บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 203 โชคลิขิตของศิษย์พี่ จะแบ่งให้ข้าเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 203 โชคลิขิตของศิษย์พี่ จะแบ่งให้ข้าเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร
บทที่ 203 โชคลิขิตของศิษย์พี่ จะแบ่งให้ข้าเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร!
ว่านวิญญาณพวกนี้เต็มไปด้วยลวดลายลักษณะเกล็ดปลาทุกส่วน เหมือนกับเกล็ดมังกร ใบและก้านยื่นออกมาคล้ายกับมังกรคะนองน้ำมาก
ว่านวิญญาณทุกต้นเหมือนมังกรแดงขนาดย่อส่วน แผ่กลิ่นอายร้อนแรง อีกทั้งยิ่งเป็นว่านวิญญาณที่แข็งแรง สีก็ยิ่งเข้มมากเท่านั้น
กระทั่งว่านวิญญาณที่ใกล้กับโครงกระดูกมังกรยักษ์มากที่สุดยังมีสีกลายเป็นสีแดงอมดำแล้ว!
รอบๆ ตัวมันไม่แผ่ไอความร้อนอีก แต่มีความเย็นเยียบนิดๆ พลังทั้งหมดหุบอยู่ข้างใน
ว่านวิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ว่านโลหิตมังกร’ มีเพียงสถานที่ที่เผ่ามังกรโลหิตสิ้นชีพลงและโลหิตบริสุทธิ์ปนเปื้อนแผ่นดินเท่านั้นถึงจะมีโอกาสปรากฏขึ้น
ว่านวิญญาณชนิดนี้มีมูลค่าสูงยิ่ง สามารถช่วยผู้บำเพ็ญหลอมโอสถหลอมกาย มีประสิทธิผลที่ดีนัก
โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญแบบสู้ระยะประชิดที่ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร หากหล่อหลอมว่านโลหิตมังกร ถึงขั้นมีโอกาสได้รับพลังแห่งโลหิตมังกรในนั้นด้วยซ้ำ
ดังนั้นทุกการกระทำจะมีพลานุภาพของเผ่ามังกรแฝงมาด้วย ไม่ว่าจะพละกำลังหรือความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ถึงอย่างไรกายและจิตของเผ่ามังกรก็เป็นที่ยอมรับเรื่องความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน!
ว่านวิญญาณอย่างว่านโลหิตมังกรนี้หากให้ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองรวมถึงระดับเหนือสามัญของศาสตร์หลอมกายเทพมารใช้ ก็จะมีประสิทธิภาพสูงสุด
หลังจากว่านโลหิตมังกรชะล้างกายหยาบแล้วก็จะหล่อหลอมรากฐานที่แกร่งที่สุดได้ มีประโยชน์กับการพัฒนาในอนาคตของผู้บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด
แม้ในทั้งสนามรบบรรพกาล ว่านวิญญาณชนิดนี้ก็ยังเป็นโชคลิขิตที่ล้ำค่ามาก ทว่าในหุบเขาแห่งนี้กลับมีว่านโลหิตมังกรอยู่แทบทุกที่
….
“ศิษย์พี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่ชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ!”
ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ดูตื่นเต้นมาก “เพิ่งเข้าสนามรบบรรพกาลมาได้ครึ่งวันเจอแดนล้ำค่าเช่นนี้แล้ว!”
เสิ่นเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาดีใจ จัดการเจ้าพวกนี้ในหุบเขาให้หมดก่อน!”
ใช่ ในหุบเขายังมีสิ่งสกปรกอยู่
นั่นคือโครงกระดูกที่มีเขาแหลมงอกออกมาบนศีรษะ โครงกระดูกไม่ใช่สีขาวเงินอีก แต่เป็นสีแดงอ่อนๆ แปลกประหลาด อีกทั้งยิ่งร่างกายใหญ่ สีบนตัวก็ยิ่งเข้ม พลังก็ยิ่งดุร้าย
โครงกระดูกพวกนี้แข็งแกร่งกว่าโครงกระดูกพวกนั้นนอกหุบเขา กลิ่นอายพลังของทุกตัวถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว กระทั่งมีโครงกระดูกสีแดงเข้มสิบกว่าตัวแผ่กลิ่นอายพลังเทียบเท่ากับระดับแก่นพลังทองของมนุษย์
เห็นได้ชัดมากว่าโครงกระดูกผ่านการบำรุงจากไอมังกรในหุบเขา รับมือยาก!
ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของฉินเกา เสิ่นเทียนพบว่าราวๆ สองวันจากนี้จะมีทหารม้าวิญญาณร้ายกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาในหุบเขาโลหิตมังกรและสู้กับโครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้
ฉินเกาอาศัยความเร็วเหนือชั้นของตนชิงว่านโลหิตมังกรมาได้สิบกว่าต้นท่ามกลางความวุ่นวาย จากนั้นหนีตายไป
หรือก็คือถ้าพวกฉินเกาไม่ได้ตามเสิ่นเทียนมาละก็ ในช่วงเวลาต่อมาพวกเขาจะโดนปีศาจแยกกลุ่มกัน
คนอื่นๆ ไปพบโชคลิขิตของตนเอง ส่วนฉินเกามาที่หุบเขาแห่งนี้
ความจริง มันก็เป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้วในการฝึกฝนสนามรบบรรพกาล
ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะรวมกลุ่มกันได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ไม่สอดคล้องกับความจริง
ตอนที่เจออันตรายน่าสะพรึงอย่างแท้จริง การแยกกันหนีตายก็มีโอกาสรอดมากกว่าหนีเป็นกลุ่ม
ในโชคลิขิตเดิมของฉินเกานั้น เขาแอบชิงว่านโลหิตมังกรไปได้สิบกว่าต้น แต่ตอนนี้ในความคิดเสิ่นเทียน กลับคิดว่าจะเอาว่านโลหิตมังกรพวกนี้ไปให้หมดได้อย่างไร
ถึงอย่างไรเจ้าพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนต้นและใบหรือรากก็มีประโยชน์มาก
มีมูลค่าแท้จริงในตลาดผู้บำเพ็ญ
แย่งไปทั้งหมด มันจะไม่ดีหรือ
…..
สิ่งที่น่ายินดีคือแม้โครงกระดูกในหุบเขาโลหิตมังกรจะแข็งแกร่ง แต่สติปัญญาไม่เท่ากับมนุษย์เลย
โครงกระดูกทุกตัวเดินอย่างไร้จุดหมาย กระทั่งชนโครงกระดูกตัวอื่นๆ แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เห็นได้ชัดว่าพวกมันแค่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ หากยังไม่พบศัตรูก็แทบจะไม่มีความสามารถในการตัดสินใดๆ เลย
พวกเสิ่นเทียนซุ่มอยู่กลางหุบเขา ซ่อนกลิ่นอายพลังทั่วทั้งตัวไว้ จากนั้นวางค่ายกลซ่อนกลิ่นอาย อำพรางโครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้ได้สำเร็จ
“ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ แบ่งปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้ทุกคน ยืนกระจายๆ กันไว้”
เสิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “เสริมความแกร่งของตราเวทเก็บเสียง จะต้องรับประกันว่าจะไม่เกิดเสียงใดๆ ได้ โครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีจุดอ่อนถึงตาย นั่นคือใช้วิชาป้องกันไม่ได้
เราจะซุ่มยิงไปที่จุดอ่อนของพวกมัน หรือก็คือโจมตีเพลิงแห่งจิตวิญญาณ สังหารให้ได้ในครั้งเดียว! จัดการโครงกระดูกค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้นก่อนแล้วค่อยรับมือกับพวกตัวค่อนข้างแกร่ง ทุกคนเข้าใจหรือไม่”
ทุกคนพยักหน้าด้วยความเลื่อมใส “เข้าใจแล้ว!”
สมกับเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ในชั่วครู่สั้นๆ ก็คิดวิธีสกปรก…วิธีที่สุดยอดได้!
แสดงขีดความสามารถของปืนหยินหยางพิฆาตอสูรได้สูงสุด!
ในดวงตาฉินอวิ๋นตี๋ขยับประกายเลื่อมใสอย่างยิ่ง
เขาเหมือนพบหนทางการวิจัยใหม่อีกครั้ง!
เดิมทีฉินอวิ๋นตี๋อยากจะควบคุมปืนพิฆาตอสูรหกสิบสี่กระบอกบุกเข้าไปในหุบเขาและแลกตรงๆ กับโครงกระดูกพวกนี้
อาศัยการกดดันจากดินปืน เขามั่นใจว่าจะจัดการโครงกระดูกธรรมดาได้หลายสิบตัว และโครงกระดูกฉบับยกระดับอีกสามถึงห้าตัว
แต่โครงกระดูกที่เหลือพวกนั้นจัดการยากแล้ว หากไม่ระวังได้ถูกสับเป็นเศษเนื้อแน่
แต่วิธีของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มั่นคงกว่านั้นมาก
ซ่อนอยู่ในเงามืด ซุ่มยิงไป!
ไม่มีกลิ่นอายพลังกับเสียง กระทั่งอาวุธโจมตียังเป็นกระสุนทองคำวิญญาณเล็กยิ่ง ไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจนเหมือนกระบี่บินสังหาร
คาดว่าเจ้าพวกสติปัญญาต่ำพวกนี้คงหาตำแหน่งโจมตีจริงๆ ไม่พบด้วยซ้ำ
……..
“ทุกคนเตรียมพร้อม เริ่มปฏิบัติการ!”
ทุกคนได้แบ่งปืนหยินหยางพิฆาตอสูรไปคนละหลายกระบอก ก่อนจะใช้พลังจิตควบคุมการเล็ง
เสิ่นเอ้าก็ได้แบ่งไปหนึ่งกระบอกเช่นกัน เขามองปืนสั้นสีดำเมี่ยมในมือ ตอนแรกเขายังสงสัยในใจ มันดูเหมือนทวนสั้นธรรมดาๆ จะจัดการศัตรูระดับหัวหน้าที่อยู่ห่างไปพันก้าวได้หรือ นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่!
พึงรู้ไว้ว่าการขี่ปืนสังหารไม่ได้ผลกับโครงกระดูกพวกนี้
“องค์ชายหก ข้าจะสาธิตให้ท่านดูสักรอบแล้วกัน”
เถ้าแก่ซ่งขยับมาหน้าเสิ่นเอ้าด้วยความมีไมตรี ก่อนจะเริ่มสอนเสิ่นเอ้าใช้ปืนหยินหยางพิฆาตอสูร
เขาใช้พลังจิตเล็งโครงกระดูกที่มีเขามังกรสีแดงอ่อนตัวหนึ่งตรงรอบนอกหุบเขา ก่อนจะเดินตราเวทในปืนให้จุดยันต์ระเบิดอัสนี
ปัง~!
ตราเวทเก็บเสียงทำงาน เสียงที่ยิงออกไปถูกลดลงอย่างถึงขีดสุด เหลือเพียงเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ
แต่แม้จะเป็นเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ก็ยังโดนตราเวทซ่อนพลังกลบไปทั้งหมด
ก่อนจะเห็นว่าปืนหยินหยางพิฆาตอสูรสั่นไหวเล็กน้อย กระสุนสีดำสนิทลากผ่านอากาศไปยิงใส่เบ้าตาโครงกระดูกเขามังกรนั้น
ปัง~
ศีรษะของโครงกระดูกเขามังกรถูกยิงร่วงจากตัว เพลิงแห่งจิตวิญญาณมอดดับทันที
ซุ่มยิงไปอย่างแม่นยำสูง นัดเดียวระเบิดศีรษะ!
เสิ่นเอ้าเห็นถึงกับตะลึงค้าง โลกทัศน์ค่อยๆ พังทลายลง
ควรรู้ไว้ว่าเขาลำบากฝึกทักษะกระบี่มาหลายวัน แม้แต่โครงกระดูกธรรมดาข้างนอกหุบเขายังสู้ไม่ได้เลย
ทว่าในหุบเขานี้ ทหารโครงกระดูกเขามังกรเหนือชั้นที่แกร่งขึ้นจากไอมังกรกลับตายลงด้วยปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกระบอกเดียว
นี่ทำให้เสิ่นเอ้าเกิดความคิดว่า ‘ข้าฝึกกระบี่ไปจะมีประโยชน์อะไรกันแน่’ ขึ้น เขาสงสัยในชีวิตแล้ว
โครงกระดูกเขามังกรนั้นล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นทุกคนหัวใจบีบตัว พร้อมจะถอยทุกเมื่อ ทว่าโครงกระดูกเขามังกรตัวอื่นกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นว่าพี่น้องตนสิ้นชีพลง
อาจจะพูดได้ว่าสติปัญญาพวกมันต่ำเกินไปเลยไม่รู้ว่าจู่ๆ สหายศีรษะหลุดลงมาหมายความว่าอย่างไร
โครงกระดูกพวกนั้นเพียงแค่ได้ยินเสียงกระสุนทองคำวิญญาณชนกับกระดูก มองไปแล้วก็หันหน้ากลับมาสนใจตัวเองต่อ
บนหน้าที่ไม่มีเนื้อหนังเต็มไปด้วยความทึ่มทื่อ
เมื่อเห็นโครงกระดูกเขามังกรโต้ตอบปัญญาอ่อนเช่นนี้แล้ว เสิ่นเทียนก็วางใจลงเล็กน้อย
ความจริง โครงกระดูกเขามังกรพวกนี้ไม่ใช่เจ้าแห่งหุบเขานี้ ในหุบเขามังกรยักษ์ยังมีตัวที่แข็งแกร่งกว่า
เพียงแค่ช่วงเวลาพิเศษในรอบห้าปี ทำให้ตัวที่น่ากลัวเหนือกว่าระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปเข้าไปอยู่ในส่วนลึกกว่าของสนามรบบรรพกาล
ดังนั้นหุบเขามังกรยักษ์จึงเหลือเพียงเจ้าโง่พวกนี้ ทำให้พวกเสิ่นเทียนได้โอกาสพอดี
ถ้าไม่อย่างนั้น ค่ายกลของพวกเขาก็อาจจะอำพรางวิญญาณมรณะระดับสูงไม่ได้
ปรากฏว่าทุกคนติดบัคอยู่แบบนี้ ซ่อนอยู่บนภูเขาและส่งออกโครงกระดูกเขามังกรพวกนี้อย่างบ้าคลั่ง
ปัง~!
ปังๆ~!
ปังๆๆ~!
ศีรษะโครงกระดูกร่วงลงพื้นทีละหัว เพลิงแห่งจิตวิญญาณมอดดับไป
ไม่นานนัก โครงกระดูกเกือบร้อยในหุบเขาส่วนใหญ่กลายเป็นเศษกระดูกกระจายเกลื่อนพื้น
ตอนนี้เองโครงกระดูกสีแดงโลหิตพวกนั้นพบอะไรบางอย่างแล้ว จึงเริ่มมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัว
เพลิงแห่งจิตวิญญาณบนหน้าผากขยายใหญ่ขึ้น เหมือนสัมผัสอะไรได้
น่าเสียดายก็แต่สำหรับโครงกระดูกที่อาศัยเพียงกลิ่น เสียงและพลังหยางสัมผัสศัตรูแล้ว เหมือนว่าทุกคนที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลซ่อนกลิ่นอายจะอำพรางตัวได้
พวกมันไม่มีทางหาตำแหน่งของพวกเสิ่นเทียนพบเลย ได้แต่ถูกยิงอย่างเดียว
หลังจากกระสุนทองคำวิญญาณยิงออกไป โครงกระดูกสีแดงเข้มพวกนั้นจะรู้สึกได้ถึงตำแหน่งของกระสุน ก่อนจะโจมตีกลับหรือไม่ก็หลบ
แต่พวกมันไม่รู้จักการช่วยเหลือสหาย ได้แต่มองโครงกระดูกธรรมดาเกลื่อนพื้นอยู่ข้างๆ
ไม่นานนัก นอกจากโครงกระดูกเขามังกรสีแดงเข้มในหุบเขาแล้ว โครงกระดูกเขามังกรสีแดงอ่อนตัวอื่นๆ ถูกสังหารลงทั้งหมด
…..
“ต่อไปเป็นโครงกระดูกเขามังกรระดับแก่นพลังทองพวกนั้นแล้ว”
เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อย โครงกระดูกพวกนี้มีกำลังรบแข็งแกร่งกว่าโครงกระดูกธรรมดามาก
ถึงขั้นวิถีการโจมตีของกระสุนทองคำวิญญาณ พวกมันยังคาดการณ์ผ่านเสียงลมได้ ไม่ต้านก็หลบได้แล้ว
แต่สำหรับเสิ่นเทียน หากกระสุนนัดเดียวเอาไม่ลง เช่นนั้นก็ยิงไปหลายๆ นัด
“พี่หก ซ่งฟู้กุ้ย หลิวไท่อี่ เจินจื่อเจี่ย สยงเหมิ่ง พวกเจ้าห้าคนเล็งโครงกระดูกที่เกาหัวอยู่ทางตะวันออกนั่น
จ้าวเฮ่า เซียวหลิง เหลียนเอ๋อร์ ฉินเกา ลุงกุ้ย พวกเจ้าห้าคนเล็งโครงกระดูกที่กำลังทุบหน้าอกมองไปรอบๆ ทางตะวันตกนั่น
ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าเล็งโครงกระดูกที่กำลังนั่งยองเล่นกระดูกบนพื้นทางใต้
รายงานศิษย์พี่ เล็งเป้าหมาย!
“ยิงได้!”
ทันทีที่เสิ่นเทียนออกคำสั่ง กระสุนทองคำวิญญาณสิบห้านัดก็ทะลวงมวลอากาศไปพร้อมกับเสียงฉีกสายลมเร่งรีบ ยิงใส่โครงกระดูกสามตัวในทันใด
บรู้ว~
โครงกระดูกสามตัวนั้นเหมือนรู้สึกถึงอันตราย เพลิงแห่งจิตวิญญาณในศีรษะสว่างขึ้นมาก
เศษซากอาวุธในมือเปล่งแสงอ่อนก่อนจะต้านกระสุนทองคำวิญญาณไว้
น่าเสียดายก็แต่พวกมันกันกระสุนทองคำวิญญาณได้นัดหนึ่ง แต่กันกระสุนทองคำวิญญาณอีกหลายนัดที่ตามมาจากรอบทิศไม่ได้
ปัง~
ปังๆๆ~
ปังๆๆๆ~
กะโหลกแข็งแกร่งสามหัวถูกกระสุนทองคำวิญญาณยิงปลิวไป เพลิงแห่งจิตวิญญาณในนั้นมอดดับไปเช่นกัน
แต่ต้องบอกว่ากระดูกของโครงกระดูกค่อนข้างแข็งเลย โดนปืนหยินหยางพิฆาตอสูรยิงแล้วยังไม่มีแม้แต่รอยร้าว
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าตอนยังมีชีวิต โครงกระดูกพวกนี้น่ากลัวและมีศักยภาพเหนือชั้นอย่างยิ่ง!
แน่นอน ได้พลังมังกรบำรุงก็อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญในนั้น
เสิ่นเอ้ามองโครงกระดูกเขามังกรสามตัวที่ล้มลงด้วยใบหน้าตื่นเต้น เขาพบว่าตนชอบอาวุธพิเศษชิ้นนี้แล้ว เจ้านี่สบายกว่าลำบากฝึกกระบี่เป็นปีๆ อีก
แค่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานไม่กี่คนร่วมมือกันก็สังหารสัตว์ประหลาดวิญญาณมรณะระดับสูงที่เทียบเท่ากับระดับแก่นพลังทองได้ในพริบตา ถึงอกถึงใจจริง!
“ไม่เห็นข้าล่ะสิ!”
“ช่วยไม่ได้ ก็ข้ามันแข็งแกร่งเช่นนี้เอง!”
เสิ่นเอ้าเปลี่ยนกระสุนก่อนจะแสยะปากยิ้ม “ศิษย์พี่ซ่ง สมบัติวิเศษชิ้นนี้ซื้อได้ที่ใดรึ”
ซ่งฟู้กุ้ยยิ้ม “นี่ยังเป็นของกึ่งสำเร็จที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำลังวิจัยอยู่ ตอนนี้ยังไม่วางขายข้างนอก”
เมื่อเห็นเสิ่นเอ้าทำหน้าผิดหวังแล้ว ซ่งฟู้กุ้ยก็เอ่ยขึ้น “แต่ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรนี่ได้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์กับศิษย์พี่อวิ๋นตี๋คิดค้นร่วมกัน หากองค์ชายหกอยากได้ ก็แค่พูดกับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ เห็นทีคงจะไม่มีปัญหากระมัง”
เสิ่นเอ้าชะงักไปเล็กน้อย “น้องสิบสามเป็นคนคิดค้นสมบัติวิเศษทรงพลังเช่นนี้หรือ”
ไม่มีใครเข้าใจดีไปกว่าเสิ่นเอ้าแล้วว่าสมบัติวิเศษชนิดนี้แข็งแกร่งเพียงใด
ต้องรู้ว่ากำลังรบของโครงกระดูกเขามังกรพวกนี้คงไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองสักเท่าไร
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานห้าคนถือปืนหยินหยางพิฆาตอสูรก็สังหารโครงกระดูกเขามังกรที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งได้ในพริบตา
เช่นนั้นหากเป็นผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองล่ะ เกรงว่าความต่างคงไม่ได้มากเท่าไร
หากทำให้สมบัติวิเศษชนิดนี้เป็นที่แพร่หลาย สำหรับขุมอำนาจใหญ่ๆ แล้ว เกรงว่าระดับความสำคัญคงไม่น้อยไปกว่าสุดยอดคัมภีร์เซียน
น้องสิบสาม เจ้าเหมือนปีศาจเช่นนี้จริงๆ หรือ
……
เวลานี้ เสิ่นเอ้าเหม่อลอยไปเล็กน้อย
เขาเหม่อลอยไปพร้อมๆ กับร่วมมือกับทุกคนจัดการโครงกระดูกทั้งหมดในหุบเขา
จนกระทั่งเสียงของเสิ่นเทียนดังขึ้นถึงทำให้เขาได้สติกลับมา “ทุกคนทำได้ดีมาก นี่เป็นหน่วยรบที่สมบูรณ์แบบเลย!”
เสิ่นเอ้ามองหุบเขาและพบว่าตอนนี้ในหุบเขาไม่มีโครงกระดูกเขามังกรยืนอยู่อีก เหลือแค่เศษกระดูกเกลื่อนพื้น
ตอนนี้เสิ่นเทียนเดินมากลางหุบเขา เก็บกวาดเศษกระดูกพวกนั้นขึ้นมา “โครงกระดูกพวกนี้มีพลังมังกรแฝงอยู่ มีมูลค่าสูงกว่าโครงกระดูกธรรมดามากเลย
ครั้งนี้เราใช้ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรของศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ถึงล้อมปราบโครงกระดูกพวกนี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นโครงกระดูกพวกนี้ให้ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ครึ่งหนึ่ง ทุกคนมีความเห็นอะไรหรือไม่”
ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นดูตกใจที่ได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง “นี่จะได้อย่างไร โชคลิขิตของศิษย์พี่ จะแบ่งให้ข้าเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร!
หากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มีมหาดวงชะตา มีสวรรค์ดูแล เราจะหาหุบเขามังกรยักษ์นี่เจอได้อย่างไร! อีกอย่างก็เป็นเพราะศิษย์พี่สั่งการ พวกเราถึงจัดการโครงกระดูกเขามังกรได้หมดโดยไม่มีใครบาดเจ็บ
ข้าว่าโครงกระดูกกับว่านโลหิตมังกรพวกนี้ ศิษย์พี่ควรจะได้ไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือพวกเราค่อยมาแบ่งกัน ทุกคนคิดว่าอย่างไร”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของฉินอวิ๋นตี๋
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ครั้งนี้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สร้างคุณูปการสูงสุด ท่านรับครึ่งหนึ่งไปได้อย่างไม่ต้องละอายใจเลย!”
“ข้าหลิวไท่อี่ขอพูดอย่างยุติธรรม หากไม่มีท่านปรมาจารย์สวรรค์ เราคงไม่ได้แม้แต่ขนเส้นเดียว!”
“แซ่จ้าวคิดว่าศิษย์พี่เสิ่นเทียนไม่ต้องเกรงใจเลย นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้”
“น้องสิบสาม เจ้าทำคุณูปการสูงสุด รับไว้เถอะ!”
“หลิงเอ๋อร์เห็นด้วย”
“เหลียนเอ๋อร์เห็นด้วย”
“บ่าวเห็นด้วย”
“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”
…….
เสิ่นเทียนเห็นทุกคนมีใบหน้าเต็มไปด้วย ‘ความเลื่อมใสและเร่าร้อน’ ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เฮ้อ นี่คือเรื่องกลุ้มของการเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์มากเกินไป!
ข้าอยากจะแบ่งผลประโยชน์ออกไปให้เต็มที่
ปรากฏว่าทุกคนไม่ยอม
เฮ้อ กลุ้มใจชะมัด!
………………………………………………….….