บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 237 เมื่อครู่เป็นอาการก่อนสิ้นใจ
บทที่ 237 เมื่อครู่เป็นอาการก่อนสิ้นใจ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่หลั่งทะลักมาจากตัวนักพรตชราแล้ว ประมุขชุดคลุมโลหิตก็อึ้งไป
นี่มันอะไรกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน
เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าบัวมรกตมีกลิ่นอายพลังร่อแร่จะตายแล้วหรือ
เหตุใดข้าเพิ่งทำลายผนึกออกมา พลังของเจ้านี่ก็ฟื้นกลับมาใหม่ล่ะ
หรือว่าจะเป็นอาการก่อนสิ้นใจ
อืม จะต้องเป็นอาการก่อนสิ้นใจ คิดจะขู่ให้ข้ากลัวแน่นอน!
ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นยิ้ม “เหอะๆ เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้รึ โดนไข่มุกเจ็ดสังหารของข้าโจมตีไปสองครั้ง พลังแห่งเจ็ดสังหารทำลายทั่วร่าง จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร”
นักพรตชราตบกระบองในมือพลางเดินเข้าไปหาประมุขชุดคลุมโลหิตช้าๆ “ข้าเป็นอะไรหรือไม่ไม่สำคัญ เจ้าหาเรื่องใส่ตัวแล้ว”
“เจ็ดสังหารสิ้น!”
ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย ก่อนจะเรียกไอทวนไร้ที่สิ้นสุดออกมา
นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ช้าเกินไป!”
เพิ่งพูดจบ ทั้งตัวเขากลายเป็นเศษเงาหายไปจากที่เดิม ในฟ้าดินไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายพลังเขาได้อีก ราวกับว่าตอนนี้นักพรตชราหายไปจากโลกนี้แล้ว
“เจ้ามารร้าย กินกระบองของข้า!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นข้างหลังประมุขชุดคลุมโลหิต ก่อนปรากฏร่างนักพรตชราขึ้นอีกครั้ง
กระบองยาวสีทองในมือร่ายรำออกมาเป็นเงากระบองนับไม่ถ้วน ก่อนจะฟาดใส่ทั้งตัวประมุขชุดคลุมโลหิต
ปัง~!
ปังๆๆ~!
ปังๆๆๆ~!
ทุกกระบองควงใส่ทวนยาวสีโลหิตในมือประมุขชุดคลุมโลหิตอย่างแรง
ประมุขชุดคลุมโลหิตรู้สึกเหมือนถูกกระทิงโบราณตัวหนึ่งพุ่งชน ง่ามนิ้วแตกโลหิตสาดกระจาย
นี่…คืออาการก่อนสิ้นใจจริงๆ รึ
แต่อาการก่อนสิ้นใจนี่มันเกินไปกระมัง! มีใครมีอาการก่อนสิ้นใจโหดขนาดนี้บ้าง
ภายในใจประมุขชุดคลุมโลหิตเริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง เขารู้สึกว่าตนเหมือนจะทำการตัดสินใจผิดพลาด
“ดูกระบองฟาดสุนัขเทพสวรรค์ของข้า!”
นักพรตชราตะโกนเสียงดัง กระบองเทพสีทองในมือรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ทำลายการป้องกันวิชาทวนของประมุขชุดคลุมโลหิตทันที
พริบตาเดียวก็ให้เงากระบองที่แม้แต่สายตายังมองไม่ทันกระหน่ำใส่ตัวประมุขชุดคลุมโลหิต
ทุกกระบองฉีกมวลอากาศ กำลังของทุกกระบองน่ากลัวถึงขีดสุด
ทุกกระบองฟาดจนประมุขชุดคลุมโลหิตสงสัยในชีวิต
เขาพบเรื่องที่น่าจำใจคือตนต้านกระบองของนักพรตชราไม่ได้เลย แตกพ่ายย่อยยับภายใต้การฟาดกระบองของนักพรตชรา
ประมุขชุดคลุมโลหิตกระอักเลือดออกมา “เจ้าสารเลว ข้าคือผู้อริยะ! เจ้ากลับ…”
เพิ่งเอ่ยจบก็พบว่ากระบองเทพทองอันนั้นมาพร้อมกับแสงสีทองเข้มข้น กระแทกใส่หน้าประมุขชุดคลุมโลหิตจนเขากระเด็นไป
“ผู้อริยะหรือ เหอะๆ เป็นผู้อริยะที่อ่อนแอนัก!”
นักพรตชราตั้งกระบองตรง แล้วกระแทกประมุขชุดคลุมโลหิตฟันร่วงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ร่ายรำกระบองยาวในมือออกมาอีกนับไม่ถ้วน ฟาดจนประมุขชุดคลุมโลหิตไม่มีแรงสวนกลับเลย
“สมกับเป็นศิษย์พี่ฉู่เหอ ห่างหายมานานหลายปีก็ยังแข็งแกร่งเช่นนี้ ตันอู่จะต้องพยายามตามศิษย์พี่ให้ทัน”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่มองนักพรตชราด้วยความหลงใหล ก่อนจะใช้กระจกฐานหยกทำการบันทึกภาพไว้
โอกาสดีที่จะได้เห็นนักพรตชราต่อสู้อย่างองอาจห้าวหาญเช่นนี้ไม่ได้หาดูง่ายๆ เลย
“ใช้ศาสตร์หลอมกายเทพมารระดับผ่านเทวะจัดการผู้อริยะศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองได้ ศิษย์พี่ซ่อนพลังไว้หยั่งลึกจริงๆ”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวทำเสียงจิ๊ๆ ศักยภาพที่นักพรตชราแสดงออกมาในตอนนี้ ขนาดศิษย์น้องหญิงอย่างนางยังไม่รู้เลย
แต่พวกนางก็ไม่ได้ตกใจมาก เพราะนักพรตชราก็ไม่ใช่เคยข้ามขั้นไปสังหารผู้อริยะเป็นครั้งแรก
“บัดซบ! ฉู่หรงเหอ ข้าจะจำความอัปยศในวันนี้เอาไว้ ภายภาคหน้าข้าฝึกบำเพ็ญสำเร็จเมื่อไรจะต้องมาล้างแค้นความอัปยศในวันนี้กับเจ้าอย่างแน่นอน”
นัยน์ตาประมุขชุดคลุมโลหิตฉายประกายโมโหและอับอาย ก่อนจะปาไข่มุกโลหิตในมือใส่นักพรตชรา แสงสีโลหิตสว่างมากขึ้น
ขณะเดียวกับที่แสงสีโลหิตสว่างขึ้น เปลือกนอกไข่มุกก็เกิดรอยร้าวขึ้นตาม เหมือนจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ ได้ตลอดเวลา
ใช่ ตอนนี้ประมุขชุดคลุมโลหิตระเบิดอาวุธอริยะก้นหีบของตนแล้ว
ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฉู่หรงเหอที่พลังบำเพ็ญต่ำกว่าผู้อริยะ เขากลับถูกบีบให้ระเบิดอาวุธวิเศษหลบหนี
สำหรับผู้อริยะทุกคนแล้ว ยากจะรับความอัปยศเช่นนี้ได้
ประมุขชุดคลุมโลหิตก็สมกับเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ เขารับความอับอายและโมโหตรงนี้ได้
มีเพียงแค่หนีรอดไปได้ถึงจะมีโอกาสพลิกกลับมาชนะ
บึ้ม~!
ไข่มุกโลหิตขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลายเป็นพลังงานกลุ่มหนึ่งถาโถมเข้ามา
นักพรตชราที่สู้กับประมุขชุดคลุมโลหิตย่อมอยู่ตรงใจกลางการระเบิดไข่มุกโลหิต ถูกพลังนั้นถาโถมเข้ามาหุ้มไว้ตรงกลาง
“แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ข้าจะกลับมาแน่!”
ประมุขชุดคลุมโลหิตระเบิดไข่มุกเจ็ดสังหารตรึงนักพรตชราไว้ ส่วนเขาทำปากเก่งแล้วก็หมุนตัวกลับพุ่งไปยังสนามรบบรรพกาล
แม้ในสนามรบบรรพกาล ระดับพลังของผู้ฝึกบำเพ็ญจะถูกจำกัดไว้ที่ระดับสร้างฐาน การเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายในสนามรบจะอันตรายมาก แต่ด้วยความเข้าใจต่อวิชาของผู้อริยะประมุขชุดคลุมโลหิต แม้จะใช้พลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานก็ยังมีความมั่นใจไม่น้อยว่าจะรอดบนสนามรบได้
เทียบกันแล้ว นักพรตชราอันตรายยิ่งกว่า
หากไม่หนีเข้าสนามรบ เกรงว่าการโดนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไล่ล่าคงจะอนาถยิ่งกว่า
ขอแค่เข้าไปในสนามรบบรรพกาลสำเร็จ อาศัยวิญญาณมรณะแข็งแกร่งจำนวนมากในนั้น ก็จะพ้นจากนักพรตชราไปได้ไม่ยาก
……..
เมื่อเห็นประมุขชุดคลุมโลหิตระเบิดไข่มุกเจ็ดสังหารและจะฝ่าวงล้อมเข้าไปในสนามรบบรรพกาลนั้น นักพรตชรากลับขวางเอาไว้ไม่ได้
หลังจากนักพรตชราต้านคลื่นแรงระเบิดของไข่มุกเจ็ดสังหารไว้แล้ว ชุดเซียนยันต์แปดทิศของเขาก็แทบจะขาดเป็นชิ้นๆ
ใบหน้าเขาขาวซีดอีกครั้ง ก่อนจะร่วงลงมาจากบนฟ้า “บัดซบ ระเบิดไข่มุกเจ็ดสังหารเทียบเท่าอาวุธอริยะทิ้งอย่างไม่เสียดายเลย!”
นักพรตชราเห็นประมุขชุดคลุมโลหิตจะเข้าไปในสนามรบแล้ว “น่าแค้นใจนัก ข้าใช้พลังปราณเดิมเสี้ยวสุดท้ายหมดแล้ว สุดท้ายก็ยังให้มารร้ายนี่หนีไปได้”
เขาพูดพลางหมุนตัวมามองเสิ่นเทียน ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ “เทียนเอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานจริงๆ แล้ว เจ้าว่าเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ เจ้าได้ตรึกตรองเรื่องที่เจ้าจะคารวะข้าเป็นอาจารย์ก่อนตายรึยัง”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักพรตชราที่เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่อ่อนแอลงอย่างรวดเร็วจากตัวเขาแล้ว ประมุขชุดคลุมโลหิตที่กำลังพุ่งไปยังสนามรบบรรพกาลหยุดชะงัก ก่อนจะหนีต่อไปอย่างไม่ลังเลเลย
ไอ้ระยำ!
โดนตาแก่นี่หลอกหนหนึ่งก็พอแล้ว ยังจะใช้ไม้เดิมหลอกเป็นครั้งที่สองอีก คิดว่าลัทธิชั่วร้ายไม่มีสมองจริงๆ หรือ
แม้แต่ประมุขชุดคลุมโลหิตยังไม่เชื่อนักพรตชราอีก เสิ่นเทียนจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนโง่
เสิ่นเทียนปาดเหงื่อแล้วมองนักพรตชรา “ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าอยู่ได้อีกไม่นานไม่ใช่รึ”
นักพรตชราหน้าแดงเล็กน้อย “แค่กๆ เมื่อครู่เป็นอาการก่อนจะสิ้นใจ ครั้งนี้โดนอาวุธอริยะของมารร้ายนี่ระเบิดใส่บาดเจ็บสาหัส ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานจริงๆ”
มีเสียงหัวเราะแก่ชราชั่วร้ายอย่างยิ่งดังขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน
เสียงหัวเราะนี้ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนถูกหยาบคายใส่
ใบหน้าเขามืดลงทันที “อาจารย์ลุงวางใจเถอะ ท่านบาดเจ็บสาหัสเพราะช่วยข้า หากท่านเป็นอะไรไป เทียนเอ๋อร์จะฝังท่านอย่างดี ทุกวันปีใหม่ วันที่สิบห้า ขึ้นเก้าค่ำเดือนเก้าและวันเช็งเม้ง ข้าจะมาปัดกวาดสุสานให้ท่านด้วยตัวเอง
ตอนนี้ท่านยังมีอาการก่อนสิ้นใจได้อีกหรือไม่ ถ้าไม่อย่างนั้น เจ้านั่นจะหนีเข้าสนามรบบรรพกาลไปแล้ว”
หลังจากได้ฟังคำพูดไร้คลื่นอารมณ์ของเสิ่นเทียน รอยยิ้มเฝ้ารอคอยบนใบหน้านักพรตชราค่อยๆ แข็งค้าง
เขารู้ว่าหมดหวังกับศิษย์ต้นเขย่าเงินนี่แล้ว
เสวี่ยซา ไฉนเจ้าต้องรนหาที่ตาย
เพราะเหตุใดกัน!
……………………..