บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 28 เสี่ยวหลิงเซียนผู้ขุ่นเคือง
บทที่ 28 เสี่ยวหลิงเซียนผู้ขุ่นเคือง
“ท่านเซียนอะไร! ในสวนหมื่นวิญญาณมีเสี่ยวหลิงเซียนอยู่ เจ้าหมอนี่ยังกล้าอวดดีอ้างตนว่าเป็นท่านเซียน”
“ข้าว่าเจ้าหมอนี่คิดจะเกาะกระแสเสี่ยวหลิงเซียนดันตัวเองขึ้นมาเสียมากกว่า ไร้ยางอายสิ้นดี”
“ใช่แล้ว ยังจะเรียกพี่เซียนอะไรอีก! ไม่ใช่ว่าจะเป็นหน้าม้าที่ร้านหินวิญญาณหามากระมัง!”
“บอกว่าความสามารถในการค้นวิญญาณประเมินแร่ทั่วหล้าไร้เทียมทาน ใครจะไปรู้ว่าคือการแสดงหรือไม่”
“แม้กระทั่งเสี่ยวหลิงเซียนก็เปิดหินแค่วันละก้อน แต่เจ้าหมอนี่กลับเปิดอย่างต่อเนื่องมากมายเช่นนี้”
“โลภมากไม่รู้จักพอ ข้าว่าเป็นนักต้มตุ๋นเสียมากกว่า!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
……
“ห้ามพวกเจ้าใส่ร้ายพี่เซียน”
“แม่นางเสี่ยวหลิงเซียนเนี่ยนะ จะคู่ควรที่เทียบกับพี่เซียนหรือ”
“พี่เซียนช่วยผู้มีวาสนาเปิดหินโดยไม่เสียดายพลังปราณ และยังไม่บังคับเรียกเก็บผลตอบแทน”
“เขาจิตใจดีเช่นนี้ ทุ่มเทเช่นนี้ พวกเจ้ากล้าดียังไงมาว่าเขา!”
……
เสิ่นเทียนชงักไปสักพัก จากนั้นครุ่นคิด
หมายความว่าผู้ชายเหล่านี้เป็นแฟนคลับของเสี่ยวหลิงเซียน?
เป็นเพราะข้าก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นในสวนหมื่นวิญญาณ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่พอใจ?
มองดูผู้ชายเหล่านี้ที่กำลังตำหนิตนเองด้วยความโกรธเคือง
ในใจของเสิ่นเทียนกลับไม่ได้รู้สึกอะไร
ก็แค่พวกคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ กล่าวหาผู้อื่นอย่างไร้สมองตามมุมมองของตนเอง
บนโลกอินเทอร์เน็ตในภพที่แล้ว เสิ่นเทียนเจอคนประเภทจอมยุทธ์คีย์บอร์ดและแฟนคลับไร้สมองมามากแล้ว
พูดอย่างไม่น่าฟังหน่อย แม้กระทั่งไอดอลที่คนเหล่านี้กำลังติดตาม
ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรู้สึกว่าคนเหล่านี้ไร้สมอง
มันไม่คุ้มค่าที่จะมาโกรธเคืองคนเหล่านี้
……
นึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย เตรียมตัวเดินออกห่างจากที่นี่
อย่างไรเสีย การอยู่ห่างจากพวกคนมีสติปัญญาต่ำเป็นความเคยชินที่ดี
ทว่าแฟนคลับเหล่านั้นเหมือนจะสังเกตเห็นเสิ่นเทียนแล้ว
พวกเขากรูกันเข้ามาหาเสิ่นเทียนทั้งหมด
แต่ละคนกล่าวกับเสิ่นเทียนด้วยความโกรธ “เจ้าก็คือเสิ่นเอ้าเทียนใช่หรือไม่! ได้ยินมาว่าเจ้าอ้างตนว่าเป็นท่านเซียน เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรกับชื่อนี้หรือ”
“ในสวนหมื่นวิญญาณมีเสี่ยวหลิงเซียน ฉายา ‘ท่านเซียน’ ของเจ้านี้จงใจจะเป็นคู่แข่งใช่หรือไม่”
“เสิ่นเอ้าเทียน เจ้าคิดว่าทักษะค้นวิญญาณประเมินแร่ของเจ้ากับเสี่ยวหลิงเซียน ใครเหนือกว่ากัน”
……
เผชิญหน้ากับข้อสงสัยและคำถามของผู้คน เสิ่นเทียนไม่ได้ตอบอะไร
เพราะเขารู้ดีว่าเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ ถึงจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
วิธีการเอาชนะคนโง่เขลาที่ดีที่สุดก็คือเผชิญหน้ากับคนโง่เขลา
หลังจากนั้นมองข้ามคนโง่เขลาไปอย่างสวยงาม
“หลบหน่อย หลบหน่อย พวกเราต้องรีบไปร้านหินวิญญาณร้านต่อไป!”
กุ้ยกงกงและฉินเกาเข้ามาคุ้มกันเสิ่นเทียน ช่วยเขาขวางคนที่พุ่งเข้ามา
ส่วนผู้มีวาสนาทั้งยี่สิบคนก็ยืนเรียงตัวเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อเสิ่นเทียน
อย่างไรก็ดี พวกเขายังหวังท่านเซียนพาพวกเขาไปสู่ความมั่งคั่ง!
ในตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝูงชนอย่างกะทันหัน
“เสี่ยวหลิงเซียนมาแล้ว!”
“ว้าว ในที่สุดเสี่ยวหลิงเซียนของข้าก็มาแล้ว ดูเหมือนวันนี้แต่งตัวสวยยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก!”
“เสี่ยวหลิงเซียน ที่นี่มีคนอ้างตัวว่าเป็นท่านเซียนมาเอาเปรียบเจ้า รีบมาเปิดโปงเขาเร็ว!”
“คนแซ่เสิ่น กล้าแข่งกับเสี่ยวหลิงเซียนหรือไม่ ใครแพ้ไสหัวออกจากสวนหมื่นวิญญาณ!”
“ใช่ ไสหัวออกจากสวนหมื่นวิญญาณ!”
……
ฝูงชนถอยแยกเปิดทาง เสี่ยวหลิงเซียนในชุดกระโปรงยาวเดินเข้ามา
นางโดดเด่นแตกต่างจากคนธรรมดา เยื้องกรายเข้ามาราวกับเทพธิดา ยังมีเสน่ห์งดงามล้มชาติล้มเมืองเฉกเช่นครั้งแรกที่เจอนางเมื่อวาน
แต่ทว่า มองเสี่ยวหลิงเซียนในตอนนี้ จิตใจของเสิ่นเทียนนิ่งสงบ
เหตุผลง่ายมาก เพราะเขารู้ตื้นลึกหนาบางของเสี่ยวหลิงเซียนหมดแล้ว
แม่นางผู้นี้ไม่ใช่เทพธิดาที่เชี่ยวชาญทักษะวิญญาณอะไรทั้งสิ้น
แต่เป็นหน้าม้าขายแร่ตัวจริงเสียงจริงที่ปลอมยิ่งกว่าเสิ่นเทียนเสียอีก!
ใครจะเป็นคนเปิดโปงใครกันแน่!
……
เสี่ยวหลิงเซียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียนอย่างเชื่องช้าทีละก้าว
นางจ้องเสิ่นเทียน ในแววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ใช่แล้ว เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เพราะนางจำเสิ่นเทียนได้!
เปลี่ยนชุดนักพรต ติดหนวดสองเส้น ไม่สามารถบดบังรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเสิ่นเทียนได้หมด
“เป็นเจ้าเอง?”
เสี่ยวหลิงเซียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถาม
เสิ่นเทียนอึ้งเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าข้าอุตส่าห์เปลี่ยนโฉมแล้ว แต่เจ้ากลับจำข้าได้
หรือว่านี่คือสัญชาตญาณของผู้หญิง?
ครุ่นคิดสักพัก เสิ่นเทียนก็ไม่ได้ยอมรับ ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “ข้าเอง พบกันอีกแล้ว”
สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่ได้รู้สึกต่อต้านเสี่ยวหลิงเซียน
อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นผู้หญิงไร้ที่พึ่ง การใช้ชีวิตอยู่ในโลกบำเพ็ญเซียนไม่ใช่เรื่องง่าย
เป็นหน้าม้าไอดอลขายแร่ ที่สามารถปฏิเสธที่จะทำตามความคิดไร้ยางอายของเถ้าแก่ที่ไร้มโนธรรมได้ เช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องยากมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ที่เสิ่นเทียนมีธุรกิจบริหารผู้มีวาสนาในปัจจุบัน ก็ยืมความคิดมาจากเสี่ยวหลิงเซียน
ในฐานะที่เขาก็เป็นคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ แท้จริงแล้วเสิ่นเทียนก็รู้สึกประทับใจในตัวเสี่ยวหลิงเซียนไม่น้อย
แน่นอนว่าปัจจัยด้านรูปลักษณ์ก็มีอิทธิพลมากในเรื่องนี้เช่นกัน
……
เสิ่นเทียนประทับใจในตัวของเสี่ยวหลิงเซียน แต่ความประทับใจที่เสี่ยวหลิงเซียนมีต่อเสิ่นเทียนค่อนข้างแย่
เรื่องที่เสิ่นเทียนกระทืบคุณชายซ่งเมื่อวาน ทำให้เสี่ยวหลิงเซียนตกใจจนหัวใจจะวาย
ถึงแม้ต่อมาเสิ่นเทียนได้สำแดงชื่อเสียงของเสิ่นเอ้าจนสามารถขู่คุณชายซ่งได้อยู่หมัดแล้ว
แต่เสี่ยวหลิงเซียนก็ชดเชยศิลาวิญญาณไปห้าสิบก้อน เพื่อเป็นค่ายาให้ตระกูลซ่ง
อย่างไรก็ดี เมื่อวานหลังจากที่เสิ่นเทียนสวมบท ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ เสร็จก็ไปทันที
ใครจะไปรู้ว่า ‘ข้าปกป้องเจ้า’ เป็นจริงหรือเท็จ
ถ้าหากเจ้าหมอนี่แค่พูดไปเช่นนั้น ไม่ได้จริงจังอะไรเลย
เช่นนั้นไม่เท่ากับว่านางล่วงเกินตระกูลซ่งอย่างสมบูรณ์แล้วหรอกหรือ แล้วต่อไปจะอยู่ในวงการนี้ต่ออย่างไร
เมื่อวานหลังจากกลับบ้าน เสี่ยวหลิงเซียนนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเรื่องนี้
และวันนี้ เสี่ยวหลิงเซียนเพิ่งจะมาถึงสวนหมื่นวิญญาณ ก็ได้ยินแฟนคลับทะเลาะกับคนอื่นแล้ว
ตอนแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาเชิญชวนให้ซื้อสินค้าตามปกติ และเดิมทีเสี่ยวหลิงเซียนก็เตรียมตัวเข้าไปห้ามปรามกลุ่มแฟนคลับที่กำลังทะเลาะกัน
แต่ตอนที่ไปถึงหน้าหอวิญญาณหงส์ นางสังเกตเห็นเสิ่นเทียนที่เหมือนกับนักต้มตุ๋นในชุดนักพรต
ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของเสิ่นเทียน ยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มแฟนคลับหญิงสาว
ทันใดนั้น จิตใจของเสี่ยวหลิงเซียนเดือดพล่านขึ้นมาทันที
……
เจ้าหมอนี่น่ารังเกียจมาก!
เมื่อวานลงมือทำร้ายคุณชายซ่งจนน่าเวทนาเช่นนั้น ทำให้ข้าต้องเสียรายได้ทั้งเดือน!
เห็นแก่ที่ข้าก็อยากกระทืบคุณชายซ่ง ข้าจะไม่ถือสาก็แล้วกัน!
แค่นี้ก็ถือว่าใจกว้างพอแล้วกระมัง!
แต่เจ้าหมอนี่ล่ะ!
เมื่อวานข้าเพิ่งบอกกับเขาว่าข้าจัดการดูแลแฟนคลับเพื่อขายสินค้าอย่างไร
แต่ปรากฏว่าพอวันที่สองเขาก็ไปหาแฟนคลับหญิงมากลุ่มหนึ่ง แล้วก็เริ่มแย่งกิจการของข้า
ขาดจรรยาบรรณในยุทธภพมากเกินไปแล้วกระมัง!
หน้าตาดีแล้วแน่มากหรือ!
……
ถึงเสิ่นเทียนจะร่วมมือกับร้านหินวิญญาณเหล่านี้จริง ช่วยขายสินค้าเพื่อหาศิลาวิญญาณเป็นรายได้เล็กน้อย
อันที่จริงเสี่ยวหลิงเซียนก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรแต่อย่างใด
เพราะเป้าหมายหลักในการขายสินค้าของนางคือกลุ่มผู้ชาย ส่วนเสิ่นเทียนล้วนแต่เป็นแฟนคลับผู้หญิง
ระดับการทับซ้อนกันของทั้งสองคนถือว่าไม่ได้สูงมาก สามารถแบ่งปันร่วมกันได้อย่างสบาย
อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ก็รู้ตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย
ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนถึงขั้นเสียรายได้
ปัญหาคือ เจ้าเสิ่นเทียนหากคิดจะขายสินค้า ช่วยไปที่ร้านหินวิญญาณอื่นได้หรือไม่?
หอวิญญาณหงส์เป็นเพื่อนร่วมงานของข้านะ!
ข้านัดกับเถ้าแก่หอวิญญาณหงส์จะมาแสดงขายสินค้าที่นี่ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว
ตอนนี้เจ้ามาเปิดหินที่นี่ แล้วข้าจะทำอย่างไร!
อย่างนี้มันเป็นการตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นไม่ใช่หรอกหรือ!
นึกถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิงเซียนรู้สึกโมโหจนหน้าแดง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของนางเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งมาก!
“คนแซ่เสิ่น เจ้าสารเลว!”
…………………………………………….