวางลง กินข้าวก็อุ้มไว้
เจ้าแฝดน่าเอ็นดู ดื่มนมผงแล้วก็หลับไปในอ้อมแขนคุณตาคุณยาย ตื่นแล้วก็กลอกตามองไปรอบๆ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นพวกเขาวุ่นวายมาก่อน
แม่ของหยวนชิงหลิงป้อนยามามี่ (เป็นยาแก้อาการท้องเสีย)ให้เจ้าแฝดเล็กน้อย มักจะรู้สึกว่าลำไส้ของพวกเขาไม่ดีอยู่เสมอ เจ้าแฝดให้อะไรก็ดื่มอะไร อึกอึกอึกกินหมดไป แล้วหลับต่อ
“พ่อคะ แม่คะ วางพวกเขาลง กินข้าวเถอะค่ะ” หยวนชิงหลิงเห็นพวกเขาไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ สนใจเพียงดูแลเจ้าแฝดเท่านั้น
แม่ของหยวนชิงหลิงตาแดง โบกมือ “พวกเธอกิน ไม่ต้องสนใจพวกเรา ฉันก็ไม่หิวด้วย ฉันแค่อุ้มๆ อุ้มได้อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนเศร้าใจขึ้นมาทันที หยวนชิงหลิงวางตะเกียบลงช้าๆ ก็กินไม่ลงแล้ว
ก่อนหน้าที่หยู่เหวินเห้าจะมา ก็เป็นกังวลนาทีที่จากไป ตอนนี้เห็นทุกคนล้วนเศร้าใจแม้แต่ข้าวก็กินไม่ลงแล้ว หากว่าบรรยากาศเช่นนี้ต่อเนื่องไปถึงพรุ่งนี้เช่นนั้นก็เสียเวลาที่ยังเหลืออยู่ในวันนี้แล้ว
เขาขยิบตาให้พวกเด็กๆ ซาลาเปาเฉลียวฉลาด เข้าใจได้ทันที มองดูแม่ของหยวนชิงหลิงอย่างน่าสงสาร “คุณยาย ตอนนี้ท่านไม่ชอบซาลาเปาแล้ว ชอบแต่น้องชายแล้วหรือ?”
แม่ของหยวนชิงหลิงตะลึงเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ขุ่นเคืองน้อยใจเหมือนกันของเด็กทั้งสาม ตระหนักได้ในพริบตาว่าสองวันนี้ให้ความเอ็นดูเพียงแค่กับเจ้าแฝดเท่านั้น เพิกเฉยกับพวกเด็กๆไปแล้ว รีบกล่าวด้วยความปวดใจ: “จะเป็นไปได้ยังไง? คุณยายล้วนรักและเอ็นดูเหมือนกัน”
“เช่นนั้นคุณยายป้อนให้กิน!” ข้าวเหนียวเดินยกชามเข้าไปกล่าวด้วยเสียงเล็กๆของเด็ก เกาะติดอยู่ข้างกายของคุณยาย
คนชราทั้งสองรีบวางเจ้าแฝดกลับลงในรถเด็กอ่อน ดูแลนายท่านตัวน้อยทั้งสามขึ้นมาแล้ว ทังหยวนเอาใจใส่ ตัวเองกินแล้วก็ยังเรียกให้คุณตาคุณยายกินด้วย ซาลาเปารับผิดชอบปรับบรรยากาศ รังแกข้าวเหนียวและทังหยวนเป็นบางครั้ง ท่าทางของหยู่เหวินเห้าต้องการตี คนชราทั้งสองรีบปกป้องไว้ บรรยากาศนี้กลมกลืนกันขึ้นมาแล้ว
หยวนชิงหลิงมองดูพ่อลูกสี่คน ชั่งร่วมมือกันได้อย่างราบรื่นมากเชียว