บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 188 ในปากกระบอกลำกล้องคือความเป็นธรรม
บทที่ 188 ในปากกระบอกลำกล้องคือความเป็นธรรม
ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองมีมากจริงๆ ทั้งยังเข้ามากันไม่ขาดสาย
เดิมทีผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากคิดว่ายุงโลหิตระดับสร้างฐานจะมีแค่ประมาณสามถึงห้าสิบตัว
แต่เมื่อยุงโลหิตระดับสร้างฐานถูกฆ่าไปทีละตัว ก็มียุงโลหิตระดับสร้างฐานใหม่โผล่มาอีก
เห็นได้ชัดมากว่า จำนวนของยุงโลหิตฝูงนี้มากกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ ไม่ง่ายเลย
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก คิดว่าต้องเผยไพ่ตายออกออกมาทีละอย่างแล้ว
เขาทำสัญลักษณ์มือ ปืนปทุมฆาตเทพที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็พุ่งออกไป ปืนสั้นสีดำมืดทุกส่วนนั้นขยับวูบผ่านไปกลางอากาศในพริบตา
เพียงพริบตาสั้นๆ ก็ทะลวงผ่านร่างยุงโลหิตหลายสิบตัว โลหิตสาดกระจาย
ปืนปทุมฆาตเทพไม่ใช่ของธรรมดา แต่ได้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำหลอมขึ้นมาอย่างสุดกำลัง ขอไม่เอ่ยถึงยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับกระสุนชั้นยอดจากเหล็กทมิฬในนั้น ลำพังแค่กระบี่บินสังหารศัตรูก็ค่อนข้างแข็งแกร่งแล้ว
ขนาดผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองเก้าส่วนเก้ายังยากจะหาอาวุธทรงพลังเช่นนี้ได้
เดิมทีเสิ่นเทียนมีพลังบำเพ็ญเหนือกว่ายุงโลหิตระดับล่างพวกนั้นไปไกลมากอยู่แล้ว ทั้งยังมีสมบัติวิญญาณกับตัวอีก ถึงฝูงยุงโลหิตจะมีจำนวนนับมาหวัดไม่ไหว แต่ก็ได้แค่ถูกสังหาร
ทว่ายิ่งสังหารยุงโลหิตไปมากเท่าไร เสิ่นเทียนกลับยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเท่านั้น
เพราะจนถึงตอนนี้ปีศาจยุงนั่นยังไม่ออกมาเลย เห็นได้ชัดว่ากำลังซุ่มดูอยู่ในเงามืด
ตอนนี้เกือบจะถึงตีสามอยู่แล้ว สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนร้อนใจนิดๆ แล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ มีความคิดดีๆ แล้ว
ยันต์ระเบิดอัสนีที่โปรยไปข้างนอกทีละสิบแผ่นเปลี่ยนเป็นโปรยไปทีละแผ่น ขณะเดียวกันเขายังควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองให้เกราะมังกรเขียวอ่อนแสงลง
ตัวเขาซวนเซ มือขวาประคองกำแพงเมือง ใบหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเสียพลังไปอย่างมาก
ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่ามนุษย์ที่อยู่ข้างๆ มองด้วยความเป็นห่วงมาก “ท่านเซียน ท่านพักหน่อยเถอะ!”
“ใช่ ตอนนี้ท่านเซียนคือความหวังสุดท้ายของเมืองเราแล้ว!”
“เราจะปกป้องหอเมืองนี่เอง ท่านรีบนั่งฌานพักผ่อนเถอะ!”
“ปีศาจยุงนั่นยังไม่มา ท่านเซียนจะต้องเก็บพลังปราณเดิมไว้!”
“ขอให้ท่านเซียนวางใจ มีพวกเราอยู่ จะไม่มียุงโลหิตข้ามปราการสายฟ้ามาได้แม้แต่ก้าวเดียว!”
……
เสิ่นเทียนฝืนพยักหน้าก่อนเดินช้าๆ ไปนั่งขัดสมาธิอีกด้านของกำแพงเมืองและหยิบศิลาวิญญาณออกมาดูดซับ
อีกทั้งทุกๆ ช่วงหลายนาที เสิ่นเทียนจะขี่ปืนปทุมฆาตเทพออกจากค่ายกลไป ยุงโลหิตระดับสร้างฐานพวกนั้นรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังโต้ตอบกับอันตรายไวมาก
การโจมตีกระบี่บินของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานธรรมดาในเมืองได้ผลยากมาก ทางด้านทหารรักษาการณ์เมืองระดับหลอมปราณที่ยิงธนูออกไป ก็ยิ่งคุกคามถึงพวกมันได้ยากกว่า
ทว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน ยุงโลหิตระดับสร้างฐานพวกนี้ชัดเจนราวกับเป้าปืน
ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนยิงปืนปทุมฆาตเทพใส่กลางฝูงยุง จะมียุงโลหิตระดับสร้างฐานตัวหนึ่งร่วงลงมาข้างล่างเมือง
ปืนปทุมฆาตเทพจากสีดำ ตอนนี้โดนเลือดสดของยุงโลหิตย้อมเป็นสีแดงทุกส่วนแล้ว แต่ว่าเมื่อออกมือมากขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นเทียนก็หน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
ถึงอย่างไรพลังวิญญาณในตัวผู้ฝึกเซียนก็มีจำกัด สำนักเซียนส่วนใหญ่เวลาปิดล้อมโจมตีผู้แข็งแกร่งจะให้พวกอ่อนแอโจมตีไปก่อนเพื่อลดพลังฤทธิ์ของอีกฝ่ายลง ให้อีกฝ่ายไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมจะใช้กระบวนท่าใหญ่ๆ
ตอนนี้เสิ่นเทียนจะให้ปีศาจยุงคิดว่าตนเสียพลังฤทธิ์ไปจนหมดในการต่อสู้กับยุงจำนวนมากแล้ว
ยามนี้มียันต์ระเบิดอัสนีสามแผ่นลอยอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับไม่ได้เรียกออกไปนอกเมืองอีก ขณะเดียวกันเกราะสายฟ้ามังกรเขียวบนตัวเขายังค่อยๆ สลายไป
มองไปเสิ่นเทียนดูถึงขีดจำกัดแล้ว
…..
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองแยกออก ปรากฏยุงโลหิตยักษ์สูงหลายจั้งขึ้นช้าๆ ปีกโลหิตสามคู่ข้างหลังมันขยับด้วยความเร็วสูงจนเกิดพายุคลั่งขึ้น!
ดวงตากระหายเลือดจ้องเมืองภูเขาดำเขม็ง และยังจ้องเสิ่นเทียนที่กำลังนั่งฟื้นพลังอยู่ตรงหัวเมือง
ทันทีที่ปีศาจยุงนี่ปรากฏตัว ทุกคนในเมืองภูเขาดำต่างหน้าเปลี่ยนสี ดูสิ้นหวังอย่างยิ่ง!
โดยเฉพาะผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานพวกนั้น พวกเขารู้สึกว่ากลิ่นอายพลังของปีศาจนี่แกร่งขึ้นกว่าเดิมอีก!
ในช่วงเวลาไม่กี่วันสั้นๆ มันย่อยโลหิตบริสุทธิ์ของผู้ฝึกบำเพ็ญมากขนาดนั้นเสร็จแล้ว จนพัฒนาไปอีกขั้น ทะลวงสู่ระดับแก่นพลังทองสำเร็จ
เดิมทีมองจากภายนอกของเซียนท่านนี้แล้ว เขาสู้กับระดับแก่นพลังทองได้ แต่ไม่นานมานี้ตอนสู้กับฝูงยุงโลหิต ท่านเซียนเสียพลังปราณเดิมมากเกินไป อยู่ในสภาพแย่มาก!
ตอนนี้ปีศาจยุงปรากฏตัวขึ้น ทั้งเมืองภูเขาดำยังมีใครสู้ปีศาจกระหายเลือดนี่ได้อีก
ยุงดำปีกแดงบินมาหน้าเมืองภูเขาดำช้าๆ มองมนุษย์ทุกคนกลางเมืองเชิงหยอกล้อ
มีเสียงมนุษย์ดังมาจากอวัยวะปากมัน “ข้ากลับมาอีกแล้ว ข้าเสวี่ยเหวินเค่อมีแค้นต้องชำระเสมอ พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด!”
เมื่อเห็นค่ายกลมังกรเขียวที่คลุมทั้งเมืองภูเขาดำแล้ว เสวี่ยเหวินเค่อก็แค่นยิ้ม
มันอ้าปาก พลันปรากฏทวนเล็กสีแดงสดกลางปาก ขยับประกายโลหิตวาววับ
ทวนเล็กนั้นมีรูปร่างคล้ายกับปากของเสวี่ยเหวินเค่อมาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาวุธเซ่นไหว้โลหิตชีวิตของเสวี่ยเหวินเค่อ
การเอาอาวุธมาเป็นส่วนประกอบของร่างกายเป็นความชอบพิเศษของเผ่าอสูรมากมาย เพียงแต่ผู้ฝึกบำเพ็ญในเมืองไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสวี่ยเหวินเค่อถึงมีสมบัติวิเศษชีวิตอยู่ด้วย!
ควรรู้ไว้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนมันยังอยู่แค่ระดับหลอมปราณเท่านั้น ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ ไม่ใช่แค่รวมแก่นพลังสำเร็จ แต่ยังหลอมออกมาเป็นอาวุธเซ่นไหว้โลหิตได้อีก
หรือว่าปีศาจยุงตัวนี้จะเป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคของเผ่าอสูร เพียงแค่ออกมาล่าเหยื่อเองก็เท่านั้นกัน
ทุกคนยังไม่ทันสงสัย ปีศาจยุงก็โจมตีใส่ยอดค่ายกลมังกรเขียว ทวนยาวสีโลหิตพุ่งออกไป
ในทวนยามนี้มีพลังของเขตแดนเวทอยู่ ซึ่งน่ากลัวกว่ากระบี่บินสังหารปกติ
ทันทีที่มันปะทะกับการป้องกันของค่ายกลก็แทงออกเป็นรูหนึ่ง สายฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่งสว่างพร่างพราวแนบกับทวนยาว เหมือนจะหลอมรวมอาวุธชิ้นนี้
เงาโลหิตปรากฏขึ้นกลางเมืองก่อนเขย่าร่างกลายเป็นชายวัยกลางคนดุร้ายในชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่
เขาถือทวนยาวสีแดงในมือ มองเสิ่นเทียนที่หน้าขาวซีดเชิงเย้าหยอก
“หายากๆ ระดับสร้างฐานก็มีกำลังรบถึงเพียงนี้ น่าเสียดายก็แต่โอรสสวรรค์ของเผ่ามนุษย์พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป รับการดูแลอันดีเยี่ยมจากเผ่าอสูรเราไป แต่กลับโง่เขลาเสียจนช่วยไม่ได้ เมื่อครู่เจ้าเสกยันต์ระเบิดอัสนีระดับสูงสุดเยอะขนาดนั้นเพื่อช่วยคนธรรมดาพวกนี้ในเมืองภูเขาดำรึ
สิ้นเปลืองจริงๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนั้นคือของของข้า มีโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้!”
ขณะพูดอยู่นั้น แววตาชายวัยกลางเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้าหนูคงรู้ตัวแล้วสิ!”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็กลายเป็นเศษเงาสีแดงพุ่งไปหาเสิ่นเทียน
ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานรอบๆ อยากจะขวางไว้ แต่จะขวางไว้ได้หรือ
ในชั่วครู่สั้นๆ ชายวัยกลางคนนั้นก็อยู่ห่างจากตรงหน้าเสิ่นเทียนไปสามฉื่อแล้ว
เห็นทวนยาวในมือชายวัยกลางคนจะแทงร่างเสิ่นเทียนในวินาทีต่อมา จะสังหารเสิ่นเทียนแล้ว ตอนนี้เองเสิ่นเทียนลืมตาขึ้นทันที ปืนปทุมฆาตเทพข้างกายพุ่งขึ้นฟ้า
ปืนสั้นสามฉื่อกลายเป็นแสงดำยิงใส่เสวี่ยเหวินเค่อ
เสวี่ยเหวินเค่อยิ้มเยาะ “เจ้าหนู ยังจะดิ้นรนอีกรึ”
ทวนยาวสีแดงพลันแกว่งไกวก่อนฟันใส่ปืนปทุมฆาตเทพ
ขณะที่ทวนยาวกับปืนสั้นจะปะทะกันระยะประชิด ตัดสินแพ้ชนะกันนั้น ทันใดนั้นเองก็มีลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลเด่นชัดปกคลุมไปทั่วร่างเสวี่ยเหวินเค่อ
ตรงหัวปืนปทุมฆาตเทพนั้นแตกกระจายเป็นดอกบัวสีทอง ขณะเดียวกันเถาวัลย์สีเขียวมรกตยังมุดขึ้นมาจากพื้นดิน เถาวัลย์มัดขาสองข้างเสวี่ยเหวินเค่อไว้แน่น ทำให้เขาดิ้นหลุดไม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ส่วนตรงกลางดอกบัวสีทองเบ่งบานนั้นมีแสงสีทองสว่างจ้าสายหนึ่งยิงออกมา รวดเร็วจนน่าตกใจ!
เสวี่ยเหวินเค่อโต้ตอบค่อนข้างไวเช่นกัน เขารีบขยับทวนยาวสีทองมาบังไว้ข้างหน้า
แกร๊ง!
เสียงโลหะตัดสลับกันดังขึ้น เสวี่ยเหวินเค่อหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าพลังแห่งตะปูเทพทะลวงเขตแดนนี่เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
หลังจากต้านตะปูเทพทะลวงเขตแดนดอกแรกได้ ปากพยัคฆ์ของเสวี่ยเหวินเค่อสั่นไหวอย่างรุนแรง ทวนยาวสั่นไหวเช่นกัน และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือดอกบัวสีทองดอกนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิงตะปูทะลวงเขตแดนมาอีกดอก!
นี่…อาวุธเร้นลับบ้านี่ยังยิงรัวออกมาได้อีก นี่จะรังแกอสูรกันเกินไปแล้ว!
เสวี่ยเหวินเค่อเตรียมพร้อมรับมือ รวมสมาธิทั้งหมดไว้ที่ตะปูทะลวงเขตแดน
ไม่มีปัญหา เขาต้านได้หนึ่งดอก ก็ต้านดอกที่สองได้เช่นกัน!
……
ทว่าวินาทีต่อมา เสวี่ยเหวินเค่อมีสีหน้าสิ้นหวัง
เพราะเขาเห็นยันต์ระเบิดอัสนีปึกหนึ่งโผล่มาในมือเสิ่นเทียน ดูน่าตกใจมาก!
เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย “ในปากกระบอกลำกล้องคือความเป็นธรรม แต่เมื่อยิงออกไปจะกลายเป็นสัจธรรม!”
บึ้ม!
ยันต์ระเบิดอัสนีทั้งหมดพุ่งออกไป
วินาทีต่อมาเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหูขึ้น
ทุกส่วนของเสวี่ยเหวินเค่อกลายเป็นทะเลโลหิต
ซากศพเละเทะระเบิดกระจุยเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปทั่วกำแพงเมือง
ตอนนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญในเมืองตกตะลึงกันแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโห่ร้อง
ทว่าเสิ่นเทียนรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ยังอีกนานเลย เพราะฝูงยุงโลหิตนอกเมืองภูเขาดำยังไม่กระจายกันไป!
……………….……………….……………….