บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย
บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!
จางอวิ๋นซีลากฟางฉางกับหลี่อวิ๋นเฟิงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หมุนตัวกลับก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายไปเช่นกัน
นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป
ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา
หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง
เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”
เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง
ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน
กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ
ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน
พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”
‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!
ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’
ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!
……
จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก
ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง
ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย
สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง
ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ
โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!
แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!
ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา
ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด
ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!
อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!
แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน
…….
แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม
ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ
คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้
เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว
และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่
ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค
‘ควรทำอย่างไรดีถึงจะรับประกันได้ว่าข้าจะได้โชคลิขิตของฟางฉางอย่างปลอดภัย จากนั้นเอากลับมาแบ่งให้เขาล่ะ!’
เสิ่นเทียนขบคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ‘ดวงชะตาข้าไม่พอก็เกาะคนอื่นก็จบแล้วนี่’
เขามองกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่ตอนนี้มีวงรัศมีสีเขียวอมแดงและแดงอมทองบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมองฉินอวิ๋นตี๋ที่อาศัยโชคลิขิตไฟฟ้าแยกน้ำทำให้วงรัศมีกลายเป็นสีทองสองในสามส่วน
เสิ่นเทียนมีความมั่นใจแล้ว ถ้าพาพวกเขาไปด้วยน่าจะมั่นคงขึ้นไม่น้อยกระมัง!
ถ้ายังไม่พออีก ก็คิดหาทางลากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีไปด้วย
พึงรู้ไว้ว่าดวงชะตาของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีสูงกว่าฟางฉางไม่น้อย ไม่เชื่อหรอกว่าจะกดโชคลิขิตของเขาไว้ไม่อยู่!
อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ พาคนที่มีมหาดวงชะตาพวกนี้ไปฝึกฝนด้วยกัน!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ลุกขึ้นจากหินตระหนักรู้ดังพึ่บ ดวงตาแวววาว
เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋พลางกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ายินดีจะออกไปกับข้าหรือไม่”
อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ
ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นตี๋แดงเรื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร”
ฉินเกาอีกด้านอึ้งไปเช่นกัน องค์ชายทนไม่ไหวจะเปิดเผยตัวตนแล้วรึ
‘เมื่อครู่องค์ชายเหมือนจะมองข้าหลายครั้งด้วย แววตานั้นเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรกมาก!
หรือว่าการคาดเดาของข้าในตอนแรกจะถูกต้องจริงๆ องค์ชายไม่ตอบรับความชื่นชอบของท่านเซียนพวกนั้นก็เพราะว่า…
เฮือก บ่าวทำไม่ได้นะ!’
ฉินเกายังไม่ทันเติมเต็มจินตนาการในใจ ก็โดนเสิ่นเทียนทำลายลงอย่างไร้เยื่อใย
เขามองฉินอวิ๋นตี๋พลางพยักหน้า “ใช่ เร็วๆ นี้ศิษย์พี่ปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนทะลวงระดับสร้างฐานแล้ว ดั่งคำกล่าวว่ายิ่งเงียบความคิดยิ่งโลดแล่น ดังนั้นข้าเลยอยากออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปฝึกฝนสักระยะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องยินดีจะไปด้วยกันหรือไม่”
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกเบิกตาโต ตอนนี้ค่อยๆ กลับมาหรี่ลงอีกครั้ง
ที่แท้ศิษย์พี่ก็หมายความว่าแบบนี้เอง อยากจะเชิญข้าออกไปฝึกฝนด้วยกันกับเขาหรือ
ความจริงแล้วหากเป็นศิษย์พี่คนอื่นชวนฉินอวิ๋นตี๋ไปฝึกฝนละก็ เขาจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบออกไปข้างนอก
การได้อยู่ในละแวกแดนศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาวิจัยยันต์ระเบิดอัสนี ปืนระเบิดอัสนีและค่ายกลระเบิดอัสนีต่างหากคือความสุขของเขา
แต่หากเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ชวนข้าละก็ เช่นนั้นระหว่างทางจะถ่ายทอดความรู้อะไรใหม่ๆ ให้ข้าหรือไม่!
ฉินอวิ๋นตี๋รู้สึกว่ายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับปืนพิฆาตอสูรจะต้องยังพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แน่ เขาหวังว่าจะได้ทำให้มันสมบูรณ์แบบพร้อมกันกับศิษย์พี่!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็พยักหน้าให้เสิ่นเทียนอย่างแน่วแน่ “ถ้าศิษย์พี่ชวนละก็ อวิ๋นตี๋ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”
เสิ่นเทียนมองฉินเกากับกุ้ยกงกงต่อ “ลุงกุ้ย เสี่ยวเกา พวกเจ้าก็ตามข้าไปด้วยเถอะ!”
พอเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาพยักหน้า ฉินอวิ๋นตี๋จึงคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “ในเมื่อจะออกไปฝึกฝนกัน ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยว อวิ๋นตี๋จะกลับยอดเขาบัวทองคำไปเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นมาก่อน”
……
เอ่ยจบ ฉินอวิ๋นตี๋ก็ขี่กระบี่บินหายวับไปยังยอดเขาบัวทองคำ รวดเร็วอย่างยิ่ง
ราวสองเค่อต่อมา ฉินอวิ๋นตี๋มาโผล่ตรงหน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เสิ่นเทียนกางมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาให้ฉินอวิ๋นตี๋เข้ามา ก่อนจะเห็นเขายิ้มหยีตา ยิ้มเจิดจ้ามาก
ในมือเขาสวมแหวนดอกบัวสีทองวงหนึ่ง ตอนนี้กำลังหยิบของออกมาวางข้างนอก
ยันต์สีเหลืองทองนั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางฉบับปรับปรุง ปึกหนึ่งสูงเท่าครึ่งคน ตอนนี้กองไว้หลายสิบปึก
ลูกกลมเหล็กวิญญาณสีเงินขาวคืออัสนีหยินหยางเจาะเกราะฉบับไข่มุกเหล็ก กล่องหนึ่งมีหลายร้อยลูก ตอนนี้กองไว้เป็นชั้นๆ หลายสิบกล่อง
เสิ่นเทียนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองฉินอวิ๋นตี๋ที่กำลังหรี่ตาทำหน้าพึงพอใจ
ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะ…เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง!
…………………………………………….…