บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 249 แซ่ฟางก็เป็นโอรสสวรรค์เช่นกัน~
บทที่ 249 แซ่ฟางก็เป็นโอรสสวรรค์เช่นกัน~!
ตึง~
หอคอยเทพสงครามสูงพันจั้งกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นมวลอากาศในระยะร้อยลี้รอบๆ หอคอยเทพสงครามก็ถูกจับจ้อง
รอยแยกมิติที่เกิดขึ้นจากผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์พลันสมานรวมเสถียรภาพขึ้นทั้งหมด
ตอนนี้หอคอยเทพสงครามตั้งอยู่กลางฟ้าดินอย่างโอหัง พลันกลายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคน ดึงดูดสายตาเข้ามานับไม่ถ้วน
“หอคอยเทพนี่บ้าอำนาจมาก!”
“นะ…นี่คือสมบัติของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รึ”
“แค่ภายนอกกับพลัง เกรงว่าอย่างน้อยสุดต้องเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดกระมัง!”
“อาวุธวิญญาณย่าเจ้าสิ ไร้ความรู้ก็อย่าพูด นี่อย่างน้อยต้องอาวุธอริยะระดับกลาง!”
“ข้าก็เคยเห็นผู้คุมเหมืองแร่ใช้อาวุธอริยะระดับกลางมาก่อนเหมือนกัน เหมือนจะไม่ได้ทรงอานุภาพขนาดนี้ นี่…เกรงว่าคงไม่ใช่อาวุธเซียนกระมัง!”
……..
ตอนแรกผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะก็ดึงดูดความสนใจของศิษย์เทพสวรรค์นับไม่ถ้วนอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรทั้งดินแดนบูรพาก็นับจำนวนผู้อริยะได้ ทุกคนล้วนเป็นบุคคลในตำนาน
ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่ ชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพผู้อริยะฝ่าด่านเคราะห์ด้วยซ้ำ นี่คือเรื่องโม้ที่ดีที่สุดในภายภาคหน้า!
กล่าวได้ว่าตอนนี้ศิษย์ในโลกเล็กเทพสวรรค์แปดเก้าในสิบส่วนต่างออกมาดูผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์ มีเพียงส่วนน้อยที่ปิดด่านบำเพ็ญตาย
หลังจากชมการฝ่าด่านเคราะห์อันสุดยอดและน่าตกใจไปแล้ว หอคอยเทพสงครามก็พลันปรากฏขึ้นและดึงดูดความสนใจทั้งหมดมาทันที
ทุกคนมองหอคอยเทพที่มีกลิ่นอายสีม่วงวนเวียน เห็นมันแผ่พลังแก่กล้า กวาดล้างสายฟ้าเคราะห์สวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดไป
“บ้าน่ะ!”
“หอคอยเก่านี่มาจากที่ใดกัน บ้าอำนาจอะไรเช่นนี้!”
ตอนแรกฟางฉางกำลังดูดซับพลังอย่างมีความสุข รู้สึกลอยล่องจะเป็นเซียน
เดิมทีเขาไม่ยอมฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ เพราะโอรสสวรรค์ก็มีความโอหังของตน
ในมุมมองฟางฉาง เขากับเสิ่นเทียนมีความสัมพันธ์เป็นศัตรูหัวใจแย่งศิษย์น้องหญิงกัน ย่อมไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากเสิ่นเทียนแน่นอน
ในเมื่อเสิ่นเทียนเป็นคนช่วยเอาเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมา เช่นนั้นเขาก็ไม่สนไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ฝึกวิชานี้เด็ดขาด!
แต่ต่อมา ฟางฉางละโมบฝืนทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบล้มเหลว แก่นพลังแตกร้าวทั้งหมด
ศิษย์น้องเสิ่นเทียนมอบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเถากลืนกินเซียนให้รักษาเขาอย่างไม่เห็นแก่ตัว ดังนั้นฟางฉางถึงรอดพ้นจากอันตรายกลับมาหายดี กระทั่งยังพัฒนาขึ้นกว่าเดิม
นับจากนั้นมาฟางฉางก็เลื่อมใสจากใจจริง
เขาไม่ปฏิเสธเสิ่นเทียนอีก เริ่มยอมรับอำนาจและบารมีของบุตรศักดิ์สิทธิ์
ในเมื่อศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ยอมรับพรสวรรค์ของฟางฉาง ให้ข้าฟางฉางฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ เช่นนั้นข้าก็จะพิสูจน์ให้ทั้งดินแดนบูรพาได้เห็นว่าแม้ข้าจะไม่ใช่บุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่อ่อนแอกว่าผู้ใด!
ภายภาคหน้าหากมีศัตรูแข็งแกร่งหมายตาศิษย์น้อง ท้าทายศิษย์น้อง เช่นนั้นก็ผ่านด่านข้าฟางฉางไปให้ได้ก่อน ข้ามตัวข้าฟางฉางไปก่อน!
ดังนั้น ฟางฉางจึงมีความคิดที่จะแข็งแกร่งขึ้นรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อก่อน!
การที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์ในครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสดีในการฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของฟางฉาง
เขารู้สึกว่าจะอาศัยแก่นรากเคราะห์สวรรค์พวกนี้ทำให้ตนเสริมระดับแก่นพลังทองเก้ารอบได้อย่างมั่นคง หล่อหลอมฐานรากได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หากดวงดีก็ยังตระหนักความหมายแท้จริงของเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมในเคราะห์อัสนี รวมเป็นกายวิญญาณกำเนิดฟ้าห้าอัสนีเล็กก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ทว่ากลับปรากฏหอคอยเทพสงครามสีม่วงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วดึงสายฟ้าทั้งหมดโดยรอบไป
ฟางฉางอึ้งไปทันที หอคอยเก่าที่มีรอยแตกทุกส่วนนี่บ้าอำนาจเกินไปแล้วกระมัง!
…….
หอคอยเทพสงครามพลันปรากฏขึ้น ขัดจังหวะของใครหลายคน
รวมถึงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เดิมทีเขาเตรียมจะประกาศสร้างอำนาจบารมีสักระยะแล้วค่อยผลักหอคอยเทพสงครามให้ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์
แต่ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์ก็ดึงดูดศิษย์มาจำนวนมากแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะผลักหอคอยเทพสงครามออกไป
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็แสดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์เดินออกมาจากมิติช้าๆ
ตรงประตูมิติมีสายฟ้าประกายเซียนวนเวียน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ลึกลับซ่อนกายในประกายสายฟ้า ประหนึ่งเทพเจ้าลงมาจากบนฟ้า
เขามองศิษย์ทุกคนพลางเอ่ยเนิบนาบ “วันนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เรามีเรื่องน่ายินดีสองเรื่อง เรื่องแรก ผู้อาวุโสบัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ เป็นผู้อาวุโสระดับผู้อริยะอีกคนของฝ่ายเรา สามารถกำกับดูแลแปดทิศให้ฝ่ายเราได้
ทุกคน ขอให้พวกเราแสดงความยินดีให้ผู้อริยะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เพิ่งเอ่ยจบก็พบว่าศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนยืนตัวตรงพร้อมกัน
ศิษย์ทุกคนมีสีหน้าเคารพและเลื่อมใส ทำสัญญาณมือของลัทธิเต๋าแสดงความยินดี “ขอยินดีกับผู้อริยะ!”
ห้าดินแดนแปดทิศ ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์คือผู้แข็งแกร่งสูงสุดแล้ว
ผู้แข็งแกร่งระดับมหายานที่เหนือขึ้นไปอีก พูดให้ถูกคือจะเปลี่ยนเป็นร่างเซียน ไม่ใช่ของโลกนี้อีก
หากผู้แข็งแกร่งระดับมหายานไม่ลงมือสำแดงวิชาก็ยังอยู่ในโลกนี้ได้อีกสามพันปี หากลงมือ จะถูกบังคับให้ลอยขึ้นทันที
ด้วยเหตุนี้เซียนระดับมหายานจึงไม่อาจลงมือในห้าดินแดนแปดทิศได้ ได้แต่ท่องโลกไปอย่างอิสระ
แน่นอน ระดับมหายานมีกายแห่งเซียน อายุขัยย่อมมากกว่าผู้อริยะไม่ใช่แค่สิบเท่า
สำหรับเซียนแล้ว การต่อสู้แย่งชิงในห้าดินแดนไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ
โลกนี้มีคำแพร่หลายว่า ‘ต่ำกว่าผู้อริยะล้วนเป็นมดปลวก ต่ำกว่าเซียนล้วนคือเมฆลอย!’
การต่อสู้ระหว่างขุมอำนาจห้าดินแดน ความจริงแล้วคือตัวหมากของผู้แข็งแกร่งระดับอริยะประชันกันทุกอย่าง
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีผู้อริยะเพิ่มมาหนึ่งคน นี่เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ ควรค่าให้กับการฉลองครั้งใหญ่จริงๆ
……
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ดูค่อนข้างพอใจกับศิษย์ทุกคน
เขาเอ่ยต่อว่า “เรื่องน่ายินดีที่สองคือศิษย์ฝ่ายเราฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลได้ผลคะแนนยอดเยี่ยม บุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนของฝ่ายเรา ไม่ใช่แค่ได้อันดับหนึ่งในการฝึกฝนสนามรบ แต่ยังได้รับการยอมรับจากหอคอยเทพสงครามอาวุธเทพระดับสูงสุดจากสนามรบบรรพกาล
บุตรศักดิ์สิทธิ์ใจกว้างมอบหอคอยนี้ให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเร็ววันนี้ศิษย์ฝ่ายเราจะได้เข้าไปฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามกันทุกคน แค่เป็นศิษย์ของเราจะได้ส่วนลดสองส่วนในการเข้าหอคอย สมาชิกกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ได้ส่วนลดสามส่วน!
ทุกคน ขอให้เราแสดงความยินดีให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ถ้าบอกว่าการ ‘แสดงความยินดีให้กับผู้อริยะ’ ก่อนหน้านี้ ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนแสดงความยินดีเพื่อเกียรติยศของแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งจริงจังและเคารพ
เช่นนั้นการ ‘แสดงความยินดีให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์’ ตอนนี้ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนต่างแสดงความยินดีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่างแท้จริง ทุกคนคึกคักกันมาก
หอคอยเทพสงคราม!
นั่นคือหอคอยเทพสงคราม!
นั่นคือหนึ่งในสมบัติสูงสุดไม่กี่ชิ้นที่เป็นตำนานที่สุดในดินแดนบูรพา แทบจะไม่มีใครในสำนักระดับชั้นนำไม่รู้ถึงบารมีของหอคอยเทพสงคราม
เล่าลือว่านั่นคือหอคอยที่ตกมาจากโลกเซียน ในหอคอยไม่ใช่แค่มีร่างเงาโอรสสวรรค์จากโลกเซียนมากมาย แต่ยังมีมรดกโลกเซียนมหาศาล
หมื่นปีมานี้ โอรสสวรรค์นับไม่ถ้วนในห้าดินแดนแปดทิศเคยได้โชควาสนาในหอคอยเทพสงครามมาแล้ว นับจากนั้นมาก็มีชีวิตเป็นตำนาน
อย่างไกลก็ฮวงสือเมื่อแปดพันปีก่อน ตอนนี้มีชื่อเสียงไร้พ่ายมานานแล้ว สั่นสะเทือนมาหลายยุคสมัย!
อย่างใกล้ก็จางหลงหยวนเมื่อพันปีก่อน เขาเปลี่ยนแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น
กล่าวได้ว่านี่คือยอดสมบัติที่มากพอจะส่งผลกระทบถึงสถานการณ์ของขุมอำนาจใหญ่ๆ ในห้าดินแดน ประเมินมูลค่าไม่ได้!
หมื่นปีมานี้ โอรสสวรรค์มากมายเดินทางไปฝึกฝนในสนามรบบรรพกาล ก็หวังว่าจะได้รับการยอมรับจากหอคอยเทพสงคราม แต่กลับต้องคว้าน้ำเหลว
จนทุกคนเริ่มยอมรับว่าหอคอยเทพสงครามเป็น ‘โชคลิขิตจากสวรรค์’ ไม่มีใครปราบมันได้
แต่วันนี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ว่าอะไรนะ เขาบอกว่าหอคอยเก่านี่คือหอคอยเทพสงครามรึ
เขาบอกว่าหอคอยเทพสงครามยอมรับบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเรา มาตั้งในแดนศักดิ์สิทธิ์รึ
ภายภาคหน้าศิษย์ฝ่ายเราไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายในสนามรบบรรพกาลอีก แต่จะเข้าไปฝึกในหอคอยเทพสงครามได้ทุกเมื่อหรือ
และที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์ฝ่ายเราได้ส่วนลดเข้าไปฝึกในหอคอยสองส่วน สมาชิกกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ได้ส่วนลดสามส่วน
สวัสดิการเช่นนี้ทำให้ศิษย์ฝ่ายเซียนคนอื่นๆ อิจฉาจนน้ำลายไหล!
เวลานี้ ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนมองเสิ่นเทียนด้วยความบ้าคลั่ง
“ขอแสดงความยินดีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
“ขอแสดงความยินดีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
“ขอแสดงความยินดีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงสั่นสะเทือนฟ้าดิน ดังไปไกลร้อยลี้
หากไม่ใช่เพราะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวนมีสติปัญญาหลักแหลมแต่ไร้คลื่นความรู้สึก หากเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีนิสัยขี้สงสัย เกรงว่าตอนนี้คงตกใจจนเกือบตายไปแล้ว
ถึงอย่างไรชื่อเสียงและบารมีของเสิ่นเทียนก็เพิ่มขึ้นเร็วเกินไป จนแทบจะเหนือกว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเขา
แม้แต่ตัวสำรองบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างฟางฉางกับจางอวิ๋นถิงสองคน ตอนนี้ยังแสดงความยินดีจากใจจริง
โดยเฉพาะฟางฉาง เดิมทีเขายังไม่พอใจที่ซากหอคอยนี่แย่งสายฟ้าเคราะห์สวรรค์เขา แต่เมื่อรู้ว่าหอคอยนี้เป็นของเสิ่นเทียน ความไม่พอใจก็หายไปทันที
สำหรับนักเลงคลั่งร่างกายแข็งแกร่งเช่นฟางฉางแล้ว หอคอยเทพสงครามคือสุดยอดสมบัติที่สมบูรณ์แบบ
ถึงอย่างไร ปกติเขาจะไปหาโอรสสวรรค์ระดับเดียวกันมาประลองด้วยเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร
มีเพียงบุตรพุทธะขู่ตัวที่ประลองกับฟางฉางได้บ่อยครั้ง และเพราะเหตุนี้เองพวกเขาถึงสนิทกันมาก
แต่ฟางฉางกับขู่ตัวสู้กันมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ กำลังรบสูสีกัน ชินกับรูปแบบการต่อสู้ของอีกฝ่ายมากแล้วด้วย พูดได้ว่าแค่อีกฝ่ายกระดกก้นก็รู้ว่าจะใช้วิชาอะไร ไม่มีความแปลกใหม่เลยจริงๆ
ตอนนี้มีหอคอยเทพสงคราม ยังต้องกังวลว่าจะหาการประลองกับโอรสสวรรค์ระดับเดียวกันใหม่ๆ ไม่เจออีกหรือ
ฟางฉางรู้สึกว่าชีวิตหลังจากนี้จะต้องเต็มอิ่มมากแน่นอน
เหอะๆ เดี๋ยวต้องไปลอง ถ้าสนุกจะส่งพลังจิตไปบอกขู่ตัว
เขากำลังคัดพุทธคัมภีร์อยู่พอดี เจ้าหัวโล้นนั้นจะต้องอิจฉามากแน่!
……..
“ภายภาคหน้าหอคอยเทพสงครามจะตั้งอยู่ที่นี่ มีผู้อาวุโสฝ่ายเราเป็นคนดูแล ถ้าทุกคนอยากลองก็เข้าไปฝึกในหอคอยได้เลย กฎเป็นอย่างไรจะมีดวงจิตหอคอยบอกทุกคน”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ประกาศข่าวนิ่งๆ จบแล้วก็มองเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ เจ้ามากับข้า”
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนขยับปีกเทพสีทองข้างหลังมาลงข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
สองคนก้าวเข้าประตูมิติหายไปต่อหน้าทุกคน
ทางด้านศิษย์เทพสวรรค์ที่ตื่นเต้นกันมานาน ตอนนี้แย่งกันหลั่งไหลเข้าไปในหอคอยเทพสงคราม
แน่นอน พวกเขาแค่มาล้อมดูหอคอยเทพสงคราม ไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าไปในนั้น ถึงอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ
“อวิ๋นตี๋เคยเข้าไปฝึกในหอคอยแล้ว ทุกคนไม่ต้องกังวล การฝึกในหอคอยนี้ปลอดภัยมาก”
ฉินอวิ๋นตี๋หัวเราะคิกคัก ก่อนจะเล่าประสบการณ์การฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามของตนให้ทุกคนฟัง
พวกซ่งฟู้กุ้ย จ้าวเฮ่า และหลิวไท่อี่ก็เป็นพยานอยู่ด้านข้าง
มิติอิสระหรือ
ศิลาเทพสงครามที่จัดอันดับโอรสสวรรค์ตลอดหมื่นปีหรือ
สามารถประลองกับโอรสสวรรค์โลกเซียน ได้เปิดประสบการณ์บนเวทีประลองเทพสงครามกับเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งต่างๆ หรือ
และยังมีคัมภีร์ลับวิชาต่างๆ มากมายดั่งมหาสมุทรนั่น ในนั้นมีวิชาลับที่หายสาบสูญไปของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ กับเผ่าเทพอีกไม่น้อย?
ทุกอย่างของทุกอย่างมีแรงดึงดูดต่อศิษย์รุ่นเยาว์พวกนี้อย่างมาก
ในที่สุดศิษย์พี่ใหญ่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็สนใจ
เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์สีแดงอมทอง มือถือหอกมังกรเพลิงร้อนแรง เดินมาหน้าหอคอยเทพสงครามอย่างโอหัง
“ไม่นึกเลยว่าซากหอคอยนี่จะเป็นหอคอยเทพสงครามในตำนาน จะตัดสินหอคอยที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ หอคอยเทพสงคราม เอาแซ่ฟางเข้าไปเถอะ! ข้ามีแก่นพลังทองเก้ารอบ บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์
แซ่ฟางอยากเปิดหูเปิดตาหน่อยว่าอัจฉริยะโลกเซียนที่ว่านี่จะแข็งแกร่งสักเท่าไร! จะต้านหอกมังกรเพลิงในมือแซ่ฟางได้หรือไม่!”
……………………..