บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 208 วิชาสูงสุดนกยูง แสงเทพห้าสี (1)
บทที่ 208 วิชาสูงสุดนกยูง แสงเทพห้าสี (1)
ภายใต้ม่านยามราตรีปกคลุม มีร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งขยับวูบไหวในร่องหุบเขาอย่างรวดเร็ว
มันรวดเร็วปานสายลมจนคนเห็นแม้แต่เศษเงาไม่ชัด เหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าราตรี
และข้างหลังเขาก็เป็นหนุ่มสาวสวมชุดขนนกสวยงามห้าคนตามมาติดๆ จู่โจมใส่ร่างเงาสีขาวนั้นไม่หยุด
“เดรัจฉาน กล้าแย่งสมบัติล้ำค่าไปจากข้า สมควรตาย!”
ชายสวมชุดขนนกสีทองมีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระหืดกระหอบ ฟันดาบยาวสีทองในมือลงพื้นไม่หยุด
คลื่นดาบมหาศาลทำให้เกิดรอยดาบบนพื้นชัดเจน แต่กลับโจมตีไม่โดนเงาสีขาว ไม่ได้ทำอันตรายเขาแม้แต่น้อย
ชายชุดคลุมขาวข้างๆ ขี่พู่กันนกกระเรียนพุ่งใส่ร่างสีขาวนั้นเหมือนกับกระบี่เทพ
น่าเสียดายทุกครั้งที่จะจู่โจมโดนเงาสีขาว ร่างสีขาวนั้นจะเร่งความเร็วหลบได้สบายๆ เหมือนกำลังหยอกล้อทุกคน
“เหอะๆ เด็กน้อยหน้าตาอัปลักษณ์อย่างพวกเจ้ากล้าล่าสังหารข้ารึ ตอนนั้นที่ข้าท่องห้าดินแดน บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังเป็น…อาหารป่าให้แขกของข้าอยู่เลย!
ไม่นึกเลยว่าวีรบุรุษเมื่อถึงคราวอับโชคก็ถูกผู้อื่นรังแกได้ ตอนนี้เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าถึงกับกล้าโอหังเช่นนี้! ขอข้าฟื้นพลังบำเพ็ญก่อนเถอะ จะตุ๋นเดรัจฉานขนนกอย่างพวกเจ้าแน่นอน!
กลัวละสิ! ถ้ากลัวก็ถอยไป หลีกทางไป ภายภาคหน้าเมื่อข้าพิสูจน์มรรคในภพที่สองแล้วจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง!”
…….
เงาสีขาวหลบการโจมตีของห้าคน กระโดดไปในหุบเขาไปพลาง พ่นคำด่าไปพลาง
ตอนนี้ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เงาสีขาวนั้นส่องสะท้อนชัดเจนในสายตาห้าคนที่กำลังล่าสังหาร
นั่นคือเต่าดำสีขาวที่ยืนสองขากำลังวิ่งบนพื้นอย่างว่องไว!
ก่อนเห็นเต่าดำนี่ใช้ขาหลังยันพื้นสูงราวหนึ่งฉื่อ ทุกส่วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหยก เปล่งประกายแสงแพรวพราวภายใต้แสงจันทร์ ต้องบอกว่าเต่าดำนี่ดูไม่ธรรมดาจริงๆ รูปลักษณ์ก็สุดยอดมาก
เพียงแค่คำพูดจากปากเขากลับทำให้คนฉุนเฉียว อยากจะตุ๋นเจ้าเต่านี่ใจจะขาด
ความจริง ในใจโอรสสวรรค์ห้าคนจากดินแดนทักษิณก็คิดเช่นนี้
จินอวี่เป็นโอรสสวรรค์เผ่าพญาอินทรีปีกทองแห่งดินแดนทักษิณ ครั้งนี้แอบเชิญสหายเข้ามาในสนามรบบรรพกาล เดิมทีกลั้นโทสะไว้ คิดจะมาชำระแค้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ปรากฏว่าพวกเขารออยู่หุบเขามารโลหิตหนึ่งวันเต็มก็ยังไม่เจอบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่เจอกับมารโลหิตที่แข็งแกร่งตนหนึ่งแทน
มารโลหิตตนนี้มีกำลังรบไม่ธรรมดา ซึ่งรวมขึ้นจากโลหิตบริสุทธิ์ของผู้แข็งแกร่งยุคโบราณผสมกับกลิ่นอายชั่วร้าย มีกำลังรบเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณ
แม้ห้าคนจะเป็นผู้โดดเด่นในระดับแก่นพลังทอง ในโลกข้างนอกสามารถสังหารระดับดวงจิตดรุณธรรมดาได้อย่างง่ายดาย แต่ในสนามรบบรรพกาลแห่งนี้ กำลังรบถูกจำกัดลงอย่างมาก จึงสู้กับมารโลหิตตัวต่อตัวได้ยากมาก
ห้าคนใช้เวลาอยู่นาน เสียพลังปราณเดิมไปจำนวนมากกว่าจะสังหารมารโลหิตนี่ลงได้ จนแหวกร่างมารโลหิตนำ ‘ไข่มุกแก่นโลหิต’ ออกมา
สำหรับมารโลหิตแล้ว ไข่มุกแก่นโลหิตคือต้นกำเนิดชีวิตของมัน แฝงไว้ด้วยพลังชีวิตที่มหาศาลอย่างยิ่ง
และสำหรับเผ่าปีศาจ ไข่มุกแก่นโลหิตก็เป็นยาบำรุงที่สมบูรณ์แบบ
โลหิตบริสุทธิ์ของร่างมารโลหิตปั่นป่วนและรุนแรง ทว่าโลหิตบริสุทธิ์ที่แฝงอยู่ในไข่มุกแก่นโลหิตกลับทรงพลัง เมื่อหล่อหลอมไข่มุกแก่นโลหิตแล้ว เผ่าปีศาจจะใช้ยกระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดตนได้ เสริมกำลังรบให้แกร่งขึ้นได้
หากดวงดี กระทั่งมีโอกาสปลุกตื่นสายเลือดของบรรพบุรุษสัตว์เทพโบราณได้
มารโลหิตตัวนี้มีสติปัญญาต่ำ ไม่อาจสำแดงกำลังรบของตนออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีกำลังรบเทียบเท่าระดับดวงจิตดรุณ จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าระดับของโลหิตบริสุทธิ์ของมันค่อนข้างไม่ธรรมดา ความล้ำค่าของไข่มุกแก่นโลหิตจึงยิ่งไม่ต้องสงสัย
ขนาดสำหรับทั้งห้าคนก็ยังเป็นโชคลิขิตล้ำค่าที่ควรค่าให้ความสนใจ!
ทว่าช่วงที่ทุกคนนำไข่มุกแก่นโลหิตออกมาเตรียมจะแบ่งกันนั้น เต่าขาวสมควรตายนี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
ความเร็วของมันแทบจะไร้เหตุผล!
ขยับวูบเดียว ไข่มุกแก่นโลหิตก็หายไปจากตรงหน้าห้าคน โดนเต่าดำนี่กลืนลงไปในท้อง จากนั้นเต่าขาวนี่ก็วิ่งหนีไปในส่วนลึกของสนามรบ
โอรสสวรรค์เผ่าปักษาแห่งดินแดนทักษิณย่อมยอมไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เหนื่อยจะเป็นจะตายสู้กับปีศาจตั้งนาน กว่าจะระเบิดสมบัติออกมาไม่ได้ง่ายๆ แต่กลับโดนแย่งไปเช่นนี้ คนปกติใครเขาจะยอมรับได้
ดวงตาของจินอวี่ขยับแสงสีทองออกมาจับจ้องร่างเงาสีขาวนั้นเขม็ง ไม่ให้เขาพ้นไปจากสายตาเลย
นี่คือความสามารถพิเศษของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง เมื่อฝึกฝนถึงจุดสูงสุดจะมองทะลุนภาเก้าชั้น มองลงดินส่องเก้าปรโลก มองทะลุทุกอย่าง
แม้วิชาเนตรของจินอวี่จะยังฝึกไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่ธรรมดาแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นขณะไล่มาตลอดทาง เต่าดำสีขาวนี่คงหนีพ้นไปนานแล้ว
จินอวี่มองเต่าขาวพลางแค่นยิ้ม “ไอ้เต่าสมควรตาย วันนี้ข้าจินอวี่ไม่ฆ่าเจ้า ก็ขอสาบานว่าจะไม่เป็นคน!”
เต่าขาวหัวเราะเสียงดัง “สาบานว่าไม่เป็นคนรึ เจ้าอย่าหน้าด้านนักเลย เจ้าน่ะหรือคน ก็แค่เดรัจฉานขนนกเท่านั้น! แต่ว่าเนื้อของอินทรีปีกทองพวกเจ้าก็อร่อยจริงๆ แก่ๆ เอามาตุ๋นน้ำแกงได้กำลังวังชา อ่อนๆ ก็เอามาย่างกินนุ่มละมุน
เฮ้อ กาลเวลามหัศจรรย์ไม่อาจหวนคืนสู่อดีต ข้าได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อไร จะตุ๋นเจ้าเป็นคนแรกเลย”
บึ้ม~!
เต่าขาวเพิ่งพูดจบ ตรงจุดที่เขาอยู่ก็ถูกแสงไอดาบฟันลงมา
ไอดาบทองคำนี้แกร่งจนน่าตกใจจริงๆ กระทั่งมากพอจะทำให้ผู้จริงแท้ระดับแก่นพลังทองบาดเจ็บสาหัส
น่าเสียดายก็แต่เต่าดำสีขาวนี่โต้ตอบไว้มาก ร่างกลายเป็นเศษเงาหลบการโจมตีได้ แม้ห้าคนจะโจมตีลงมาปานห่าฝนก็ยังสร้างอำนาจคุกคามถึงเขาจริงๆ ไม่ได้ ช่างดูโอหังและใช้อำนาจบาตรใหญ่จริงๆ
นี่…ยังเป็นเต่าอยู่อีกหรือ
หญิงนกยูงที่สวมอาภรณ์สีสันหลากสียังคงไม่พูดไม่จา เพียงแค่มองเต่าสีขาวนั้นเฉยๆ เหมือนกำลังสังเกตอะไรบางอย่าง ผ่านไปนานในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “เป็นท่าเท้าในตำนาน ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต”
คำพูดของข่งเมิ่งทำให้โอรสสวรรค์เผ่าปักษาอีกสี่คนมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ท่าเท้านั้นไม่ใช่ว่าหายสาบสูญไปแล้วรึ”
ข่งเมิ่งส่ายหน้าช้าๆ “ที่หายสาบสูญไปเพียงแค่ไม่มีผู้สืบทอดในใต้หล้าเท่านั้น อย่าลืมว่านี่คือสนามรบบรรพกาล”
จินอวี่หน้าเขียวปัด เพราะตนเป็นโอรสสวรรค์ของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง จึงมีความเข้าใจในมรดกที่มีชื่อเสียงของห้าดินแดน
ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเป็นวิชาลับที่ไม่เผยแพร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน ได้รับขนานนามว่ามีความเร็วสูงสุดในฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนทักษะย่างก้าวนี้จะสามารถแปลงกายเป็นสายฟ้าหนีหายไปในฟ้าดินได้
ความเร็วของมันนั้น ในระดับเดียวกันแทบไม่มีใครจับตัวได้
แน่นอนว่าการฝึกฝนทักษะย่างก้าวนี้ก็ยากยิ่งเช่นกัน
มันถูกสร้างโดยเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน ทั้งยังสร้างชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนบูรพา
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นฝึกฝนกายเทพอัสนีกำเนิดฟ้าปัญจธาตุสำเร็จ แบกธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เป็นหนึ่งในเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา
ในช่วงจุดสูงสุดนั้นเขายังก้าวสู่ระดับเตรียมจักรพรรดิ ก็ยังอาศัยย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเดินไปบนสนามรบบรรพกาลและฆ่าล้างมารร้ายจากต่างแดน
มักจะมีเพียงประกายแสงสีทองลากผ่าน ผู้แข็งแกร่งจากต่างแดนพวกนั้นก็จะศีรษะหลุดจากบ่า โลหิตนองเป็นสายน้ำ
ในสงครามครั้งนั้น ชื่อเสียงโด่งดังของ ‘เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง’ แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงกับหยุดเผ่าวิญญาณร้ายต่างแดนที่มาก่อความวุ่นวายได้
กระทั่งเล่าลือว่าที่เผ่าวิญญาณร้ายจากต่างแดนปิดล้อมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะเกรงกลัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง
พวกเขากังวลว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทองจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้อย่างแท้จริงในสงครามนั้น
ถึงตอนนั้นก็จะส่งผลพลิกฟ้าดินต่อรูปแบบสงคราม!
สุดท้ายด้วยแผนการร้ายปิดล้อมสังหาร ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทองสิ้นชีพลง ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตยังหายสาบสูญไปด้วย
จินอวี่ไม่คาดคิดเลยว่าเต่าสีขาวที่เจอในสนามรบบรรพกาลจะใช้ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทองได้
เหอะๆ ทั้งยังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีก!
พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรังแกนกกันเกินไปแล้ว!
“วิชาปักษาสวรรค์อาบโลหิต!”
เผ่าพญาอินทรีปีกทองมีนิสัยไม่ค่อยดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขี้โมโหง่ายเป็นที่สุด
หลังจากรู้ว่าเจ้าเต่าขาวนี่สำแดงมรดกของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จินอวี่ก็โมโหเสียจนขนนกปีกสองข้างตั้งขึ้น เลือดลมในกายลุกแผดเผาเปลี่ยนเป็นพลังงานโหมซัดสาดหลั่งทะลักไปทั่วร่าง ความเร็วก็สูงขึ้นตาม
ต้องรู้ว่าเผ่าอินทรีสวรรค์มีความเร็วสูงสุดในฟ้าดินอยู่แล้ว กล่าวได้ว่าอินทรีสวรรค์มสายเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริงกระพือปีกบินที ขนาดมังกรและหงส์ยังเทียบเคียงได้ยาก
ตอนนี้จินอวี่เผาเลือดลมเพิ่มความเร็ว ทั้งตัวเขากลายเป็นเศษเงาสีทอง ครู่เดียวก็เข้าใกล้เต่าขาวนั้น
“ไอ้เดรัจฉาน! ข้าก็แค่กินไข่มุกของเจ้าไปเม็ดเดียวเอง ไฉนเจ้านกน้อยต้องทำถึงเพียงนี้!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเข้มข้นจากข้างหลังแล้ว เต่าขาวก็แทบจะตกใจจนกระดองบิน
ร่างสีขาวยิงประกายแสงออกไป ขาสั้นๆ สองข้างวิ่งไปอย่างรวดเร็วเหมือนติดตั้งเครื่องยนต์
“ช่วยด้วย! ไอ้ลูกนกเป็นโรคห่า เป็นบ้าไปแล้ว! มีรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์หรือเผ่าเต่าบ้างหรือไม่ มาช่วยข้าที!
เจ้าลูกนกตามมาได้เลย เจ้าตามข้ามา ถ้าเจ้าตามข้าทันถือว่าเจ้าเร็ว!
อย่าตามมา! เจ้าลูกนก เป็นสิ่งมีชีวิตเพศผู้จะเร็วเกินไปไม่ได้นะ เดี๋ยวจะโดนหัวเราะเยาะเอา!”
…….
เต่าขาวมีพลังบำเพ็ญไม่สูงเลย โดนจินอวี่ระเบิดความเร็วสูงสุดกดดันจนอยู่ในสถานการณ์อันตราย การหลบยังดูลำบากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่ทำให้จินอวี่เป็นบ้าคือ แม้จะถูกกดดันให้กระโดดขึ้นๆ ลงๆ แล้ว เต่านี่ก็ยังไม่หยุดปาก คำพูดมันเยอะเหลือเกิน เป็นแค่เต่าอันธพาลจริงๆ กวนโมโหที่สุด!
“เจ้าเต่า รอข้าจับเจ้าได้เมื่อไร จะลอกหนังสับกระดูกไปตุ๋นทำน้ำแกงเต่าแน่นอน!”
จินอวี่กวัดแกว่งดาบยาวสีทองยิงไอดาบไปดั่งพายุคลั่ง กดดันเต่าขาวให้ต้องกระโดดขึ้นๆ ลงๆ
ทันใดนั้นเต่าขาวเหมือนสัมผัสอะไรได้ มันมองไปทางหุบเขาที่อยู่ไม่ไกล “โอ้ว มีผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์!”
มันขยับร่างวูบไหวพุ่งไปทางหุบเขานั้น กระโดดไม่กี่ทีก็เข้าไปกลางหุบเขา ก่อนจะหุบกลิ่นอายพลัง
ค่ายกลตรงทางเข้าหุบเขานั้นไม่มีผลอะไรกับเต่าขาวเลย ถูกมันทะลวงเข้าไปทันที!
“คิดหนีรึ วันนี้ถ้าให้เจ้าหนีไปได้ ข้าจะเขียนนามกลับหลัง!”
จินอวี่โกรธจนขนพอง ก่อนจะกลายเป็นดาบเทพสีทองฟันใส่กลางหุบเขา
บึ้ม~!
ค่ายกลป้องกันง่ายๆ แหลกสลายไปทันที ก่อนจะไปกระตุ้นค่ายกลเตือนภัย
เสียงเตือนแหลมเล็กดังขึ้นกลางหุบเขา ดึงดูดความสนใจของทุกคนในหุบเขาทันที
ฉินอวิ๋นตี๋พลันตื่นจากสมาธิ แม้จะลืมตาแล้วก็ยังไม่ต่างจากหลับตาเท่าไร ทว่าปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหกสิบสี่กระบอกลอยอยู่ข้างหลังเขาแล้ว ส่องแสงมืดหม่นภายใต้แสงจันทร์ ทำให้คนเกิดความหนาวสั่น
จ้าวเฮ่าเพิ่งกินว่านโลหิตมังกรไปไม่น้อย อัคคีอรุณใต้เข้มข้นปกคลุมทั่วร่าง กลายเป็นไอกระบี่เปลวเพลิง ตอนนี้เขาพลันมองไปทางเข้าหุบเขา จิตมุ่งมั่นในการต่อสู้อันเข้มข้นแผ่มาจากในตัวเขา
นอกจากนี้ พวกกุ้ยกงกง ฉินเกา เซียวหลิงและหลี่เหลียนเอ๋อร์ยังหยิบอาวุธออกมาปกป้องอยู่ข้างกายเสิ่นเทียน
ตอนนี้เสิ่นเทียนยังคงดูดซับแก่นสารของว่านโลหิตมังกร แม้ไม่รู้ว่าจะขัดได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็จะไม่ให้เกิดความเสี่ยงใดๆ
……
ค่ายกลตรงทางเข้าหุบเขาพังทลายลง
เงาสีแดงอมทองพุ่งเข้ามากลางหุบเขา
คนนี้สวมชุดคลุมขนนกสีทอง ข้างหลังมีปีกนกสีทอง นั่นคือจินอวี่ “ไอ้เดรัจฉาน ออกมา!”
เผ่าปีศาจหรือ
ฉินอวิ๋นตี๋ที่อยู่ตรงทางเข้าหุบเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตนเป็นศิษย์สายตรงเทพสวรรค์ย่อมค่อนข้างเข้าใจเผ่าปีศาจแดนทักษิณ หมื่นปีมานี้เผ่าปีศาจดินแดนทักษิณราชินีหงส์อมตะจึงทำตามสัญญามาตลอด
เหตุใดถึงปรากฏเผ่าปีศาจขึ้นในสนามรบบรรพกาลล่ะ อีกทั้งระดับความแกร่งของสายเลือดยังไม่ธรรมดามากด้วย!
ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าฉินอวิ๋นตี๋ศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ทราบว่าสหายมีนามว่าอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าจะหาไอ้เต่าสารเลวนั่น…”
จินอวี่กำลังจะให้ทุกคนไสหัวออกไป แต่ทันใดนั้นก็เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋เขม็ง “เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าคือศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”
ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใช่ ไม่ทราบว่าสหายมีอะไรจะชี้แนะหรือไม่”
จินอวี่ยิ้มเยาะ “น่าสนใจ จับไอ้เต่านั่นไม่ได้ แต่มาเจอศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะว่าไปก็เป็นศิษย์ฝ่ายเดียวกัน หากข้าจับเจ้าไว้ ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้ารู้เข้าก็น่าจะมาหากระมัง!”
เมื่อเอ่ยจบ จินอวี่ก็จ้องฉินอวิ๋นตี๋เขม็ง เผยความเหี้ยมโหดมาอย่างโจ่งแจ้ง
อำนาจคุกคามมหาศาลที่เทียบเท่าแก่นพลังทองม้วนเข้าใส่ฉินอวิ๋นตี๋อย่างมืดฟ้ามัวดิน
เดิมทีจินอวี่คิดว่าด้วยอำนาจคุกคามของตน ฉินอวิ๋นตี๋จะต้องหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง กระทั่งอ้อนวอนขอร้อง แต่เขาคิดผิดไป คิดผิดไปมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินอวิ๋นตี๋ค่อยๆ แข็งค้าง ไม่มีความยำเกรงแม้แต่น้อย “เจ้าหมายความว่าคิดไม่ดีกับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
จินอวี่หัวเราะเยาะ “คิดไม่ดีกับเขาแล้วอย่างไร ตาแก่บัวมรกตของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้ายังกล้าลงมือกับผู้อาวุโสเผ่าข้า ถึงประหารก็ไม่อาจลบล้างความผิดได้!
ครั้งนี้ข้ามาสนามรบบรรพกาลก็เพื่อจะมาเอาคืน จะมาฆ่าล้างบางศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นให้สิ้นซาก และก็ให้เผ่ามนุษย์ผู้โอหังอย่างพวกเจ้าได้รู้ว่าจะหยามศักดิ์ศรีของเผ่าปักษาดินแดนทักษิณไม่ได้ง่ายๆ!”
จินอวี่พูดด้วยใบหน้าลำพองใจ แต่ฉินอวิ๋นตี๋ยังคงมีสีหน้าเฉยชา ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
เพียงแต่ประกายที่เปล่งมาจากในดวงตาตี่เย็นชาและไร้ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งด่าศิษย์พี่ว่าสารเลวอย่างนั้นรึ”
จินอวี่อึ้งไป เขาไปด่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ว่าสารเลวตั้งแต่เมื่อไร
แต่ก็ช่างเถอะ!
กับอีแค่ศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตัวจ้อย อีกทั้งยังมีพลังแค่ระดับสร้างฐาน ไม่อยู่ในสายตาเขาจินอวี่เลย
เขาประเมินกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมารอบตัวฉินอวิ๋นตี๋ จินอวี่มั่นใจว่าจะส่งเจ้ามนุษย์นี่ลงแดนปรโลกได้ในสามกระบวนท่า!
……………………………………………………………