บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 248 มารดาของสหาย
บทที่ 248 มารดาของสหาย
โฮก~!
พยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดที่แผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งพุ่งกระโจนเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ
เมื่อพยัคฆ์ขาวพวกนั้นกระโจนเข้ามา มวลอากาศก็แตกกระจายออก
พลังเฉียบคมทำให้เหล่าศิษย์เทพสวรรค์รอบนอกร้อยลี้เกิดความหนาวสั่นไปทั่วร่าง
ศักยภาพของอัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองพวกนี้ถึงจุดสูงสุด หากไม่ใช่อัจฉริยะสุดยอดที่แท้จริง แม้แต่เข้าใกล้ก็ยังไม่มีสิทธิ์
จางอวิ๋นซี ฟางฉางและจางอวิ๋นถิงกำลังถอยไปช้าๆ จากนั้นไปนั่งขัดสมาธิห่างจากผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำไปราวร้อยลี้
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำสำแดงวิชาอัสนีปะทะกับพยัคฆ์ขาวพวกนั้น จู่โจมสายฟ้ามากมายแตกกระจาย
อัสนีเทพธาตุทองบริสุทธิ์ที่สุดพวกนั้นกระจายมาให้สามคนดูดซับหลอมรวมอย่างฉับไว
ส่วนเสิ่นเทียน ตอนนี้กลับไม่ได้ถอยตามพวกเขาไป
เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรบนตัวเขาเปล่งแสงสว่างจ้า ทำให้ดูองอาจห้าวหาญยิ่งกว่าเดิมภายใต้แสงสะท้อนของประกายสายฟ้า
ขณะเดียวกัน อัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดที่กระจัดกระจายพวกนั้นยังถูกเสิ่นเทียนดูดเข้าไปในตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไหลเวียนไปทั่วทั้งตัว
เสิ่นเทียนรู้สึกว่าแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าตรงระหว่างคิ้วตนกำลังแข็งแกร่งขึ้นจากการดูดซับเคราะห์ภัยอัสนีไม่หยุด
ต้องนับถือจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ เป็นอัจฉริยะยอดเยี่ยมแห่งยุคจริงๆ
ไม่อยากเชื่อว่าจะสร้างวิชาลับนี้ออกมาเพื่อดูดพลังงานของเคราะห์ภัยอัสนี
นี่เหมือนกับลูกนอกสมรสของเคราะห์สวรรค์!
…….
เสิ่นเทียนรู้สึกว่ากายเนื้อตนกำลังผลัดเปลี่ยนไปช้าๆ ภายใต้การขัดเกลาของสายฟ้าเรื่อยๆ
พลังงานสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินห้าชนิดในกายเขากำลังบ่มเพาะกายเนื้อซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุด
ส่วนฐานรากมรรคผนึกห้าอัสนีตรงตันเถียนก็ดูดซับพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ในขั้นตอนนี้เช่นกัน มีแนวโน้มไปทางสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้เสิ่นเทียนมีความมั่นใจว่าจะเดินก้าวที่สำคัญนั้น ทะลวงไปสู่ระดับแก่นพลังทองได้ทุกเมื่อ
แต่เขาไม่ได้เลือกทะลวงพลังในตอนนี้ เพราะเขารู้สึกว่าฐานรากมรรคที่ไร้พ่ายจะต้อง…
ก็ได้!
แท้จริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฐานรากมรรคไร้พ่ายเลย หลักๆ เป็นเพราะตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำกำลังฝ่าด่านเคราะห์ นางสิเป็นตัวเอกในวันนี้
เจ้าเป็นศิษย์หลานมาเกาะสายฟ้า จะมาทะลวงพลังอะไรในช่วงเวลาสำคัญ มันก็อาจจะแย่งหน้าคนอื่นเขาเกินไปหน่อย
ทำให้อาจารย์อาบัวทองคำไม่พอใจยังเป็นเรื่องรอง ถ้าเกิดเคราะห์สวรรค์นั่นมาสนใจด้วยล่ะ
แล้วก็มอบความเป็นธรรมจากสวรรค์ให้กับเจ้าเป็นรางวัล นั่นจะไม่รนหาที่ตายหรือ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็อยู่เงียบๆ ดีกว่า
…..
อีกด้านหนึ่ง ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำสู้กับพยัคฆ์ขาวธาตุทองหลายตัวจนบาดเจ็บไม่ใช่เล่นๆ เช่นกัน
เกราะนักรบสีเงินของนางเสียหายทุกจุด หากไม่ใช่เพราะมีแสงเทพปกคลุม บางทีอาจจะเผยสัดส่วนข้างในออกมาแล้ว
ถึงเคราะห์สวรรค์สามเก้าจะถึงช่วงท้าย แต่ผู้เดินทางร้อยลี้ครึ่งทางคือเก้าสิบลี้ ช่วงเวลาสุดท้ายมักจะเป็นสิ่งที่ผ่านยากที่สุด
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแทบจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว
‘เฮ้อ ไม่นึกเลยว่าจะต้องใช้น้ำใจของเจ้าหนูนั่น!’
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำถอนหายใจก่อนหยิบขวดเล็กขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ในขวดนั้นบรรจุของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เสิ่นเทียนมอบให้
ตอนนั้นเสิ่นเทียนไหว้วานให้ฉินอวิ๋นตี๋ใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาแลกยอดค่ายกลพิทักษ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ
การแลกเปลี่ยนนี้ย่อมไม่คุ้มค่า แต่เสิ่นเทียนไม่ได้แค่ให้ความสำคัญกับถาดค่ายกลพิทักษ์นี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคืออาจารย์อาบัวทองคำคนนี้
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเป็นคนเซ็กซี่ หยาดเยิ้มหรือชั่วร้าย
แต่เป็นเพราะผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเป็นผู้อาวุโสที่ชำนาญการหลอมสร้างที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทั้งยังรับผิดชอบการผลิตยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยาง
หากผูกมิตรกับผู้อาวุโสที่มีอำนาจแท้จริงเช่นนี้ จะไม่มีข้อเสียใดๆ เลย
ถึงอย่างไรเมื่อชนชั้นสูงของทั้งสำนักเป็นสหายของเจ้าและได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นนั้นเจ้าก็ย่อมเป็นใหญ่อย่างแน่นอน!
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นมารดาของสหายเลย
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำส่งขวดเล็กไปที่ริมฝีปากสีแดงเพลิงของตนช้าๆ ก่อนจะอ้าปากเล็กน้อย
ของเหลวสีขาวเงินพลันไหลไปตามปากขวดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ ไหลผ่านวนเป็นเกลียวตรงปลายลิ้นริมฝีปากแดง
ต้องบอกว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝึกคัมภีร์เสน่ห์ฟ้าใหลหลงถึงระดับสูงสุดจริงๆ
แม้เป็นแค่การดื่มโอสถง่ายๆ ก็ยังมีความน่าหลงใหลหลากหลาย
เมื่อผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำดื่มของเหลวสีขาวลงไป กำลังวังชาอ่อนแรงในตอนแรกก็คึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเลียของเหลวหยดสุดท้ายที่เหลือตรงมุมปากไป ก่อนจะเก็บของเหลวศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ขาวหลายตัวสุดท้ายที่พุ่งเข้ามาหาตน พลังของนางพลันเพิ่มขึ้นทั้งตัว
“ธาตุทองลำดับเจ็ดรึ พยัคฆ์ขาวรึ จงแหลกไปเสีย!”
โฮก~!
พลังของปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาข้างหลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ทั้งตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำรวมกับกระบี่เซียนในมือเป็นหนึ่งเดียว พริบตาเดียวก็กลายเป็นประกายสายฟ้าสีเงินลากผ่าน
ชิ้ง!
หลังจากประกายกระบี่หุบกลับไป ก็ปรากฏร่างของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำขึ้นตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง
ประกายกระบี่เซียนในมือนางอ่อนแสงลง กระทั่งเห็นรอยแตกเล็กน้อย แต่ยังไม่หัก
ส่วนอัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดหลายตัวข้างหลังระเบิดกระจายไปพร้อมกัน กลายเป็นแก่นรากอัสนีเทพกระจัดกระจายไป
เมฆเคราะห์ที่หมุนม้วนบนฟ้าในตอนแรกกำลังสลายไป
ดวงจิตหนึ่งในความลึกลับหายไป ในฟ้าดินเหลือเพียงพลังแห่งอัสนีเทพที่บริสุทธิ์ที่สุด
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำถอนหายใจโล่งอก นางรู้สึกว่าตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับผลัดเปลี่ยนกระดูก ก้าวเข้าสู่เขตแดนใหม่
นี่คือเขตแดนทรงพลังอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นสิ่งที่นางในอดีตไม่อาจจินตนาการได้เลย
ทว่าสำหรับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแล้ว นี่ไม่ได้สำคัญอะไรมาก
นางหยิบกระจกออกมาจากอกเสื้อช้าๆ ส่องตัวเองในกระจกอย่างระมัดระวัง
“หน้าซีดมาก ไหนบอกว่าฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะแล้วจะงามขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่ใช่รึ เหตุใดถึงหน้าซีดเช่นนี้!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำพูดงึมงำกับตัวเอง ก่อนหมุนตัวกลับมาเห็นศิษย์เทพสวรรค์จำนวนมากกำลังมองตน
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ข้าเพิ่งก้าวสู่เขตแดนผู้อริยะ ต้องปิดด่านบำเพ็ญสองสามวันเพื่อตระหนักยอดวิชา
ในสองสามวันนี้ งานทุกอย่างบนยอดเขาบัวทองคำให้ฉินอวิ๋นตี๋รับผิดชอบ หากไม่จำเป็นทุกคนห้ามมารบกวนข้า!”
เมื่อเอ่ยจบแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำก็กลายเป็นแสงสีทองบินหนีไป
……
“สิ้นเปลืองๆ สิ้นเปลืองจริงๆ!”
เสียงของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในตัวเสิ่นเทียนอย่างจนปัญญา “ดวงจิตสวรรค์หายไปแล้ว พลังแห่งอัสนีเทพพวกนี้ก็ไร้เจ้าของ ยัยหนูล้างผลาญนี่กลับไม่ดูดซับ ถ้าเป็นศิษย์พวกนั้นของสำนักข้านะ ข้าจะเฆี่ยนนางให้ตาย!
เทียนเอ๋อร์ เจ้าจำไว้นะว่าอย่าเอาอย่างนางเด็ดขาด การสิ้นเปลืองเป็นสิ่งที่อับอายที่สุด! ในเมื่อนางไม่เอา เช่นนั้นเราก็รับแก่นรากอัสนีเทพพวกนี้ไว้แล้วกัน!”
เมื่อสิ้นเสียง จุดตันเถียนของเสิ่นเทียนพลันเปล่งแสงสีม่วงร้อนแรง
หอคอยเล็กขนาดใหญ่ราวฝ่ามือลอยออกมาจากในกายเสิ่นเทียน เมื่อเจอสายลมก็ขยายใหญ่ขึ้น เพียงไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นหอคอยสูงพันจั้ง
หอคอยยักษ์นี่มีท่วงทำนองแห่งมรรคสีม่วงวนเวียนอยู่ แผ่พลังกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้คนอดเกิดความยำเกรงในใจมิได้
และที่น่าแปลกคือหอคอยนี้ตั้งแต่ฐานถึงยอดมีแต่รอยร้าว ออกเป็นสีแดงคล้ำ
รอยแตกพวกนี้คล้ายกับใยแมงมุมสีโลหิต แค่มองก็ทำให้คนรู้สึกตกใจ อดรู้สึกหวาดกลัวมิได้
เมื่อสายลมพัดหอคอยยักษ์ กระดิ่งตรงชายคาหอคอยก็ส่งเสียงดังแก๊งๆๆ
กลิ่นอายที่เหมือนกับเทพมารต่อสู้ อาวุธกระทบกัน และกลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยเข้ามาทันที
ทันทีที่หอคอยนี้ปรากฏ ก็ดึงดูดความสนใจของศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โดยพลัน
หอคอยเทพสงครามยอดอาวุธสูงสุดมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างเป็นทางการแล้ว!
…………………………………