บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 271 อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว
บทที่ 271 อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว!
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เสิ่นเทียนขนลุกในใจเล็กน้อย
แม้จะเคยเห็นภาพนี้ในภาพโชคลิขิตของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมาแล้ว
แต่ภาพสองดีกับสามดีให้ความรู้สึกต่างกัน ภาพสามดีกับภาพวีอาก็ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้อยู่ในเขตแดนพิลึกแห่งนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เหมือนถูกจับตามองอยู่
เสิ่นเทียนกำป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในมือเงียบๆ มั่นใจว่าพร้อมปล่อยพลังของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องทุกเมื่อ
ขณะเดียวกันพลังเถากลืนกินเซียนในตัวเขายังอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
หากเจออันตรายที่รับมือไม่ไหวก็จะซ้อนการป้องกันทันที จากนั้นค่อยมุดดินไปยังส่วนลึกคอยควบคุมทางไกล
อย่าถามว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงบัวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะทำอย่างไร
พวกนางเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสุดยอด ร่วมมือกันต้านผู้อริยะได้ครู่หนึ่ง
ถ้าเสิ่นเทียนอยู่ข้างกายมีแต่จะมัดมือมัดเท้าพวกนาง กลัวว่าจะทำให้ตนโดนลูกหลงเข้า บางทีอาจจะโดนอีกฝ่ายเพ่งเป้าหมายมาจับตัวและใช้ข่มขู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ก็เป็นได้
มิสู้หนีไปรอกำลังเสริม เหลือเขาเขียวชอุ่มไว้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีฟืนใช้จะดีกว่า
แค่กๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เด็ดขาด!
นี่เป็นเพียงทางเลือกที่ถ้าหากเกิดเหตุขึ้น ตามหลักแล้วไม่น่าจะดวงซวยขนาดนั้น
ถึงอย่างไรหลังจากได้รับโชคลิขิตจากคนพวกนี้มา ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะเสิ่นเทียนก็เป็นสีแดงเข้มแล้ว เหลือจุดสีเขียวเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนนี้เสิ่นเทียนก็ถือว่าเป็นบุตรแห่งโชคฉบับหยาบๆ แล้ว ยามเสี่ยงอันตรายก็ยังมีความมั่นใจอันน้อยนิดอยู่บ้าง
สามคนเลียบถนนดินเลนยมโลกสายเล็กนี้มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกเรื่อยๆ
ตอนนี้เองไข่มุกในอกเสื้อเสิ่นเทียนสั่นไหวขึ้นมา
เสียงของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นในความคิดเขา เหมือนจะดีใจมาก “นายท่าน มีพลังหยินบริสุทธิ์มาก!”
“หืม นี่คือที่ใด นะ…นี่หรือว่าจะเป็นทางยมโลก ดอกไม้ฟากฝั่งในตำนาน ฮือๆ หรือว่านายท่านตายไปแล้ว”
เสิ่นเทียนงุนงง
เหตุใดภูตสาวซื่อบื้อนี่ถึงพูดเช่นนี้
ไม่ฝึกบำเพ็ญอยู่ในลูกประคำเฉยๆ จะออกมาด่าข้าเพื่อ?
เสิ่นเทียนหยิบไข่มุกเก้าโอรถออกมาจากอกเสื้อก่อนจะวนแรงๆ “ข้ายังไม่ตาย ที่นี่คือเขตแดนพิเศษที่ลัทธิวิญญาณร้ายวางค่ายกลไว้ อาจจะใช้เลี้ยงภูตผี เลยมีพลังหยินสูงมาก”
ลัทธิวิญญาณร้ายหรือ
เมื่อได้ฟังคำนี้ จิ่วเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสีไป
ครอบครัวนางตายด้วยน้ำมือลัทธิชั่วร้าย มีความแค้นดั่งมหาสมุทรกับกลุ่มอำนาจนี้
ยามนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่คือฐานใหญ่ของลัทธิวิญญาณร้ายก็หน้าแดงโมโหขึ้นมา แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะถูกวนด้วย
“เจ้าวางใจเถอะ ลัทธิวิญญาณร้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ร่วมกันไม่ได้อยู่แล้ว ข้าจะล้างแค้นแทนเจ้าเอง”
เสิ่นเทียนวนลูกประคำเก้าโอรสไปพลางเดินไปพลาง
ด้วยการปลอบใจจากเสิ่นเทียน ทำให้แรงอาฆาตจากตัวจิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ สงบลงและสลายไป
แต่กลับมีเสียงของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดของเสิ่นเทียน “โอ้ว เจ้าเด็กโง่ยังเลี้ยงผีอีก เพลินเลยทีเดียวนะ!”
เสิ่นเทียน “เยี่ยเหล่าเข้าใจผิดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าช่วยนางไว้…”
เยี่ยฉิงชางพูด “ไม่ต้องอธิบายหรอก เข้าใจๆ ตอนหนุ่มใครบ้างไม่เคยทำสิ่งไม่ถูกต้อง แค่เลี้ยงปีศาจสาวเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีคนรักเป็นภูตผีเท่านั้นเอง!
ปู่บุญธรรมเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ เหอะๆ คนรักเจ้านี่ใช้ได้เลย มีสายตาใช้ได้! เดี๋ยวข้าจะหาทางมอบโชควาสนาของขวัญพบหน้ากันให้กับคนรักของเจ้า”
เมื่อเห็นตาแก่นี่พูดเองเออเอง เสิ่นเทียนก็จนปัญญาขึ้นมา
โลกเซียนเขาเล่นกันแบบนี้หรือ ยังมีคนเลี้ยงหญิงปีศาจเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีภูตผีเป็นคนรักกันหรือ
นี่ช่างน่าโมโห(อิจฉา)จริงๆ!
………
เสิ่นเทียนตามหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในใจ
ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร สามคนก็มาอยู่หน้าแท่นบวงสรวงยักษ์แห่งหนึ่ง แท่นบวงสรวงนี้เป็นสีแดงทุกส่วน สูงราวสิบจั้ง ด้านบนมีขั้นบันไดเก้าสิบเก้าขั้น ทุกขั้นมีไฟแรงกรรมลุกโชติช่วง
ไฟแรงกรรมชนิดนี้พุ่งขึ้นมาจากดิน ก่อตัวขึ้นจากเขตแดนภูมิประเทศพิเศษ มีพลังเหนี่ยวนำความคิดชั่วร้าย ความโกรธและแรงกรรมของคน
เมื่อเข้าใกล้แท่นบวงสรวงนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามีความโกรธ ฉุนเฉียว และกระหายการเข่นฆ่าเกิดขึ้นในใจ ดีที่เสิ่นเทียนมีจิตใจดั่งเหล็ก มั่นคงแข็งแรง ประกอบกับถาดวัฏจักรหกมรรคช่วยด้วยนิดหน่อย ถึงได้กดอารมณ์ด้านลบนั่นลงไปได้
“พลังแห่งไฟกรรมรุนแรงมาก” ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ตาเปล่งแสงสีทอง “ปรมาจารย์เขตแดนคนนี้ใช้พลังแห่งเขตแดนสร้างไฟกรรมนรกขึ้นมา หล่อหลอมเป็นแท่นบวงสรวงไฟกรรม
มีแท่นบวงสรวงนี้อยู่ ลัทธิวิญญาณร้ายจะสร้างผีชั่วร้ายได้ประสิทธิผลเพิ่มเป็นสิบเท่าขึ้นไป! ขณะเดียวกัน คนอื่นจากข้างนอกจะข้ามผ่านแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้ยากมาก ยังเดินหน้าต่อได้ยากยิ่งด้วย!”
ชิ้ง~
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ผ่าแท่นบวงสรวงนี่เสีย!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เพิ่งพูดจบ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงก็เรียกดาบใหญ่ขึ้นมาในมือ ปราณดาบที่รวมกันถึงจุดสูงสุดสี่สิบเมตรแผ่ออกมา ก่อนจะฟันใส่แท่นบวงสรวง
บึ้ม!
คลื่นแรงระเบิดมหาศาลโหมกระหน่ำ
ปราณดาบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงฟันใส่แท่นบวงสรวงอย่างแรง ผ่าแท่นบวงสรวงเป็นสองส่วน ทว่าเมื่อปราณดาบของนางหายไป แท่นบวงสรวงที่เดิมทีถูกผ่าเป็นสองส่วนและถล่มลงก็กลับคืนสภาพขึ้นมาอีกครั้ง
มันตั้งขวางทางยมโลกเส้นนี้ ปิดผนึกมิติบนล่างสี่ทิศอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน ราวกับว่าไม่เคยถูกโจมตีมาก่อน!
“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง เจ้าบุ่มบ่ามไปแล้ว!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่พูดด้วยความจำใจ “แท่นบวงสรวงไฟกรรมนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษสมบัติวิญญาณอะไร แต่รวมขึ้นมาจากแดนปรโลกทั้งหมด เว้นแต่จะทำลายทั้งเขตแดนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีการปกติใดๆ ก็ไม่อาจทำลายแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “มันก็ไม่แน่ ก็แค่ไฟกรรมนรกเล็กจ้อยไม่ใช่รึ!”
นางเหมือนนึกอะไรได้จึงประสานมุทรา ดอกบัวสีแดงระดับเจ็ดดอกหนึ่งลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว ก่อนจะตกลงบนแท่นบวงสรวงไฟกรรมอย่างมั่นคง
เมื่อดอกบัวปรากฏขึ้น ไฟกรรมบนแท่นบวงสรวงก็ถูกบัวแดงนั้นสูบเข้ามาทีละนิด ส่วนบัวแดงหลังจากสูบกินไฟกรรมพวกนี้แล้วก็เหมือนกับได้พลังงาน เปล่งแสงสีสันสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม
กลีบดอกคึกคักราวกับเปลวไฟ ทั้งแปลกและชั่วร้าย ทว่าสวยงาม
เมื่อเห็นบัวแดงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เผยแววตาชื่นชม
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เกือบลืมไปเลย ตอนนั้นศิษย์พี่ฉู่เหอก็เคยพาเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องไปผจญภัย เจอกับสระบัวแห่งหนึ่งบนเกาะเซียนนอกทะเล ในนั้นมีบัวเซียนสีสันต่างๆ หลายดอก
ศิษย์พี่หญิงบัวแดงเลือกดอกบัวแดงไฟกรรม ซึ่งชนะทางไฟกรรมชนิดนี้ สามารถดูดซับพลังไฟกรรมนรกเพิ่มความเร็วในการเติบโตได้ ดังนั้นถ้าดูดซับไฟกรรมพวกนี้ไป อย่างน้อยก็ทำให้แท่นบวงสรวงไฟกรรมเสียพลังงานสะสมไปพันปี!”
…….
ทุกสรรพสิ่งจากธรรมชาติ หนึ่งชิ้นสยบหนึ่งชิ้น
ไฟกรรมนรกไม่ใช่ของดีอะไรสำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในโลก
ทว่าสำหรับบัวแดงไฟกรรมแล้วกลับเป็นสารอาหารที่ดีที่สุด ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงรู้สึกได้ว่าบัวแดงไฟกรรมกำลังดีใจ
ก็เหมือนกับเด็กน้อยเห็นเค้กที่ตนชอบกิน
ทว่าตอนนี้เอง ร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนขั้นบันไดแท่นบวงสรวงไฟกรรม
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่มองไป พบว่าเป็นเสิ่นเทียนนั่นเอง
“เสิ่นเทียน เจ้าจะทำอะไร! อย่าขึ้นไป!”
“รีบลงมา เดี๋ยวธาตุไฟเข้าแทรก!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สองคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบเอ่ยเตือน
ทว่าเสิ่นเทียนเหมือนไม่ได้ยินคำเตือนของพวกนาง เขาเดินขึ้นบันไดไฟกรรมไปทีละก้าว ปล่อยให้เปลวไฟประหลาดถาโถมเข้ามา
เสียงเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิด “ไม่เลว อย่างนี้แหละ ดูดซับพวกมันให้หมด”
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย พลังคัมภีร์คบเพลิงในกายเริ่มหมุนโคจรอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วเหนือกว่าปกติ
ความรู้สึกโกรธรุนแรงหลั่งทะลักขึ้นมาในใจเสิ่นเทียน ทำให้เขาเกิดความคิดเข่นฆ่าทุกสรรพสัตว์ตรงหน้า ทว่าความคิดนี้มาแล้วก็ถอยไปเร็วยิ่งกว่า
ถาดวัฏจักรหกมรรคในตัวเสิ่นเทียนแค่หมุนโคจรเบาๆ ก็ทำให้ความรู้สึกด้านลบหายไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงพลังงานธาตุไฟที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งถูกกายเนื้อเสิ่นเทียนดูดซับอย่างบ้าคลั่ง
พลังธาตุไฟแบบใหม่หลั่งไหลเข้าไปในหัวใจเสิ่นเทียน มันหลอมรวมกับอัคคีอรุณใต้ แม้จะไม่มีคุณภาพสูงเท่าต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ แต่ก็มีผลมหัศจรรย์อีกอย่าง
เสิ่นเทียนรู้สึกได้รางๆ ว่าอัคคีอรุณใต้เกิดการเปลี่ยนสภาพเล็กน้อย พละกำลังการเต้นของหัวใจตนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน!
…….
เมื่อสัมผัสได้ถึงผลประโยชน์จากไฟกรรมแล้ว เสิ่นเทียนก็เดินขึ้นบันไดไปสูงกว่าเดิม
ทุกครั้งที่ก้าวขึ้นไปสูงขึ้น ไฟกรรมจะเข้มข้นขึ้นกว่าขั้นก่อน ก็ยิ่งรู้สึกสบายมากขึ้น
เสิ่นเทียนรู้สึกว่ากายเนื้อตนกำลังผลัดเปลี่ยน จุดคอขวดที่เดิมทีต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะทะลวงได้ ตอนนี้กลับทะลวงผ่านไปทันที
ทะลวงเยื่อบางนั้นไปแล้ว!
ผิวกายเสิ่นเทียนเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า
กายทองรอบสองพร้อมทะลวงขั้นแล้ว อีกทั้งยังเสริมรากฐานอย่างมั่นคงและรวดเร็ว
สิบขั้น ยี่สิบขั้น สามสิบขั้น…
เจ็ดสิบขั้น แปดสิบขั้น เก้าสิบขั้น…
เร็วมาก เสิ่นเทียนขึ้นไปถึงแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้วนั่งขัดสมาธิลงด้านบน
ถาดวัฏจักรหกมรรคในกายหมุนโคจรเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลืนกินไฟกรรมบนแท่นบวงสรวงอย่างคลุ้มคลั่ง
เดิมทีไฟให้กำเนิดดิน โดยเฉพาะไฟกรรมเจอกับดินบริสุทธิ์วัฏจักร ก็เหมือนหนูเจอกับแมว
เปลวไฟทั้งแท่นบวงสรวงหลั่งไหลเข้าไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน กระทั่งบนแท่นบวงสรวงไฟกรรมยังเกิดรอยร้าวทีละนิด ทั้งยังลุกลามไปอย่างเร็วไว สุดท้าย…
รอยร้าวลุกลามไปทั้งผิวแท่นบวงสรวง เมื่อเชื่อมเข้าด้วยกันก็พังทลายลง
พลังงานทั้งแท่นบวงสรวงไฟกรรมหมดสิ้น กลายเป็นผุยผง
ตึง~!
ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนกำลังตกอยู่ในห้วงความสุขที่หลั่งไหลเข้ามาดั่งคลื่นน้ำ ก็พลันรู้สึกตัวเบาขึ้นมา ทั้งตัวเขาตกจากกลางอากาศสูงสิบกว่าจั้ง ก้นลงถึงพื้นระเบิดเป็นหลุมใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงหายไปเลย!”
เสิ่นเทียนลืมตาด้วยความงงงวย ทำหน้าเหมือนยังสนุกไม่สุด
เอามาอีกหน่อยสิ กินไม่อิ่มจะทำอย่างไร!
เขาสัมผัสได้ถึงเยื่อบางของกายทองรอบสาม ขอแค่เอาไฟกรรมมาขัดเกลาร่างกายอีก เขารู้สึกว่าจะทะลวงผ่านไปได้
หมุนตัวกลับมามองบัวแดงไฟกรรมระดับแปดที่เบ่งบานกลีบดอกมามากกว่าครึ่งพลางแสยะปากยิ้ม “เจ้าดอกไม้แดงน้อย เจ้าแบ่งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
บัวแดงไฟกรรมสั่นไหวอย่างรุนแรง รีบไปหลบหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง ทั้งตัวสั่นงันงก
นี่มันบ้าอะไรกัน เจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ข้ากินไฟกรรมทีละคำ แต่เจ้านี่กินไฟกรรมอย่างกับเอาหัวจุ่มลงไป
ไม่กลัวกินไม่ไหวหรือ ไม่กลัวอาหารไม่ย่อยหรือ ในแท่นบวงสรวงไฟกรรมมีไฟกรรมมากขนาดนั้น ข้ากินไปสองส่วนก็สำลักแล้ว
แต่เจ้านี่กินพลังงานทั้งแท่นบวงสรวงหมด ตอนนี้ยังไม่หนำใจยังกินไม่อิ่มอีก?
แล้วยังจะให้ข้าแบ่งให้เจ้าอีก ข้าไม่ใช่คน แต่เจ้ามันเป็นสุนัขจริงๆ!
………
ขณะเดียวกัน ที่บางแห่งในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง
“เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง กลุ่มผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมาถึงแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้ว”
“ไม่เป็นไร ถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงจะมีบัวแดงไฟกรรมอยู่ แต่ก็ดูดซับไฟกรรมได้สองส่วนเท่านั้น อีกทั้งอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลอมรวมหนึ่งชั่วยาม ถึงตอนนั้น แผนการของข้าก็คงจะสำเร็จไปนานแล้ว”
“แต่ว่าท่านเจ้าผู้คุ้มกฎ ไฟกรรมในแท่นบวงสรวงไฟกรรมหมดไปแล้ว แม้แต่แท่นบวงสรวงยังถล่ม”
“?!”
“มะ…ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อาตมาผนึกสมบัติสุดยอดนั่นไว้ในค่ายกล ใครก็แก้ไม่ได้!”
………
หลังจากดูดซับแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกชัดเจนว่าพลังโลหิตบริสุทธิ์ในกายตนแกร่งขึ้นกว่าเดิม หากบอกว่าอัคคีอรุณใต้เป็นตัวแทนของไฟแห่งหยาง เช่นนั้นไฟกรรมนรกนี่ก็เป็นไฟแห่งหยิน ต่างมีความมหัศจรรย์ของตน
เมื่อหลอมรวมไฟสองชนิดเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่ไม่เกิดการปะทะกันแล้ว แต่ยังเหมือนกับฟืนเจอไฟร้อนแรง หญิงแพศยาพบกันราชามหาสมุทร พลันหลอมรวมเข้าด้วยกันทันที
เปลวไฟที่กำเนิดขึ้นมาใหม่เหมือนจะแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ทางด้านกายทองของเสิ่นเทียน หลังจากดูดซับพลังงานมากพอแล้วก็ยังบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิม
เขารู้สึกว่าห่างจากรอบสามอีกไม่ไกลแล้ว อีกทั้งพลังมหาศาลในกายตนยังเหนือกว่ารอบสามไปไกล
พลังงานที่เขายังไม่ได้ดูดซับพวกนั้นซ่อนอยู่ในตัว ภายภาคหน้าต้องขุดออกมาเงียบๆ และหลอมรวม
“ทำได้ไม่เลว!”
เสียงของเยี่ยฉิงชางดังในความคิดเสิ่นเทียนอย่างปลื้มอกปลื้มใจ “ไปต่อเถอะ! เดี๋ยวของดีนั่นจะมาแล้ว!”
……
เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะตามหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงและผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่
สามคนทิ้งสัญลักษณ์ให้กับผู้ฝึกบำเพ็ญฝ่ายเซียนอื่นๆ ตามทางแล้วก็เดินเลียบเส้นทางยมโลกไปต่อ เดินไปอีกหลายร้อยลี้ ในที่สุดก็มาถึงสุดเส้นทางยมโลก
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือทะเลบุปผาฟากฝั่งไร้พรมแดน ตรงเขตใจกลางสุดของทะเลบุปผานี้เป็นตำหนักสีดำเข้มหลังหนึ่ง
ตำหนักหลังนี้ดูมืดทึมน่ากลัว ประตูใหญ่เป็นสีแดงเข้ม เหมือนกับปากใหญ่โลหิตจะเขมือบทุกคนที่เข้าไป
ด้านหน้าของตำหนักมีศิลาโบราณตั้งอยู่อันหนึ่ง ด้านบนแกะสลักอักษรตัวใหญ่ว่า…ตำหนักปรโลกเล็ก!
“หากข้าเดาไม่ผิด ตำหนักนี้น่าจะเป็นเขตใจกลางของแดนปรโลกแล้ว”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่พูดด้วยแววตาจริงจัง “อย่ามองว่าตำหนักนี่มีขนาดแค่หลายลี้ แต่ในนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของเขตแดนมากมายนับไม่ถ้วน บางทีหลังจากพวกเราเข้าไปแล้วจะพบว่ามิติในนั้นใหญ่กว่าที่พวกเราคิดไว้ มีอันตรายซ่อนอยู่มากกว่าที่เราคิด
คนนี้ชำนาญด้านค่ายกลเขตแดน บรรลุถึงระดับผู้อริยะแล้วอย่างแน่นอน ข้าเทียบไม่ได้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กลัว ‘ผู้อริยะเขตแดน’ คนนี้มาก
นางยอมรับว่าวิชาด้าน ‘ค้นวิญญาณประเมินแร่’ ของตนเทียบกับคนผู้นี้ไม่ได้เลย
“เราทำสัญลักษณ์ตามทางให้พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็รอพวกเขาก่อนแล้วค่อยเข้าไปสำรวจวิหารโบราณ…”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ยังพูดไม่จบก็หยุดไป
เพราะนางพบว่าเสิ่นเทียนที่อยู่ข้างหลังในตอนแรก ตอนนี้เดินหน้าไปแล้ว
ก่อนจะเห็นเขายืนตรงหน้าตำหนักปรโลกเล็ก เริ่มประสานมุทราด้วยสองมือไม่หยุด ส่งประทับลึกลับเข้าไปในชอากาศ
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เพ่งสายตาเล็กน้อย นางมองออกว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังประสานมุทราที่นักชีพจรวิญญาณใช้กันโดยเฉพาะเพื่อควบคุมค่ายกลชีพจรดิน
หรือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนจะใช้วิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ของตนเปิดค่ายกลของตำหนักปรโลก?
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นของผู้อริยะ!
……
และที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือเมื่อมุทราเข้าไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ตำหนักปรโลกเล็กก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นเริ่มกลายเป็นผุยผงจากยอดลงมาถึงข้างล่าง
ใช่ มันถล่มลง~
ตำหนักปรโลกเล็กที่ผู้อริยะเขตแดนใช้ค่ายกลสร้างขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจและยังทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หวาดกลัวอย่างยิ่ง พังลงทั้งๆ อย่างนี้!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำได้อย่างไร ความชำนาญในด้านเขตแดนชีพจรวิญญาณของเขาเทียบเท่ากับผู้อริยะเลยหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร!
พึงรู้ไว้ว่า การพิสูจน์ด้านค่ายกลเขตแดนให้ถึงขั้นผู้อริยะยากยิ่งกว่าการฝึกบำเพ็ญเป็นผู้อริยะเสียอีก
ด้วยอายุของเสิ่นเทียนในตอนนี้จะทำได้อย่างไร!
สารภาพตามตรง ตันอู่สงสัยในชีวิตขึ้นมาบ้างแล้ว
“สำเร็จแล้ว!”
เสิ่นเทียนไม่รู้และไม่สนใจความคิดในใจตันอู่
เขาเผยรอยยิ้ม มีขวดแก้วเล็กสีขาวเงินลอยออกมาจากในตัวเขาช้าๆ ก่อนจะสาดแสงสว่างไปรอบๆ
เมื่อแสงเงินส่องสะท้อน ก็มีแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหมอกดำหนาที่เกิดขึ้นจากเศษฝุ่นของตำหนักปรโลก ทันทีที่ปรากฏแสงสีแดงนี้ ทะเลบุปผาฟากฝั่งที่ไร้พรมแดนนั้นก็ค่อยๆ กดหัวลง
ดอกไม้ที่บานสะพรั่งในตอนแรก ตอนนี้หุบเป็นดอกตูมทั้งหมด
ราวกับกำลังกราบไหว้แสงสีแดงนั้น!
…….
ขณะเดียวกัน บางแห่งในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง
บุรุษที่ทางซ้ายแต่งเป็นนักบวช ทางขวาสวมเกราะเทพอสุรากำลังสวดมนต์อยู่ อักขระประหลาดกำลังลอยวนเวียนรอบตัวเขาพลางเปล่งแสงหม่น แฝงไว้ด้วยความลึกลับและพิเศษ
ทันใดนั้นนักบวชพิลึกกระอักเลือดออกมา อักขระข้างกายระเบิดออกทั้งหมด
“อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว!”
…………………………………