บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 281 เคราะห์สวรรค์คือปีศาจโอหัง (1)
บทที่ 281 เคราะห์สวรรค์คือปีศาจโอหัง (1)
ปรากฏร่างคนขึ้นกลางอากาศ พวกเขาคือผู้อาวุโสของฝ่ายเซียนใหญ่ๆ
เรื่องใหญ่ที่ฉีเซ่าเสวียนท้าสู้กับสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ได้ดึงดูดสายตาของทั้งโลกบำเพ็ญเซียนดินแดนบูรพา
กล่าวได้ว่าเรื่องแพ้ชนะในศึกนี้ถึงขั้นส่งผลถึงบารมีและฐานะของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญมาก
อย่ามองว่าเป็นเพียงรุ่นเยาว์ระดับแก่นพลังทองสู้กัน ความจริงแล้วมีผู้อริยะคอยดูแลและท้าทายกันในเงามืดไม่ใช่แค่คนสองคน
เดิมทีฟางฉางกับจางอวิ๋นซีร่วมมือกันกดดันฉีเซ่าเสวียนก็ทำให้ขุมอำนาจที่ถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยำจำนวนมากสบายอกสบายใจ
ตอนนี้เกิดเคราะห์สวรรค์น่าตกใจขึ้นบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก จึงยิ่งดึงดูดใจคน
มีแต่คนบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนรุ่นนี้มีมหาโชคอยู่ข้างกาย เป็นบุตรแห่งโชคที่ไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียน
กระทั่งคนส่วนใหญ่บอกว่าดวงชะตาและพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน
คำพูดนี้จริงหรือไม่ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สร้างกระแสหรือไม่ เดี๋ยวได้รู้กันแล้ว
…………
เคราะห์สวรรค์บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ยังคงรวมตัวกันเรื่อยๆ
อำนาจสวรรค์รุนแรงทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายบนฟ้าถอยหนี ไม่อยากถูกดึงเข้าไปพัวพัน
ไม่ใช่เพราะอำนาจเคราะห์สวรรค์บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะเจ้าเคราะห์สวรรค์นี่เจ้าคิดเจ้าแค้น
ไม่ว่าระดับพลังแข็งแกร่งเพียงใด หากเจ้าเข้าไปในเคราะห์อัสนีของคนหรือสุดยอดสมบัติอื่น ก็จะถูกเพ่งเป้าแน่นอน
อีกทั้งเคราะห์อัสนียังแข็งแกร่งหรืออ่อนแอตามระดับพลัง ปรับระดับความแกร่งของเคราะห์อัสนีโจมตีใส่เจ้า ให้การบริการอย่างรู้ใจเจ้ามาก
ดังนั้น ยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังสูงมากเท่าไรก็ยิ่งไม่กล้าล่วงเกินเคราะห์สวรรค์
ส่วนคนโหดที่กล้าฟาดแส้ใส่เมฆเคราะห์หรือตบฝ่ามือใส่ อืม…ล้วนอนาถกันมานักต่อนักแล้ว
สายฟ้าดังเปรี๊ยะๆ เริ่มตกลงมาจากชั้นเมฆ กลายเป็นดาบยาวสายฟ้าฟันใส่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์
ปรากฏเสี้ยวร่างสีดำร่างหนึ่งลอยขึ้นบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางสายตาของทุกคน ผิวกายคลุมด้วยเกราะแสงสีดำเมี่ยม ต้านไปทางสายฟ้าพวกนั้น
เปรี้ยง!
เปรี้ยงๆๆ~!
เปรี้ยงๆๆๆๆ~
สายฟ้าฟันใส่วัตถุสีดำนั้นดั่งดาบยาว ประกายแสงสว่างวาบ
ตอนนี้ทุกคนเห็นของสีดำนั้นชัดเจนแล้ว นี่ไม่ใช่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน แต่เป็นไข่สีดำ
มันหมุนช้าๆ กลางอากาศ พลังวิญญาณโดยรอบในระยะพันจั้งเหมือนกลายเป็นน้ำวนใหญ่ หลั่งไหลเข้าไปในไข่สีดำนั้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าไปในไข่นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ลายมังกรบนเปลือกไข่ก็ชัดเจนขึ้น กระทั่งมีเสียงมังกรดังขึ้น
เอ๋าอูใต้สะโพกฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าย่ำแย่ ส่งเสียงครวญครางเบาๆ
“แรงกดดันสูงมาก นะ…นี่คือแรงกดดันจากสายเลือด เป็นไปได้อย่างไร ข้าเป็นมังกรดำระดับแปดแท้ๆ!”
เอ๋าอูที่เดิมทียืนอยู่บนฟ้าตกลงพื้นอย่างแรง อำนาจคุกคามยิ่งใหญ่ถาโถมใส่ตัวเขา กดเขาจนต้องก้มหน้าลง
นี่ไม่ใช่กลอุบายพิเศษอะไร แต่เป็นการกดดันจากส่วนลึกของสายเลือด เป็นการกดดันของเผ่ามังกรระดับสูงต่อเผ่ามังกรระดับล่าง
และเพราะเหตุนี้เอง ภายในใจเอ๋าอูถึงเหลือเชื่อยิ่งกว่า ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมังกรดำระดับแปด
หลายพันปีมานี้ในดินแดนบูรพา เขาคือเผ่ามังกรที่มีพรสวรรค์สูงสุดแล้ว
ต่อให้นับรวมโอรสสวรรค์เผ่ามังกรเกาะมังกรดำทั้งหมดในหมื่นปีมานี้ เขาก็อยู่ในห้าอันดับแรก
อีกทั้งความบริสุทธิ์ของสายเลือดมังกรดำระดับแปดอีกสี่คนก็อาจจะไม่สูงกว่าเขา ไม่มีทางสร้างอำนาจคุกคามให้เขาได้แกร่งขนาดนี้
ถึงเอ๋าอูจะยังเยาว์วัย แต่ก็มีความโอหังของเผ่ามังกร เขาไม่ยอมให้อำนาจมังกรที่ไม่รู้ที่มาที่ไปกดดันเช่นนี้แน่ เขาถึงได้กำลังต่อต้านอยู่
แขนขาและนิ้วเท้าทั้งห้าของเขาฝังลึกลงดิน ร่างมังกรยกขึ้นด้วยความไม่ยอม มองบนฟ้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยความโอหัง
เขาอยากจะเห็นให้ชัดว่าไข่มังกรลึกลับนี่เป็นใครกันแน่ จะต้องเห็นให้ชัด!
“เป็นแค่ไข่มังกรที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ก็คิดจะให้ข้าศิโรราบรึ อย่าหวังเลย กระดูกมังกรข้าเป็นโลหะ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ!”
สามนาทีต่อมา เอ๋าอูหมอบลงไปแล้ว
เฮ้อ ต่อต้านเหนื่อยชะมัดเลย
ในเมื่อรู้สึกถึงอำนาจคุกคามจากส่วนลึกสายเลือดว่าไข่มังกรนี่มีสายเลือดบริสุทธิ์กว่าข้า เช่นนั้นก็น่าจะไม่ผิดแล้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่ามังกรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์กว่าตน การหมอบแสดงความเคารพก็ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้า
อืม ความรู้สึกที่ได้หมอบกับพื้นดูคนใหญ่คนโตฝ่าด่านเคราะห์นี่ก็ดีเหมือนกัน
ฉีเซ่าเสวียนด้านข้างเอามือตบหน้าผาก พูดไม่ออก
นี่น้องเล็ก หากเจ้าไม่ไหวจริงๆ ไฉนไม่บอกแต่แรก
เป็นสหายทำสัญญาเทพมังกรกับแซ่ฉี เกียรติของเจ้าก็คือเกียรติของข้าแซ่ฉีด้วย
ทำปากดีต่อหน้าคนมากขนาดนี้ จากนั้นถูกตบหน้าทุกนาที นี่เจ้าจะให้แซ่ฉีเอาหน้าไปไว้ที่ใด
น่าขายหน้ามาก
…….
“แค่กๆ สหายของแซ่ฉีสภาพไม่ค่อยดี เราหยุดพักการต่อสู้ชั่วคราวดีหรือไม่”
เมื่อเห็นฟางฉางกับจางอวิ๋นซีที่มองตาเป็นมันแล้ว ฉีเซ่าเสวียนถึงกับกลืนน้ำลาย เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผาก
สารภาพตามตรง หากเอ๋าอูไม่มีปัญหา พวกเขาจะใช้วิชาโจมตีประสานในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงด้วยกัน กวาดล้างทุกคนให้เรียบ
อย่าว่าแต่ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีเลย ต่อให้เป็นจางอวิ๋นถิงลงสนามอย่างเป็นทางการ ฉีเซ่าเสวียนก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะได้ทั้งหมด
แต่ตอนนี้เจ้ามังกรน้อยเอ๋าอูถูกกดดันให้หมอบลง ลุกไม่ขึ้น แล้วจะสู้อย่างไร
อีกทั้งฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกได้ชัดเจนว่ากำลังรบของตนถูกลดกำลังรบ
แม้เขาจะได้โชคลิขิตมามากมาย แต่แก่นหัวใจสำคัญของกำลังรบเขาคือคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงและคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะ
คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะในนั้นเน้นใช้การรักษาฟื้นฟู คัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงกับคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเน้นการต่อสู้
แต่พลังแห่งมังกรแท้จริงในตัวเขามีต้นกำเนิดร่วมกับเอ๋าอู จึงถูกเผ่ามังกรระดับสูงกว่ากดลงเช่นกัน
เพียงแค่แรงกดดันที่เขารู้สึก ไม่ถึงขั้นก้มหัวอย่างเอ๋าอูเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฉีเซ่าเสวียนก็ยังรู้สึกว่ากำลังรบของตนในตอนนี้ลดลงสองถึงสามส่วนขึ้นไปแล้ว เขาในสภาพนี้ หากสู้กับฟางฉางและจางอวิ๋นซีอีก ก็มีโอกาสสูงมากที่จะถูกลากถูไปกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง
ดังนั้นถึงจะอับอายกว่านี้ ฉีเซ่าเสวียนได้แต่ยื่นคำร้องขอยืดการต่อสู้ไปก่อน รอเจ้าหนูเอ๋าอูฟื้นกลับมา
พยัคฆ์ขาวสายฟ้ามองฉีเซ่าเสวียนอย่างเฉยชา เสียงเย็นชาของจางอวิ๋นซีดังขึ้น “เจ้า บอกว่าจะเอาจริงไม่ใช่รึ”
ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก
กายแท้วิญญาณยักษ์ของฟางฉางแบกทวนยาว เหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะกระแทกที่ใดถึงจะสบายใจดี “เจ้าบอกว่าอยากเลือดร้อน ว่าพวกเรายังแกร่งไม่พอไม่ใช่รึ”
ฉีเซ่าเสวียนเงียบ
ความรู้สึกแสบร้อนตีขึ้นที่ใบหน้า ฉีเซ่าเสวียนแอบใช้พลังวิญญาณสีม่วงปกคลุมทั้งตัว
ถ้ารู้ว่ากระดูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เคี้ยวยากแต่แรก เขาคงไม่ปากดีขนาดนั้น
ฮือๆๆ ปากดีแล้วก็ถูกตบหน้าอย่างบ้าคลั่ง
น่าอายชะมัด
……..
โชคดีที่ถึงจะขายหน้า แต่จางอวิ๋นซีกับฟางฉางก็คืนร่างเดิมจริงๆ ไม่ได้โจมตีต่อ
ด้านหนึ่งคือพวกเขาระเบิดพลังไปเยอะมากจริงๆ อีกด้านคือเสิ่นเทียนออกด่านบำเพ็ญแล้ว
พวกเขาขวางฉีเซ่าเสวียนไว้สุดชีวิตขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะปกป้องศักดิ์ศรีของบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนหรือ จะให้ไม่สู้แล้วก็แพ้ไปเลยอย่างนั้นรึ
ตอนนี้เสิ่นเทียนออกด่านบำเพ็ญแล้ว ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีเชื่อว่าด้วยกำลังรบของเขา จะต้องแขวนฉีเซ่าเสวียนทุบตีอย่างองอาจถูกต้องแน่นอน
ถึงตอนนั้นจะสง่ากว่ารุมกระทืบฉีเซ่าเสวียนเท่าไร
ส่วนตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนหน้าแดงเขินอายจนตระหนก ความจริงแล้วไม่จำเป็นเลย
เพราะตอนนี้ทุกคนสนใจเคราะห์อัสนีบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่มีใครมาสนใจเขาเท่าไร
พวกเขาแปลกใจว่าเหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…ถึงกลายเป็นไข่มังกร อีกทั้งยังฝ่าด่านเคราะห์อีก
หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนจะยึดร่างไข่มังกร อาศัยตรงนี้เป็นผู้อริยะในคราวเดียว
การคาดเดาต่างๆ ถูกยกมาในกลุ่มคน แน่นอนว่าจำกัดแค่คนที่ไร้ความรู้บางพวกเท่านั้น
คนใหญ่คนโตที่แท้จริง ตอนนี้คาดเดาความเป็นจริงบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว อีกทั้งยังคิดคำนวณเพื่อผลประโยชน์ของตน เตรียมวางแผนกันแล้ว
“ฟางฉาง จางอวิ๋นถิง จางอวิ๋นซี อำนาจเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้เทียบเท่ากับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งจุดสูงสุดดวงจิตดรุณ มีอำนาจคุกคามต่อพวกเจ้าไม่มาก อาศัยโอกาสนี้ตระหนักบทต้องห้าม”
เสียงเย็นชาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นในหัวของสามอัจฉริยะ
สามคนพยักหน้าพร้อมกันและพุ่งไปบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก้าวเข้าไปในเขตแดนเมฆเคราะห์
แน่นอน พวกเขาสามคนไม่ได้ฝ่าเข้าไปในเขตใจกลางเคราะห์อัสนีที่ส่งผลถึงไข่มังกรฝ่าด่านเคราะห์ แต่นั่งขัดสมาธิตรงขอบ หลอมรวมพลังสายฟ้าที่กระจัดกระจายมา
เวลานี้ พวกเขาสามคนเหมือนมีสายเลือดร่วมกับอัสนีฟ้าดิน สัญลักษณ์สายฟ้าตรงระหว่างคิ้วขยับแสงวาววับ
…..
“บทต้องห้ามของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหนือธรรมดาจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะหลอมรวมพลังจากเคราะห์สวรรค์ได้”
“ได้ยินว่าบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์จะมีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์กับสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ฝึกฝน แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้เสนอเป็นกรณีพิเศษ ถึงได้แหกกฎถ่ายทอดให้ฟางฉางกับจางอวิ๋นถิงได้”
“มิน่าฟางฉางกับจางอวิ๋นถิงถึงสนับสนุนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นนี้ ต้องรู้นะว่าในโลกบำเพ็ญเซียน บุญคุณถ่ายทอดวิชาไม่ด้อยกว่าไปบุญคุณช่วยชีวิตเลย!”
“ข้าว่านะ เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีเสน่ห์ มีใจไร้พ่ายอย่างแท้จริง อยากจะให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องตนยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไรยิ่งดี
ถึงอย่างไรบทต้องห้ามก็มีไว้ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือกว่าศิษย์คนอื่น หากฝึกวิชาเหมือนกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์จะคุมศิษย์สายตรงคนอื่นได้ยากมาก อำนาจสั่นคลอนได้ง่ายๆ”
“ใช่เลยๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่นตะโกนแต่ว่า ‘ข้ามีใจไร้พ่าย’ ‘มีข้าอยู่ก็ไร้พ่าย’ หากไร้พ่ายจริงๆ จะมีสิทธิพิเศษเพื่อ อาศัยบทต้องห้ามไร้พ่ายในฝ่ายเดียวกัน นี่ไร้พ่ายจริงๆ รึ คนจริงมีใครใช้สิทธิพิเศษบ้าง เจ้ามีสิทธิพิเศษหรือไม่”
“ตอนนี้ดูแล้ว ลำพังแค่ความองอาจตรงนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เหนือกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว”
“ใช่เลยๆ ไม่มีวิชาไร้พ่าย มีแต่คนไร้พ่าย!”
……..
‘เสียงซุบซิบ’ ดังขึ้นจากศิษย์ฝ่ายเซียนใหญ่ๆ ในหมู่คน แต่สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนแล้ว เสียง ‘ซุบซิบ’ พวกนี้ไม่ได้เบาเลยจริงๆ
ทันใดนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่เขินอายอยู่หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
เขารู้ว่าในกลุ่มคนพวกนี้จะต้องมีอริคอยดึงกระแสอยู่ไม่น้อย เพราะตอนที่เขากวาดล้างสี่ทิศได้ล่วงเกินคนไปจำนวนมาก
หากเขายิ่งใหญ่ต่อไป ทำเหมือน ‘มีข้าอยู่ก็ไร้พ่าย’ ได้จริงๆ เจ้าชั่วพวกนี้ย่อมไม่มีอะไรให้พูด ได้แต่น้อยใจอยู่ในมุมมืด
ปัญหาคือ เขาติดอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ดังนั้นคนพวกนั้นย่อมข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เริ่มดึงจังหวะกระแสในมุมมืดอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งมีคนจงใจพูดให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงได้ยิน ถึงอย่างไรหากจะ ‘ซุบซิบ’ จริงๆ ไฉนถึงไม่สื่อสารทางจิต
“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงยังไม่ออกมา”
เสียงกลัดกลุ้มของฉีเซ่าเสวียนดังมาจากในพลังวิญญาณสีม่วง เขาเองก็ไม่โง่ มองออกว่าไข่มังกรสีดำนั่นไม่มีทางใช่เสิ่นเทียน
แต่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันปรากฏไข่มังกรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์สูงขนาดนี้ นี่มากพอจะทำให้ฉีเซ่าเสวียนเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นแล้ว
ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายในกลุ่มคนขึ้นอีกครั้ง
“ดูเร็วๆ มีคนเดินออกมาจากในวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์”
“หนุ่มรูปงามหล่อเหลามาก ใบหน้า รูปร่าง เอกลักษณ์และอาภรณ์นี่ สมบูรณ์แบบ!”
“ข้างหลังยังมีกงล้อแสงบุญกุศลใหญ่เช่นนี้อีก อมิตาภพุทธ นี่เป็นเรื่องดีเพียงใด อาตมารักเลย”
“เขาเดินไปที่ใด พืชวิญญาณพวกนั้นเติบโตเร็วมาก ดอกไม้วิญญาณเบ่งบาน และยังมีผีเสื้อวิญญาณโอบล้อมอีก นี่มันบุคคลเทพเซียนอะไรกัน”
“หรือนี่จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตำนาน เล่าลือว่าเขาเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของดินแดนบูรพา ข้าหลงเลย~”
……
ฉีเซ่าเสวียนแอบฟังคำพูดจากหมู่ชนผ่านไอม่วงแล้วสะอึกในใจ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พลังวิญญาณไอม่วงที่ปกคลุมทั้งตัวเปิดออกเป็นสองรูเล็ก มองไปยังยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ผ่านสองรูเล็กนั้น
พบว่าประตูใหญ่วิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์เปิดออกช้าๆ เด็กหนุ่มชุดผ้าแพรมังกรขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูอย่างเนิบนาบ
เขาดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี ดูหนุ่มกว่าฉีเซ่าเสวียนมาก ใบหน้าเรียกว่าที่สุดแห่งโลก
ถึงฉีเซ่าเสวียนจะถือว่าเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากในดินแดนบูรพาแล้ว แต่เมื่อพบเสิ่นเทียนก็ยังต้องยอมรับว่าหน้าตาของเด็กหนุ่มคนนี้เหนือกว่าเขานิดหน่อย
อีกทั้งปรากฏการณ์ข้างหลังเสิ่นเทียนยังไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย กระทั่งเหนือยิ่งกว่า
ข้างหลังเสิ่นเทียนมีกงล้อแสงบุญกุศลสีทองมหึมา เปล่งแสงทองที่ทำให้คนรู้สึกสบายอย่างยิ่ง
กงล้อแสงนี้ไม่ใช่แค่มีผลกำราบภูตผีปีศาจอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังเสริมทักษะการตระหนักรู้ ทำให้เสิ่นเทียนฝึกฝนวิชาใดก็จะได้ผลดียิ่งกว่าเดิม
ปกติจะมีเพียงนักพรตเต๋าที่มีความเมตตาสูงสุดกับนักบวชศักดิ์สิทธิ์ผู้เมตตาที่โปรดทุกสรรพสัตว์พวกนั้นจากฝ่ายเต๋าและฝ่ายพุทธ สั่งสมบุญกุศลมาร้อยปีพันปีเท่านั้นถึงอาจจะรวมเป็นกงล้อแสงบุญกุศลเช่นนี้ได้
แค่มีกงล้อแสงนี้อยู่ก็ได้รับความเลื่อมใสจากหมื่นคน เพราะนี่หมายความว่าเขาได้รับการยอมรับจากสวรรค์ว่าเป็น…ผู้มีมหาบุญ!
แค่ปรากฏการณ์นี้ก็มากพอจะสังหารเทพมังกรทะนงฟ้าข้างหลังฉีเซ่าเสวียนแล้ว มิหนำซ้ำ ปรากฏการณ์ข้างหลังเสิ่นเทียนยังไม่ใช่แค่นี้เลย
ข้างหลังเสิ่นเทียนยังมีจักรพรรดิอัสนีผู้ยิ่งใหญ่ตั้งขวางฟ้า สัตว์เทพเช่นมังกรเขียวพยัคฆ์ขาววิหคชาดเต่าดำเป็นต้นโอบล้อมซ้ายขวา ราวกับลงทัณฑ์แทนสวรรค์
และยังมีปรากฏการณ์กระบี่เทพที่แทบจะไร้ที่สิ้นสุดไหลเวียนราวกับพายุห่าฝน กลิ่นอายเฉียบคมน่าสะพรึงทำให้คนหนาวสั่นไปทั้งตัว
มีแสงเทพห้าสีบดบังฟ้าบดบังดวงตะวัน มาพร้อมกับพลังยิ่งใหญ่ที่ชิงได้ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดิน ความสามารถครอบจักรวาล
แม้แต่ปรากฏการณ์เทพมังกรทะนงฟ้าของฉีเซ่าเสวียนยังมีอยู่ข้างหลังเขา
“นี่มันอะไรกัน นักสะสมปรากฏการณ์รึ บัดซบ!”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาต้องยอมรับว่าในด้านใบหน้าและการเสแสร้งของตนเหมือนจะ…พ่ายแพ้หมดรูป
‘ปรากฏการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากระดับพลัง ไม่ได้หมายถึงศักยภาพที่แท้จริง’ ฉีเซ่าเสวียนกำง้าวมังกรสวรรค์ในมือแน่น ‘แซ่ฉีจะไม่ยอมแพ้โดยไม่ยังไม่สู้เด็ดขาด’
รอก่อน!
รอไข่มังกรนี่ฝ่าด่านเคราะห์จบ รอแซ่ฉีฟื้นพลังกลับมาสมบูรณ์ก่อน
ถึงตอนนั้นแซ่ฉีจะตัดสินหนึ่งต่อหนึ่งอย่างยุติธรรมกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ แล้วเอาชนะเขาอย่างองอาจถูกต้อง!
รูเล็กสองรูในไอม่วงเข้มข้นเผยประกายแน่วแน่ออกมา นั่นคือแววตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตต่อสู้ของฉีเซ่าเสวียน แน่วแน่และเร่าร้อน
…………………………………..