บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 227 เจ้านี่ใช่เซียนแท้จริงแน่หรือ
บทที่ 227 เจ้านี่ใช่เซียนแท้จริงแน่หรือ
พึงรู้ไว้ว่า พลังแห่งเงามืดลับบนที่ราบแห่งนี้เกิดขึ้นจากแก่นพลังสำคัญของวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนนี้
เขาบุกโลกบำเพ็ญเซียนจากต่างแดนเมื่อหมื่นปีก่อน
อาศัยพลังบำเพ็ญระดับเตรียมเซียนของตนเซ่นไหว้โลหิตทุกชีวิตในห้าดินแดน
แม้แต่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังตายตกในมือเขาไม่ใช่น้อยๆ เรียกได้ว่าเป็นคนเลวทรามที่สุดแห่งยุค
สุดท้าย อดีตเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วัฏจักรก็ใช้ชีวิตตัวเองเป็นราคาต้องจ่าย ใช้ของวิเศษเตรียมเซียนถาดวัฏจักรหกมรรคปราบมันลง
หมื่นปีมานี้ ถาดวัฏจักรหกมรรคหลอมรวมต้นกำเนิดของราชามารวิญญาณมืดมาตลอด ทำให้มันบริสุทธิ์ในหกมรรคและกลายเป็นพลังแห่งเงามืดลับต้นกำเนิด
เดิมทีพลังแห่งเงามืดลับพวกนั้นจะสลายไปแล้ว แต่สาวกวิญญาณร้ายเมื่อสามพันปีก่อนพบที่แห่งนี้เข้า
ดังนั้นสาวกพวกนั้นจึงวางค่ายกลรวมพลังแห่งเงามืดลับขึ้นมาใหม่ ก็เพื่อวันที่มารสวรรค์พุ่งชนดาวร้ายชักสัวะในรอบสามพันปีนี้ ใช้วิชาลับเฉพาะช่วยราชามารวิญญาณมืดออกมาและได้ฟื้นพลังปราณเดิมกลับมาอย่างเร็วที่สุด
แต่วันนี้ ราชามารวิญญาณมืดกลับรู้สึกว่ามีคนขโมยพลังแห่งเงามืดลับของเขา
นี่ทำให้เขาโมโหจนแทบระเบิด
ถึงอย่างไรก็สามพันปีเต็มๆ!
เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าผ่านสามพันปีนี้มาอย่างไร
ตอนนี้จะหลุดพ้นแล้ว จะได้รวมพลังแห่งเงามืดลับที่ถูกสลายออกไปกลับมาทั้งหมด
เจ้ากลับบอกข้าว่ามีไอ้คนไร้ยางอายแย่งรากชีวิตของข้าไปอย่างนั้นรึ
สารเลว ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด!
ราชามารวิญญาณมืดฝืนทะลวงออกจากผนึกของถาดวัฏจักรหกมรรค รวมพลังแห่งเงามืดลับจู่โจม
ทันใดนั้น ทั้งที่ราบเงามืดลับก็เกิดปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ขึ้น
พลังแห่งเงามืดลับไร้ที่สิ้นสุดนั้นเริ่มกลายเป็นมารร้ายและภูตผีดุร้ายจำนวนมาก ทั้งที่ราบเหมือนกับมีภูตผีนับร้อยเดินกันในยามราตรี วิญญาณร้ายทุกตนแผ่กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงเทียบเท่าผู้อริยะออกมา
“เจ้าบ้านี่แข็งแกร่งมาก ผู้อาวุโสเอาอยู่หรือไม่”
เสิ่นเทียนหวาดกลัวในใจนิดๆ แต่เยี่ยฉิงชางกลับค่อนข้างสงบนิ่ง
หอคอยเทพสงครามสีม่วงพุ่งออกมาจากจุดตันเถียนของเสิ่นเทียน สาดแสงเทพลงมา
“เย็นไว้ เจ้านี่ถูกค่ายกลกำราบไว้ โจมตีอะไรไม่ได้มากหรอก สัตว์ประหลาดพวกนี้ก็แค่มีพลังน่าตกใจ ความจริงสร้างหลอกขึ้นมาจากพลังแห่งเงามืดลับบริสุทธิ์ ไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย”
เยี่ยฉิงชางลูบเคราพลางหัวเราะเบาๆ “พลังแห่งเงามืดลับเยอะขนาดนี้ พอจะเลี้ยงหอคอยเทพสงครามไปได้อีกนานเลย”
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยฉิงชางก็เริ่มใช้สองมือประสานมุทรา รอบกายวิญญาณเปล่งแสงเทพออกมา
จุดแสงสีม่วงขยับประกายรอบตัวเยี่ยฉิงชางราวกับดวงดารา ร่างเป็นแผนผังดาวลี้ลับ
แผนผังดาวนั้นเหมือนกับปลาบินยักษ์ ส่องสะท้อนข้างหลังเยี่ยฉิงชาง กลายเป็นปรากฏการณ์ปลาบินยักษ์หมื่นจั้ง
“ข้าเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณ อานุภาพของวิชาลดลงไปมากจริงๆ”
เยี่ยฉิงชางส่ายหน้ายิ้มๆ “แต่ถ้าจะดูดพลังแห่งเงามืดลับแค่นี้ สบาย”
ทันทีที่พูดจบ หอคอยเทพสงครามก็หลอมรวมกับร่างเงาปลาบินยักษ์หมื่นจั้งเป็นหนึ่งเดียว ปลาบินยักษ์นั้นสมจริงขึ้นมาทันที
วิญญาณร้ายที่แผดเสียงร้องแหลมเล็กถูกดูดเข้ามาทางปากปลาบินยักษ์ทั้งหมด พริบตาเดียวก็ถูกทำลายภาพมายา กลายเป็นพลังแห่งเงามืดลับที่บริสุทธิ์ที่สุด
“บัดซบ สารเลว!
เก่งจริงก็ปล่อยข้าออกไป ให้ข้าสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม!
อาศัยตอนที่ข้าถูกผนึกขโมยแก่นพลังบริสุทธิ์ของข้าไป เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”
มีเสียงคำรามด้วยความโกรธของวิญญาณร้ายดังมาจากกลางที่ราบ
เยี่ยฉิงชางหัวเราะเยาะ “กับอีแค่เผ่าวิญญาณร้ายตัวเล็กๆ มีนิสัยแข็งกร้าวเสียเหลือเกิน ดูดมาให้ข้า!”
เมื่อพูดจบ แรงดูดของปลาบินยักษ์เพิ่มมากขึ้น พลังแห่งเงามืดลับทั้งหมดบนที่ราบถูกปลาบินยักษ์ดูดกลืนเข้ามาราวกับแม่น้ำร้อยสายรวมเป็นมหาสมุทร สะอาดหมดจด
ที่ราบที่ตอนแรกยังเหมือนมีหมอกบดบัง ตอนนี้ชัดเจนมาก เห็นต้นไม้ใบหญ้าในนั้น
“หมดแล้ว ไม่เหลือเลย”
มีเสียงสิ้นหวังดังมาจากใต้แท่นบวงสรวงตรงกลางที่ราบ
ราชามารวิญญาณมืดตัวสั่น
ลูกหลานพวกนั้นของข้าล่ะ!
สาวกพวกนั้นของข้าล่ะ!
ไหนบอกว่าจะส่งเครื่องเซ่นโลหิตกับกายหยาบระดับสูงสุดมาให้ข้าไม่ใช่รึ
เหตุใดพวกเขายังไม่มา แต่กลับมีเทพมารร้ายพวกนี้มาแทน
ต้องรู้ว่าถึงราชามารวิญญาณมืดจะแข็งนอกอ่อนใน ทำได้แค่ทะลวงผ่านถาดวัฏจักรหกมรรคออกมาสำแดงภาพมายาจู่โจมที่ไม่ได้เรื่องอะไร แต่ภาพมายาจู่โจมชนิดนี้ก็มากพอจะทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าผู้อริยะส่วนใหญ่ตกใจกลัวหนีไปสิ!
กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับผู้อริยะมากมาย เจอภาพยามาร้อยภูตผีย่ำเดินยามราตรีนี่แล้วยังไม่กล้าบุ่มบ่าม
ถึงอย่างไรผีแก่ที่อยู่มานานก็ขู่ให้คนกลัวได้
แต่คนที่บุกที่ราบมาในครั้งนี้ไม่หลงกลภาพภมายาเลย เขามองแวบเดียวก็เห็นความจริงของราชามารวิญญาณมืด ก่อนจะดูดพลังแห่งเงามืดลับทั้งหมดไป
ตอนนี้ราชามารวิญญาณมืดไม่มีกลอุบายอะไรแล้ว ได้แต่เหม่อมองคนใต้ถาดวัฏจักรหกมรรคย่ำยี
น่าอับอาย น่าอัปยศ!
รู้อย่างนี้แต่แรก ตอนนั้นเขาไม่น่ามาที่โลกมนุษย์นี่เลย!
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มียาสำนึกเสียใจภายหลัง ราชามารวิญญาณมืดเจอกับดาวมฤตยูในชีวิตเขาแล้ว
เสิ่นเทียนใช้มือยันหอคอยเทพสงครามพลางมองเยี่ยฉิงชางข้างกาย ก่อนจะเดินไปเขตใจกลางที่ราบอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็ปรากฏแท่นบวงสรวงยักษ์ตรงหน้าเขา
แท่นบวงสรวงนี่เป็นสีขาวทุกส่วน ด้านบนแกะสลักลายเทพมหามรรคลึกลับ สอดคล้องกับวัฏจักรหกมรรคพอดี
และตรงกลางแท่นบวงสรวงมีแท่นหินหนึ่ง บนแท่นหินมีถาดดินเผาเล็กสีเงินขาวลอยอยู่อันหนึ่ง
ทันทีที่เห็นถาดดินเผาเล็กนี่ พลันมีความรู้สึกกระหายอย่างรุนแรงออกมาจากในตัวเสิ่นเทียน
เยี่ยฉิงชางมองเสิ่นเทียนพลางครุ่นคิด “เหอะๆ อยากได้รึ เจ้านี่น่าจะเป็นถาดวัฏจักรหกมรรคเลียนแบบ ถึงระดับพลังของคนที่หลอมมันขึ้นมาจะอ่อนแอมาก แต่ดีเลวอย่างไรก็ใช้ดินบริสุทธิ์วัฏจักรหลอมขึ้น ก็พอจะมีอานุภาพอยู่บ้าง ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้ได้”
เสิ่นเทียนตาเป็นสมาธิเล็กน้อย “ดินบริสุทธิ์วัฏจักรรึ ดินสูงสุดลำดับสามในรายนามดินดำสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินน่ะหรือ”
ต้องรู้ว่าทุกอย่างในสามอันดับแรกของรายนามสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินล้วนเป็นสมบัติสูงสุดของโลกบำเพ็ญเซียน อย่างเช่นดินบริสุทธิ์วัฏจักร ได้รับขนานนามว่าเป็นดินแห่งต้นกำเนิดหมื่นวิญญาณสวรรค์
เล่าลือว่ามีเพียงแดนแห่งวัฏจักรที่ไม่อาจแตะต้องได้เท่านั้นถึงจะกำเนิดดินชนิดนี้
มันสามารถหวนคืนทุกสิ่งสู่ต้นกำเนิด ย้อนทุกสรรพสิ่งธรรมดาให้กลับสู่จุดที่เป็นต้นกำเนิดที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุดได้ เล่ากันว่าผู้มีดินบริสุทธิ์วัฏจักรจะมองข้ามการโจมตีด้วยคำสาปและพิษทุกชนิดได้ แม้แต่ไฟนรกยังชะล้างได้
กระทั่งเล่าขานมาว่าแม้แต่อาการบาดเจ็บแห่งมหามรรค รากฐานมีข้อบกพร่อง ก็ยังใช้ดินบริสุทธิ์วัฏจักรเติมเต็มอีกครั้งได้
ถึงอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าวัฏจักร ทุกสรรพสิ่งก็จะหวนคืนกลับมาได้ใหม่!
แน่นอน ตำนานนี้อาจจะมีจุดเกินจริงไป
แต่ต้องบอกว่าถาดวัฏจักรหกมรรคที่หลอมจากดินบริสุทธิ์วัฏจักรมีพลังอำนาจสุดยอดจริงๆ
ถึงขนาดผนึกมารระดับเตรียมเซียนได้นานหมื่นปี
ขนาดสาวกลัทธิวิญญาณร้ายมาพบแล้วก็ยังช่วยวิญญาณร้ายนี่ออกมาไม่ได้ ต้องรอวันที่มารสวรรค์พุ่งชนดาวร้ายชิกสัวะในรอบสามพันปี
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในของวิเศษเตรียมเซียน ถาดวัฏจักรหกมรรคก็ยังเป็นหนึ่งในของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด
“อยากได้รึ อยากได้ก็บอกข้า เจ้าไม่บอกแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าอยากได้หรือไม่!”
เยี่ยฉิงชางเห็นเสิ่นเทียนมีแววตาเร่าร้อนก็แสยะปากยิ้มทันที “เจ้านี่ไม่ได้จะกำราบกันง่ายๆ หรอกนะ”
เมื่อเห็นตาแก่ยิ้มลำพองใจหน้าบานแล้ว เสิ่นเทียนถึงกับมุมปากกระตุก
เจ้านี่ ใช่เซียนแท้จริงบรรลุมรรคจากโลกเซียนแน่หรือ
…………………….