บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 288 แหวนทองสัมฤทธิ์ลึกลับ
บทที่ 288 แหวนทองสัมฤทธิ์ลึกลับ
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งยิ่งของเสิ่นเทียน ในที่สุดฉีเซ่าเสวียนก็ต้านไม่ไหว
พลังฤทธิ์เขาหมดสิ้น ไอม่วงรอบตัวบางลง ประกายง้าวบนง้าวมังกรสวรรค์ค่อยๆ หุบเข้าไป
บึ้ม!
ค้อนสุดท้ายทุบฉีเซ่าเสวียนลอยออกจากเวทีประลอง
ง้าวมังกรสวรรค์ในมือสั่นไหวอย่างรุนแรง กระทั่งหลุดจากมือปักลงพื้น ส่งเสียงโลหะกระทบ
ฉีเซ่าเสวียนกระอักเลือด ล้มลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ หน้าแดงเรื่ออย่างยิ่งเพราะเลือดลมปั่นป่วนและทั้งโกรธทั้งอับอาย
บัดซบ!
ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในสภาพไม่ดี ข้าแซ่ฉีจะไม่แพ้อย่างน่าอัปยศเช่นนี้เด็ดขาด!
ความจริงจะโทษฉีเซ่าเสวียนที่ลืมฟื้นฟูสภาพก่อนสู้ไม่ได้ เพราะโอรสสวรรค์ปกติจะมีพลังฤทธิ์มากกว่าผู้ฝึกบำเพ็ญปกติ
ในการต่อสู้กับโอรสสวรรค์คนอื่นๆ ครั้งก่อน ฉีเซ่าเสวียนแทบจะไม่เจอปัญหาพลังฤทธิ์หมดเลย ต่อให้พบสถานการณ์ใช้พลังฤทธิ์มากเกินไปจริง เขาก็ยังมีโอสถอยู่กับตัว
ขอแค่ให้เวลาเขาพักหายใจเล็กน้อย ก็จะใช้โอสถฟื้นพลังฤทธิ์และสู้ต่อไปได้
แต่ฉีเซ่าเสวียนไม่นึกเลยว่าในการต่อสู้กับร่างเงาเสิ่นเทียนครั้งที่สองจะเจอสถานการณ์ประชันพลังฤทธิ์กัน
ภายใต้การโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยทองคำเซียนปีกปักษาของเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนไม่มีโอกาสใช้โอสถเลย ได้แต่ถูกบีบให้ป้องกันตลอด
เดิมทีฉีเซ่าเสวียนยังหวังว่าจะให้ร่างเงาเสิ่นเทียนหมดพลังฤทธิ์ ค่อยสวนกลับถึงตายในทีเดียว
ปรากฏว่าจนถูกกระแทกออกจากเวทีประลอง เขายังไม่ได้โจมตีเลย
อนาถ น่าอนาถเกินไปแล้ว~
เทียบกับตอนสู้ครั้งแรก ฉีเซ่าเสวียนยังโจมตีและตั้งรับไปๆ มาๆ กับร่างเงาได้ กระทั่งอยู่เหนือกว่าร่างเงา แต่การต่อสู้ครั้งที่สองกลับน่าสังเวชยิ่งกว่า
ฉีเซ่าเสวียนไม่ค่อยกล้ามองข้อความรอบๆ เวทีประลอง เพราะเขารู้ว่าต้องมีคนเยาะเย้ยตนแน่
“บัดซบ หากแซ่ฉีอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีทางแพ้แน่!”
การถ่ายทอดสดดับไปชั่วคราว ผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่นไม่เห็นสถานการณ์บนเวทีประลองเทพสงครามอีก
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดในใจ “ดวงจิตหอคอย หะ…ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่”
เสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง “บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มเอ๋ย หนึ่งได้สองได้แต่สามสี่ไม่ได้ ข้าแหกกฎให้ท่านอีกไม่ได้จริงๆ”
ฉีเซ่าเสวียนพูดด้วยความจนปัญญา “ไม่ ไม่มีครั้งที่สี่แน่ แซ่ฉีรับรองว่าจะท้าประลองครั้งสุดท้ายแล้ว อีกทั้ง…อีกทั้งสมบัติที่แซ่ฉีเหลือก็พอท้าประลองได้อีกครั้งเดียว”
ท้าประลองได้ครั้งสุดท้ายหรือ
หมดเร็วขนาดนี้เลย น่าผิดหวังจริงๆ!
ดวงจิตหอคอยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดอย่างจำใจ “นี่เป็นปัญหาเรื่องหลักการเดิม”
ฉีเซ่าเสวียนโค้งตัว “แซ่ฉีเข้าใจ แซ่ฉียินดีเพิ่มเงิน แปดหมื่น แซ่ฉีจะเติมแปดหมื่นแต้มเทพสงคราม! ขอแค่หอคอยเทพสงครามให้แซ่ฉีท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้ง ให้โอกาสตัดสินอย่างยุติธรรม แซ่ฉียินดีเอาแต้มเทพสงครามแปดหมื่นแต้มมาเป็นเดิมพัน!”
เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนที่ดวงตาแดงเรื่อแล้ว เยี่ยฉิงชางบนชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงครามหัวเราะจนปากเบี้ยว
หรือว่านี่จะเป็น ‘กลยุทธ์การพนันที่ให้ชนะก่อน’ อย่างที่เทียนเอ๋อร์บอกก่อนหน้านี้ ถูกใจนักๆ!
น่าเสียดายก็แต่เจ้านี่ยากจนไปหน่อย
ไม่เช่นนั้นด้วยท่าทางของเจ้านี่ตอนนี้ เยี่ยฉิงชางรู้สึกว่าตัวเองจะร่ำรวยขึ้นมาได้เลยทีเดียว!
เงียบไปนานมาก ก่อนเสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอยจะดังขึ้นในหูฉีเซ่าเสวียนอีกครั้ง “ช่างเถอะ เด็กโง่! เห็นแก่ที่มีคนยินดีสนับสนุนท่านในถ่ายทอดสดเยอะมาก ข้าจะให้โอกาสท่านเป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะต้องคว้าเอาไว้!
สู้เข้า หวังว่าครั้งนี้ท่านจะเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ เชื่อมั่นว่าท่านต้องทำได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดปลุกใจของดวงจิตหอคอย ฉีเซ่าเสวียนร้องไห้แล้ว~
เขาซาบซึ้งใจมาก ไม่นึกเลยว่าหอคอยเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่จะยอมแหกกฎให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ดูท่าหอคอยเทพสงครามคงจะให้ความสำคัญกับแซ่ฉีมากจริงๆ หากแซ่ฉีเจอหอคอยเทพสงครามเร็วกว่านี้ก้าวหนึ่ง บางทีตอนนี้มันอาจจะตั้งอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้วก็ได้
ช่างเถอะ วันนี้แซ่ฉีจะพิสูจน์ต่อหอคอยเทพสงครามกับผู้ชมถ่ายทอดสดทุกคน
ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน ชีวิตนี้ไม่อ่อนแอกว่าผู้ใด!
แหวนมิติของฉีเซ่าเสวียนเปิดออก เริ่มเทสมบัติออกมา
ศิลาวิญญาณกองเท่าภูเขา มองแวบแรกมีอย่างน้อยล้านล้านก้อน แปลงเป็นแต้มเทพสงครามหลายร้อย
‘เหมืองผลึกม่วง’ ประจำแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงหลายร้อยตัน ใช้หลอมสร้างอาวุธวิเศษได้ แปลงเป็นหลายพันแต้มเทพสงคราม
อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด ‘กระจกเซียนประกายม่วง’ แปลงเป็นหมื่นแต้มเทพสงคราม อาวุธวิญญาณระดับสูง ‘กระบี่ตัดมาร’ แปลงเป็นสามพันแต้มเทพสงคราม
…….
อาวุธวิญญาณ อาวุธวิเศษ โอสถ และว่านวิญญาณแต่ละชิ้นแทบจะกองเป็นภูเขาลูกเล็ก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็รวมได้ห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม ยังขาดอีกสามหมื่นกว่าจะครบแปดหมื่นแต้มเทพสงคราม
ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าใบหน้าตนแดงขึ้นมา นึกถึงตัวเขาฉีเซ่าเสวียนที่อายุน้อยร้อยทอง เป็นบุตรแห่งโชคที่เป็นที่ยอมรับดินแดนบูรพา ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขาเคยสัมผัสกับความลำบากที่เรียกว่า ‘ยากจน’ หรือ
แต่วันนี้เขาได้สัมผัสในหอคอยเทพสงครามแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนพูดเสียงต่ำ “ดวงจิตหอคอย นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดของแซ่ฉีแล้ว”
ดวงจิตหอคอยเอ่ยเนิบนาบ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เกราะนักรบกับง้าวมังกรในมือท่าน แปลงได้เป็นหนึ่งแสนแต้มเทพสงคราม”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ดวงจิตหอคอยไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ เกราะนักรบกับง้าวมังกรนี่เป็นอาวุธอริยะที่สุดแห่งยุค แซ่ฉีจะเอามันมาจำนำได้อย่างไร”
ต้องรู้ว่าอาวุธอริยะล้ำค่าและหายากยิ่ง ต่อให้เป็นผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอาวุธอริยะติดกาย
มิหนำซ้ำเกราะนักรบกับง้าวมังกรในมือฉีเซ่าเสวียนยังเป็นของล้ำค่าในอาวุธอริยะด้วย
ต่อให้ดวงชะตาอย่างเขา ก็มีเพียงสองชิ้นเท่านั้น!
หากแพ้ ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย
ฉีเซ่าเสวียนตาแดง แต่ไม่ได้สิ้นสติปัญญา
ดวงจิตหอคอยถอนหายใจเบา “แต่ตอนนี้ท่านมีเพียงห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม ของเดิมพันไม่ครบ ข้าเองก็จัดการยาก”
ฉีเซ่าเสวียนหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด เหมือนลังเลอะไรบางอย่าง
ผ่านไปนาน เขาก็หยิบกล่องหยกประณีตออกมาจากแหวนเก็บของ “แซ่ฉีแลกเกราะนักรบกับง้าวมังกรไม่ได้เด็ดขาด รบกวนดวงจิตหอคอยดูหน่อยว่าสิ่งนี้มีค่ากี่แต้มเทพสงคราม”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เปิดกล่อง พบว่าในกล่องหยกวางแหวนโบราณไว้วงหนึ่ง
แหวนนี้ธรรมดามาก เหมือนหลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ที่ธรรมดามากที่สุด มองไปไม่มีความพิเศษแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มที่เข้าใจในการตีเหล็กอยู่บ้าง ก็เกรงว่าจะหลอมแหวนหยาบๆ เช่นนี้ออกมาได้ วางในร้านเครื่องประดับคงไม่มีใครมองมัน
แต่ในดวงตาฉีเซ่าเสวียนกลับมีความอาลัยอาวรณ์ลึกๆ “นี่ไม่ใช่แหวนธรรมดา ถึงมันจะหลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ธรรมดา แต่ก็แข็งแรงทนทาน แม้แต่ระดับผู้อริยะยังไม่อาจทำลายมันได้ หากไม่ใช่เพราะผู้อริยะฝ่ายข้าศึกษามาหลายปีจนไม่พบความพิเศษอะไรของแหวนนี่แล้ว แซ่ฉีจะไม่มีทางเอาออกมาแลกเด็ดขาด รบกวนดวงจิตหอคอยตรวจดูด้วย”
แม้แต่ผู้อริยะยังทำลายไม่ได้หรือ
เยี่ยฉิงชางบนชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงครามตาเป็นประกายขึ้นมา
แหวนในกล่องหยกหายไปช้าๆ ก่อนมาปรากฏในมือเยี่ยฉิงชาง
เขาพิจารณามองอย่างละเอียด จากใบหน้าเฝ้ารอคอยก็ค่อยๆ กลายเป็นจริงจังและตกใจระคนสงสัย
“แปลก แหวนนี่หลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ธรรมดาจริงๆ น่าเหลือเชื่อ”
เยี่ยฉิงชางประสานมุทราออกมาเป็นหลายร้อยมุทราในพริบตา ก่อนออกมาเป็นอักขระหลั่งไหลเข้าไปในแหวนทองสัมฤทธิ์ตามลำดับ
แต่เมื่อมุทราพวกนี้หลอมรวมเข้าไปในแหวนตามลำดับ กลับเหมือนหินตกลงมหาสมุทร ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ
“แม้แต่ข้ายังไม่อาจทำลายผนึกได้หรือ แหวนนี่ไม่ธรรมดา!”
เยี่ยฉิงชางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเก็บแหวนเข้าหอคอยเทพสงคราม
เสียงดวงจิตหอคอยนุ่มนวลดังขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม “ข้าเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ แต่วัสดุพิเศษ ข้าให้ราคาห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม”
เมื่อเสียงดังขึ้น ฉีเซ่าเสวียนพบว่าแต้มเทพสงครามจากห้าหมื่นของตนกลายเป็นหนึ่งแสนทันที เร็วจนสุดบรรยาย
เฮ้อ ที่แท้เขาก็คิดจะใช้แหวนนี่แลกศิลาวิญญาณกับโอสถอะไรพวกนี้กลับมา!
ถึงอย่างไรในตัวเขาตอนนี้ก็แทบจะไม่มีสมบัติอะไรเหลืออยู่
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเอ๋ย~ เนื่องจากท่านเติมเกินหนึ่งแสน ข้าจะมอบชุดอาหารฟื้นฟูให้ท่านโดยไม่คิดค่าตอบแทนครั้งหนึ่ง จะใช้เลยหรือไม่”
เมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอย ฉีเซ่าเสวียนก็อึ้งไป การเติมเงินเยอะพอทำให้ท่าทีการพูดต่างไปจริงๆ
จากบุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ ทั้งยังให้อาหารฟื้นฟูโดยไม่คิดค่าตอบแทนอีก
แต่ด้วยสภาพตอนนี้ของฉีเซ่าเสวียน การท้าประลองกับเสิ่นเทียนไม่สมเหตุผลจริงๆ ชุดอาหารฟื้นฟูมาได้เวลาพอดี!
“รับ!”
เมื่อฉีเซ่าเสวียนยืนยัน ก็มีแสงสีม่วงสว่างจ้าพุ่งออกมาจากมวลอากาศ ส่องแสงบนตัวฉีเซ่าเสวียน หลอมรวมเข้าไปในกาย
ตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าสภาพของตนดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พลังฤทธิ์ในตันเถียนเติมเต็มใหม่ในไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ พละกำลังที่เสียไปในตอนแรกก็ฟื้นฟูมาในพริบตา
กระทั่งเขารู้สึกว่าตอนนี้ตนแกร่งกว่าก่อนมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีก!
“ด้วยสภาพตอนนี้ของแซ่ฉี จะต้องเอาชนะเสิ่นเทียนได้แน่นอน! ดวงจิตหอคอย เริ่มการท้าประลองตอนนี้เลย!”
ช่องทางการถ่ายทอดสดกลับมาอีกครั้ง ร่างของฉีเซ่าเสวียนปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง
ผู้ชมที่เดิมทีรอจนรำคาญและจะกลับนั้น ตอนนี้นั่งลงอีกครั้ง จ้องฉีเซ่าเสวียนเขม็ง
เพราะพวกเขาพบว่ามีน้ำวนสีทองรวมขึ้นตรงหน้าฉีเซ่าเสวียนอีกครั้ง
ใช่ รูปแบบการขึ้นเวทีที่คุ้นเคย ปรากฏการณ์พิเศษที่คุ้นตา
ข้าเคยเห็นภาพแบบนี้
“เสิ่นเทียน แซ่ฉีจะเอาชนะเจ้าให้ได้!”
ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์ จิตต่อสู้พลันพุ่งถึงขีดจำกัด
กองกำลังทหารถูกบีบให้ลุกขึ้นต้านย่อมต้องได้ชัยชนะ ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าตนทะลวงพันธนาการบางอย่างไปอย่างไร้รูป
ง้าวมังกรในมือเขาส่งเสียงกู่ร้องพร้อมกับเขา เสียงร้องมังกรวนเวียนรอบกาย เห็นได้ชัดว่าความชำนาญในง้าวมังกรแปดทิศพัฒนาขึ้นในเวลานี้
ง้าวมังกรแปดทิศสมบูรณ์ ถึงขอบเขตขั้นสูงสุดที่น่าเหลือเชื่อแล้ว
ศึกนี้เขาต้องชนะ!
ผู้ชมทุกคนต่างไม่สนใจว่าเหตุใดฉีเซ่าเสวียนถึงจับคู่เจอเสิ่นเทียนอีก
เพราะแม้แต่คนโง่ก็มองออกว่ามามีเงื่อนงำในนั้น จะต้องเป็นเพราะฉีเซ่าเสวียนทำข้อตกลงลับๆ กับหอคอยเทพสงครามแน่นอน
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือฉีเซ่าเสวียนสู้กับร่างเงาเสิ่นเทียนเป็นครั้งที่สาม
อีกทั้งฉีเซ่าเสวียนตอนนี้ยังดูพัฒนากำลังรบขึ้นไปอีก
ศึกนี้จะต้องสุดยอดยิ่งกว่าเดิมแน่นอน!
…………
“ข้าจะไม่ให้โอกาสกับเจ้าอีก ใยสวรรค์ไอม่วง ฝูงมังกรไร้เศียร!”
ฉีเซ่าเสวียนตะโกนเสียงดังก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้า ไอม่วงหมื่นจั้งข้างหลังพลันรวมเป็นใยสวรรค์ฟ้าดินปกคลุมทั้งเวทีประลอง
ขณะเดียวกัน เขายังร่ายรำง้าวมังกรสวรรค์ในมือออกมาเป็นไอพลังนับไม่ถ้วน รวมขึ้นเป็นมังกรดำหลายร้อยตัว!
มังกรดำทุกตัวมีเกล็ดของจริง แผ่อำนาจมังกรออกมาเข้มข้น
กรรซ์~
มังกรดำมากมายแน่นขนัด พุ่งกระโจนเข้าใส่ร่างเงาเสิ่นเทียน
ผู้ชมทุกคนลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวสั่นไปหมด หนาวไปทั้งตัวภายใต้อำนาจมังกรมหาศาล
ผู้ฝึกบำเพ็ญบางคนมีจิตใจไม่แน่วแน่พอ ตอนนี้ถึงขนาดตกใจจนล้มลงกับพื้น น้ำลายฟูมปากหมดสติไป
ถึงอย่างไรกระบวนท่านี้ก็สั่งสมความไม่ยอมและโทสะมากมายของฉีเซ่าเสวียน อำนาจมังกรสะท้านฟ้า!
ใยสวรรค์ไอม่วงปกคลุมฟ้าดิน ปิดตายทางหนีของปีกเทพทุกทาง
ฝูงมังกรไร้เศียรเป็นกระบวนท่าสังหารที่แกร่งที่สุดของง้าวมังกรแปดทิศ ระเบิดพลังทำลายล้างสุดขีดของฉีเซ่าเสวียนออกมา
ฉีเซ่าเสวียนในสภาพนี้มั่นใจว่า ต่อให้เป็นตนในอดีตก็ไม่มีทางเฉยเมยกับกระบวนท่าสังหารปลิดชีพนี้อย่างแน่นอน!
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเงาง้าวมังกรดำที่พุ่งเข้ามามืดฟ้ามัวดินแล้ว เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เส้นผมยาวสีน้ำหมึกพลันมีสีเงินโผล่มาหย่อมหนึ่ง จากนั้นตั้งขึ้นช้าๆ
ทันใดนั้น มังกรดำมากมายมหาศาลเข้ามาปิดล้อมเสิ่นเทียนแล้ว พุ่งกระโจนกันเข้ามา
เงามังกร แสงง้าว ไอม่วง แสงดำ กลายเป็นมังกรขดไร้พ่ายรัดเสิ่นเทียนไว้ในนั้นอย่างแน่นหนา
ตอนนี้มวลอากาศรอบข้างมังกรขดสีดำพังทลายลง
รอยแยกมิติกระจายออก แรงจู่โจมมากพอจะทำลายเขตแดนของผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณ
“นะ…นี่มันแรงระเบิดน่าสะพรึงระดับใดกัน!”
“มากพอจะคุกคามถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพกระมัง! นี่ยังใช่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองอีกรึ”
“เทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว ข้าอาจจะเป็นผู้จริงแท้แก่นพลังทองปลอมกระมัง ข้าสิบคนมัดรวมกันคงยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าเขาเลย”
“ขอเชิญจากใจจริง คนอยู่เทพสวรรค์ เพิ่งส่งข้อความไป ข้าคือจื่อสู่จิง บอกไว้แล้วว่าศิษย์พี่บุตรศักดิ์ฝ่ายข้าไร้พ่ายในรุ่นเดียวกัน พวกเจ้าเชื่อกันรึยัง!”
“มิน่าเจ้าฉีเซ่าเสวียนถึงถูกประเมินเป็นโอรสสวรรค์หกดาว ตอนนี้แซ่ฟางยังมีกำลังรบห่างจากเขามากจริงๆ”
………
ทว่าขณะที่ฉีเซ่าเสวียนเพิ่งเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนที่ชมอยู่โดยรอบต่างมีสีหน้าตื่นตกใจนั้น
เงามังกรสีดำที่ปกคลุมฟ้าดินเริ่มแตกสลายไปช้าๆ เป็นผุยผงอันตรธานหายไป
เสียงร้องมังกรในความว่างเปล่าไม่มีความองอาจบ้าอำนาจอีก แต่เป็นเสียงแหลมเล็กยิ่ง
“หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหา”
คำพูดราบเรียบดังขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม
เสียงไม่ดัง แต่ทันทีที่ดังขึ้น เสียงร้องมังกรและเสียงพายุคลั่งที่เดิมทีดังสนั่นแก้วหูเหมือนกับหายไป
ทุกคนจำคำพูดนี้ได้ ประกอบกับเหตุการณ์ต่อไปได้ฝังลึกในความทรงจำของทุกคน
แสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกมาจากพายุมังกรสีดำ ทั้งยังค่อยๆ เปล่งแสงสีสันหลากสี
เห็นชัดแล้ว นั่นคือฝ่ามือข้างหนึ่ง ฝ่ามือสีเงิน!
เดิมทีมันมีขนาดจั้งกว่า แต่กลับยาวตามสายลม เกินกว่าร้อยจั้งในพริบตา
ฝ่ามือสีเงินที่เป็นดั่งฝ่ามือของพระเจ้าพุ่งขึ้นฟ้า มังกรดำทั้งหมดถูกกระแทกสลายเป็นเถ้าธุลีหายไป
แสงง้าวมังกรดำที่มากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์บาดเจ็บสาหัสในพริบตายังถูกฝ่ามือนี้ทำลายในทีเดียว
“ไม่ ไม่มีทาง! ไม่จริง เป็นของปลอม หอคอยเทพสงครามเจ้าหลอกข้า!”
รอยยิ้มบนใบหน้าฉีเซ่าเสวียนแข็งค้าง ก่อนจะหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรง
สองมือพลันประสานมุทรา ใยสวรรค์ไอม่วงที่เดิมทีปกคลุมทั้งสนามประลองพลันแยกออก กลายเป็นแม่น้ำภูเขาตรงหน้าเขา
“ภูผานทีไอม่วงสามสิบสามขั้น รวมให้ข้า!”
ภาพภูผานทียิ่งใหญ่อลังการลอยขึ้นมาตรงหน้าฉีเซ่าเสวียน ไม่อาจสั่นคลอนได้ประหนึ่งคงอยู่มาแต่โบราณกาล
นี่คือบทด้านการป้องกันในคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง มีชื่อเสียงคู่กับแสงวิบัติเนตรม่วง ได้รับขนานนามว่าหมื่นวิชาไม่อาจรุกราน ป้องกันการโจมตีได้ทุกรูปแบบ
ทว่าเมื่อฝ่ามือยักษ์ร้อยจั้งนั้นปะทะกับภูเขาแม่น้ำไอม่วงพวกนี้ แม่น้ำภูเขาทั้งหมดก็พังทลายลงในทันใด
ฝ่ามือเดียวทลายเวหา ภูผานทีแตกสิ้น
นี่…คือพลังสูงสุดของเทพมารโบราณ!
ฉีเซ่าเสวียนคิดจะถอย แต่ก็พบว่าห้วงอากาศเหมือนจะเกาะตัวแข็งขึ้นมา
เขาได้แต่มองฝ่ามือยักษ์บดบังฟ้าบังดวงตะวันนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นทุกที
…….
ขณะเดียวกัน บนชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงคราม
เยี่ยฉิงชางพิจารณามองแหวนทองสัมฤทธิ์อย่างละเอียด ดวงตาลุกวาว “ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว แบไพ่ไปเลย รีบไล่ไอ้โง่นี่ไปเร็วๆ ข้าจะตั้งใจศึกษาแหวนนี่
แต่ก็เหมือนจะยังใจดีไม่พอ อืม…เดี๋ยวให้มรดกระดับสูงกับไอ้เด็กโง่นี่ไปสักหน่อยแล้วกัน! ถึงอย่างไรต้องมีศักยภาพแข็งแกร่งถึงจะหาโชคลิขิตที่แกร่งกว่าพบ เมื่อหาโชคลิขิตที่ดีกว่าได้ถึงจะเติมเงินได้มากขึ้น
เจ้าหนูนี่ดวงชะตาดีมาก เป็นผักกุยช่ายระดับสูงสุด ตัดครั้งเดียวสิ้นเปลืองเกินไป บางทีอาจจะร่วมมือระยะยาวกันได้
อืม บอกว่าเทียนเอ๋อร์แข็งแกร่งเช่นนี้ เพราะได้รับมรดกหัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาจากหอคอยเทพสงครามแล้วกัน
ขอแค่เขาพยายามมากพอ เติมแต้มเทพสงครามเยอะๆ มาสู้ในหอคอยเทพสงครามบ่อยๆ ก็จะมีโอกาสแข็งแกร่งอย่างเทียนเอ๋อร์
ถึงอย่างไรเจ้าหนูนี่ก็ยังเหลืออีกสองหมื่นแต้มเทพสงคราม ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะทำใจทิ้งลงไปได้ เหอะๆ นับวันข้ายิ่งฉลาดขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ!”
…………………………………..…………………..…..