บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 317 ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอายุสั้น ข้าจะสับพวกเจ้าให้ตาย
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 317 ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอายุสั้น ข้าจะสับพวกเจ้าให้ตาย
บทที่ 317 ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอายุสั้น ข้าจะสับพวกเจ้าให้ตาย!
โฮก~
เมื่อฝุ่นควันสลายไป บนพื้นก็ปรากฏหลุมลึกยักษ์
หลุมลึกนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายสิบจั้ง ขยับแสงสีสันแวววาวทั้งหมด
นั่นคือหินกรวดโดนอุณหภูมิสูงของสายฟ้าละลายเป็นก้อนผลึก
ร่างเสิ่นเทียนหายไปแล้ว ราวกับว่าร่างแหลกสลายไปภายใต้การโจมตีนั้น
มังกรคลั่งอัสนีม่วงส่ายศีรษะอย่างพอใจ เจ้ามนุษย์สมควรตาย กล้ามาขโมยผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงของข้า
ดูสิข้าพ่นกระสุนทีเดียวเจ้าก็ตายแล้ว!
แต่ไม่นานนัก มังกรคลั่งอัสนีม่วงก็พบความผิดปกติ
แม้เสิ่นเทียนจะหายไป แต่ผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงก็หายไปเช่นกัน
นี่เป็นไปได้อย่างไร!
พึงรู้ไว้ว่าผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงคือผลวิญญาณสูงสุดธาตุสายฟ้า มีภูมิต้านทานการโจมตีด้วยสายฟ้าอย่างสมบูรณ์
ต่อให้เจ้ามนุษย์นั่นจะร่างสลายไปด้วยการโจมตีสายฟ้า ผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเก้าผลในมือก็น่าจะยังอยู่
แต่เหตุใด ผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงถึงหายไปด้วยล่ะ
มังกรคลั่งอัสนีม่วงตาแดงขึ้นมาทันที หรือว่ายังมีโจรชั่วอยู่ใกล้ๆ อีก
มันย่นจมูก เริ่มตรวจสอบกลิ่นอายพลังใกล้เคียงอย่างเต็มที่ สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานใกล้ๆ
อย่ามองว่าเผ่าย่าหลงพวกนี้บนเกาะมังกรพวกนี้ไม่ได้มีสติปัญญาสูงมากแล้วจะรับมือกับกลอุบายอันชาญฉลาดของเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจไม่ได้
พวกมันมีความสามารถในการดมกลิ่นอันเฉียบคมและสัมผัสต่อพลังงานสูงมาก สังเกตเห็นศัตรูผู้รุกรานในละแวกใกล้เคียงได้สบาย
ปกติแล้ว ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์เผ่ามนุษย์ หากคิดจะแทรกซึมเข้ามาใกล้เขตแดนของมังกรคลั่งอัสนีม่วงนี่ ก็จะโดนมันพบอย่างรวดเร็วและถูกไล่ออกไป
ในมุมมองของมังกรคลั่งอัสนีม่วง โจรกระจอกที่ขโมยผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงของมันนั่น ตอนนี้ยังไม่ได้ไปไกลแน่นอน!
มันสัมผัสคลื่นพลังงานอย่างเต็มที่ ได้กลิ่นอายพลังแปลกๆ
ทว่าสุดท้ายมังกรคลั่งอัสนีม่วงก็ไม่ได้อะไรเลย
ถึงอย่างไรถ้าพูดถึงความสามารถในการอำพรางพลัง ถ้าเสิ่นเทียนบอกว่าเป็นที่สองจะไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง
หลังจากโคจรคัมภีร์คบเพลิงแล้ว เสิ่นเทียนก็เก็บพลังทั้งหมดรอบตัวเข้าไป ไม่เผยพิรุธออกมาแม้แต่น้อย
ผนวกกับบุปผาฟากฝั่งที่ได้มาในเร็วๆ นี้ ทำให้มีความสามารถในการเปลี่ยนความจริงเป็นมายา หนีเข้าไปในมิติได้
ขอแค่เสิ่นเทียนขายผ้าเอาหน้ารอด ซ่อนอยู่ใต้ดินไป แม้แต่ผู้อริยะก็ยังหาเขาพบได้ยาก
……
สุดท้าย เสิ่นเทียนก็ออกจากที่เกิดเหตุขณะที่มังกรคลั่งอัสนีม่วงกำลังบ้าคลั่งด้วยความสิ้นหวัง
เขาไม่คิดว่าตนเก็บผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเก้าผลมาแล้วจะผิดศีลธรรมอะไร
เพราะกฎการอยู่รอดในเกาะมังกรนี้ก็คือปลาใหญ่กินปลาเล็ก มังกรคลั่งอัสนีม่วงก็เคยล่าสัตว์แปลกอื่นมาเป็นอาหารบ่อยๆ
เสิ่นเทียนไม่ได้อาศัยจังหวะที่มังกรคลั่งอัสนีม่วงออกไป ห่อไข่มังกรในรังมันไปด้วยก็ถือว่ามีศีลธรรมอันดีงามแล้ว
อืม หลักๆ เป็นเพราะเจ้าหนูเอ๋าอูนั่นเป็นมังกรด้วย คงจะส่งผลไม่ค่อยดีนัก
บนทุ่งหญ้าสีเขียวค่อยๆ เปล่งแสงสีมรกตขึ้น ก่อนร่างเหยียดตรงร่างหนึ่งจะลอยขึ้นมาช้าๆ
เขาสวมเกราะสายฟ้ามังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่ง ทั่วร่างพันด้วยเถาวัลย์สีเขียว ดูแล้วเหมือนกับเทพแห่งทุ่งกว้าง
“เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของสหายฉีสุดยอดจริงๆ ครั้งนี้เราได้กำไรมาอย่างงามเลย”
เสิ่นเทียนยิ้มพลางหยิบผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเก้าผลออกมาจากแหวนเวหา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในนี้มีผลศักดิ์สิทธิ์เก้าผล เราสามคนมาแบ่งเท่าๆ กันเถอะ!”
ฉีเซ่าเสวียยนรีบส่ายหน้า “แซ่ฉีเพียงแค่ตรวจสอบผลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่สหายเสิ่นเสี่ยงชีวิตเข้าไปชิงผลศักดิ์สิทธิ์ จะไปเอาเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไร”
เอ๋าอูทำปากจู๋ ก่อนพูดอย่างจำใจ “ไม่ต้องมองข้า ข้าไม่ได้ออกแรงเลย ไม่ต้องรวมข้าไปด้วย พี่เสิ่นเทียนแบ่งกับพี่เซ่าเสวียนเถอะ! ข้าขอเกาะพี่เซ่าเสวียนก็พอ”
ฉีเซ่าเสวียนงุนงง
งดงาม~
ตอนประจบติดตามพี่เสิ่นเทียนรึ พอจะแบ่งผลประโยชน์กลับจะมา ‘เกาะพี่เซ่าเสวียน’
เจ้านี่มันฉลาดจริงๆ~
ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยความคับอกคับใจ “เอาอย่างนี้แล้วกัน! สหายเสิ่น ข้าจะแบ่งกับเสี่ยวอูไปสามผล หกผลที่เหลือเจ้าเอาไป”
แม้เขาจะไม่ใช่ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ก็รู้ว่าผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเป็นผลศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็มีตำราโอสถในการหลอมผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเช่นกัน แต่หากจะใช้มูลค่าของผลศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ได้ถึงจุดสูงสุดที่แท้จริง เกรงว่าคงต้องติดต่อไปหาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
มิหนำซ้ำ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้บุตรกิเลนอย่างสหายเสิ่นไป จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นปกครองดินแดนบูรพาแน่นอนอยู่แล้ว
แม้ฉีเซ่าเสวียนจะยกยอตัวเองว่า ‘ไร้พ่ายใต้ฟ้า’ แต่ก็ต้องคิดเพื่ออนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์ตนด้วย
เทพสวรรค์และเคหาสน์ม่วงปะทะกันอย่างลับๆ มาหลายปี ถึงเวลาต้องหยุดแล้ว
มิตรภาพของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ให้เริ่มจากแซ่ฉีและสหายเสิ่นแล้วกัน!
…….
เดิมทีเสิ่นเทียนอยากจะบอกปัดอีก แต่ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูแน่วแน่มาก
ด้วยความจำใจ เขาเลยได้แต่รับผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงไว้หกผล ขณะเดียวกันก็แอบถอนหายใจที่สหายสองคนนี้มีคุณธรรมสูง
ใครว่าโลกบำเพ็ญเซียนเห็นผลประโยชน์เป็นใหญ่กัน
เหตุใดแซ่เสิ่นเจอโอรสสวรรค์แต่ละคนถึงมองโชคลิขิตเป็นเหมือนฝุ่นละออง อยู่ต่อหน้าสมบัติยังไม่เปลี่ยนปณิธานแรกสุด
น่าละอายใจ แซ่เสิ่นมีคุณธรรมและความสามารถระดับใดกัน ถึงได้ผูกมิตรกับสหายที่ให้ความสำคัญกับน้ำใจและความยุติธรรมมากมายเช่นนี้!
สามคนจัดการกันง่ายๆ ครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็คอยมองไปรอบๆ ว่าหลังจากสมบัติของมังกรคลั่งอัสนีม่วงถูกขโมยไปแล้ว เผ่ามังกรอื่นจะมาช่วยหรือไม่
ความจริงพิสูจน์แล้ว เผ่าย่าหลงเกาะมังกรแห่งนี้เหมือนจะไม่สามัคคีกัน มังกรคลั่งอัสนีม่วงเป็นบ้าในบ้านตัวเอง กลับไม่มีมังกรมาสนใจ
นอกจากเหล่าสัตว์แปลกอ่อนแอพวกนั้นในเขตปกครองของมังกรคลั่งอัสนีม่วงที่จะตัวสั่นงันงกแล้ว เผ่ามังกรแข็งแกร่งตัวอื่นเหมือนไม่ได้ยินเลย
กระทั่งยังมีเผ่าย่าหลงที่ดูไม่ถูกกับมังกรคลั่งอัสนีม่วง ตอนนี้รู้สึกว่ามังกรคลั่งอัสนีม่วงกำลังโกรธ ยังแอบหัวเราะ
อืม เห็นเจ้าอนาถเช่นนี้ ข้ามีความสุขจริงๆ แม้แต่มื้อกลางวันยังกินได้มากกว่าเดิมหลายสิบตัน!
เพียงแต่เผ่าย่าหลงพวกนั้นไม่นึกเลยว่าพวกมันจะดีใจเร็วไป
หนึ่งชั่วยามต่อมา เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนกำหนดเป้าหมายอื่นและเริ่มสงครามกองโจรของพวกเขาอีกรอบ
ขณะที่มังกรเถื่อนวัชระบางตัวกำลังออกไปล่าเหยื่อ ว่านกระจกวัชระอายุพันปีหลายร้อยต้นในบ้าน แม้แต่แผ่นปูหญ้ายังถูกม้วนเอาไปด้วย
นั่นคือโอสถล้ำค่าสูงสุดที่ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารใช้ขัดเกลากายและจิตวิญญาณ เหมาะกับระดับกายทองโดยเฉพาะ
ถ้าหลอมว่านชนิดนี้เป็นโอสถ เม็ดเดียวทำเพิ่มระดับความแกร่งของร่างกายอย่างมาก
สำหรับผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารแล้ว มีมูลค่าประเมินไม่ได้!
มังกรอริยะทองคำบางตัวออกไปรับลมไม่กี่นาที รังมังกรในเหมือง ‘ทองคำวิญญาณแสงสว่าง’ ถูกบุก รังมังกรที่หลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณแสงสว่างถูกยกเอาไป
มังกรอริยะทองคำต้องใช้เวลาหลายพันปี ขยันขันแข็งหลอมจากในเหมืองทองวิญญาณแสงสว่างจนออกมาเป็นทองคำวิญญาณแสงสว่าง
แม้คุณภาพจะเทียบกับทองคำเซียนพวกนั้นในรายนามสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินไม่ได้ แต่ก็มีดีที่จำนวนมาก!
ต้องรู้ว่ามังกรอริยะทองคำมีความยาวเกือบร้อยจั้ง รังของมันอย่างไรก็ต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยจั้ง
นั่นคือทองคำวิญญาณเท่าไร
จำนวนขนาดนี้ มากพอจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์มากมายหายใจติดขัด
หากวางไว้ในดินแดนบูรพาหรือดินแดนกลาง ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังเก็บรักษาเหมืองล้ำค่าเช่นนี้ไว้ไม่ได้
และต้องเป็นดินแดนรกร้างอย่างเกาะมังกรเช่นนี้ถึงจะเกิดการกระทำล้างผลาญครอบครัวอย่าง ‘ทำเสียของดี’ เอาทองคำวิญญาณแสงสว่างมาหลอมเป็นรังมังกรเช่นนี้
……
สารภาพตามตรง ฉีเซ่าเสวียนไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะเอาเจ้านี่ไปได้
ถึงอย่างไรแม้มังกรอริยะทองคำจะไม่รู้จักการหลอมสร้าง แต่แค่น้ำหนักของรังทองคำวิญญาณแสงสว่างร้อยจั้งนี้ ก็มากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หวาดกลัวแล้ว
มิหนำซ้ำ รังทองคำวิญญาณแสงสว่างนี่ยังเชื่อมกับเหมืองทองคำวิญญาณ ยากจะแยกออกได้
หากเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนอื่น คงยากจะทำวีรกรรมชิงรังจากปากมังกรเช่นนี้ได้สำเร็จ
แต่เสิ่นเทียนทำได้ เขาใช้หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาตัดรังมังกรร้อยจั้งนั้นมาด้วยฝ่ามือเดียว
ทองคำวิญญาณที่แทบจะไม่มีอะไรทำลายได้ อ่อนแอเหมือนเศษเต้าหู้เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน ต้านการขนย้ายของเขาไม่ได้เลย
ตอนที่มังกรอริยะทองคำกลับมาด้วยความโกรธ ก็เห็นเสิ่นเทียนยัดรังมังกรชิ้นสุดท้ายเข้าไปในแหวนเก็บของ จากนั้นหายไปกลางหน้าผา
ตอนที่เห็นภาพนี้ ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูมองหน้ากัน ต่างยอมเสิ่นเทียนจากใจจริงแล้ว
ล่วงเกินไม่ได้ จะล่วงเกินสหายท่านนี้ไม่ได้จริงๆ
ไม่ใช่แค่ไร้พ่ายในการต่อสู้ซึ่งหน้ากับระดับเดียวกันเท่านั้น แต่ยังข้ามขั้นทุบตีอีกฝ่ายจนเหมือนกับหลานชาย
และที่สำคัญที่สุดคือถ้าเจ้านี่คิดจะเล่นงานใคร ก็ไม่มีปัญหาเลยจริงๆ
หากล่วงเกินเจ้านี่ เขาก็ไม่ต้องต่อสู้
แค่ไม่กี่วันก็ไปย้ายของที่สำนักพวกเจ้า ไม่นานทั้งสำนักเจ้าจะเหลือแต่ความว่างเปล่า อีกทั้งเสิ่นเทียนยังอำพรางพลังได้อย่างสมบูรณ์ ขอแค่เขาเนียนพอ แม้แต่ผู้อริยะยังยากจะพบตัวเขา
สู้ได้แพ้ได้ รักษาชีวิตได้ และยังซ่อนตัวถอยออกมาได้ คนเช่นนี้เป็นได้เพียงสหาย
เพราะหากเป็นศัตรู จะทำให้เจ้าต้องฝันร้ายทุกวันแน่นอน
……
ต่อมา ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูก็สุขุมขึ้นมาก
เหตุผลง่ายมาก เพราะตอนนี้ทั้งเกาะมังกรดำกำลังปั่นป่วน
เผ่าย่าหลงแข็งแกร่งมากมายเหมือนกับเป็นบ้า ค้นหากลิ่นอายพลังของผู้บุกรุกกันอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาไม่ได้มีความสามารถอำพรางพลังบ้าเท่าเสิ่นเทียน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงได้แต่ตัวสั่นอยู่ในถ้ำ
ถ้าออกจากถ้ำจะพ้นจากการคุ้มกันของค่ายกลอำพรางพลัง ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูสงสัยมากกว่าตนกำลังเป็นแพะแทนเสิ่นเทียนอยู่
อืม จากนั้นถูกมังกรยักษ์เกรี้ยวกราดฝูงหนึ่งฉีก
เสิ่นเทียนไม่มีความกังวลใดๆ ยังคงสำรวจเกาะนี้อย่างขันแข็งทุกวัน
ถึงอย่างไรศักยภาพของมังกรยักษ์ฉุนเฉียวพวกนั้นก็อยู่เพียงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์เท่านั้น ถ้าสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งก็อาจจะกดดันเสิ่นเทียนไม่ได้จริงๆ
ต่อให้สู้ไม่ไหว อย่างมากก็ใช้วิชาคุนเผิงหนี ต่อให้เป็นมังกรปีกเทพวายุก็อาจจะตามไม่ทัน
อย่างแย่ก็ดำลงไปใต้ดินซ่อนพลังขายผ้าเอาหน้ารอดไป
ถึงอย่างไรขอแค่มีไพ่ตายเยอะ ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่ถึงกับตาย
สิ่งเดียวที่ทำให้เสิ่นเทียนเสียดายคือฉีเซ่าเสวียนไม่กล้าออกหน้าอีก ทำให้ประสิทธิภาพในการหาสมบัติน้อยลงไปมาก ได้แต่อาศัยดวงชะตาของตนสำรวจโชคลิขิตบนเกาะ แม้จะได้มาไม่น้อย แต่ก็พอถูๆ ไถๆ ไปได้
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็มีแค่วงรัศมีสีแดงจุดทอง ในด้านดวงชะตายังด้อยกว่าผักกุยช่ายพวกนั้นเล็กน้อย
‘ช่างเถอะ มีก็ดีกว่าไม่มี สำรวจก่อนแล้วกัน! สู้ๆ เสิ่นเทียน ชีวิตอันสวยงามต้องบุกฝ่าด้วยสองมือตัวเอง สู้ๆ!’
เสิ่นเทียนให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ ก่อนจะอำพรางกลิ่นอายพลังต่อและบุกไปทุกที่ในเกาะมังกร
กรรซ~
โฮก~
บรู้ว~
ตอนนี้เองพลันมีเสียงร้องมังกรดังด้วยความโกรธมาจากรอบทิศ
เสิ่นเทียนเงยหน้าขึ้นช้าๆ พบว่ามีมังกรบินยักษ์หลายตัวบินมามืดฟ้ามัวดินกลางท้องฟ้าไม่ไกล
ในนั้นมีหลายตัวสีเขียว ขณะขยับปีกยังเกิดพายุหมุนเฉือนมวลอากาศ
และยังมีหลายตัวเป็นสีทอง ดูสูงศักดิ์อย่างยิ่ง
เป็นมังกรปีกเทพวายุกับมังกรอริยะทองคำ อีกทั้งไม่ได้มาแค่ตัวเดียว!
ไม่ใช่แค่นั้น แผ่นดินสั่นสะเทือนเช่นกัน ต้นไม้ยักษ์โคลงเคลง แม่น้ำภูเขาพังทลาย มังกรยักษ์สูงร้อยจั้งหลายตัวพุ่งเข้ามา
พวกมันบางตัวพ่นเปลวไฟ บางตัวมีสายฟ้าล้อมรอบ บางตัวทั่วร่างแวววาวราวกับเพรช มองทีแรกก็รู้ว่ามีพลังป้องกันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่ามังกรยักษ์พวกนี้ล่วงเกินไม่ได้เลยสักตัว!
……
หรือข้าจะถูกพบแล้ว
เสิ่นเทียนหัวใจบีบรัดตัว แต่ก็ไม่น่าจะใช่!
ข้าอำพรางพลังไว้ทั้งหมดแล้วเห็นๆ ทั้งยังไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตเสียงดัง
อืม สรุปคือระวังมาก
เสิ่นเทียนเปล่งแสงสีเขียวอ่อนๆ มาทั้งตัว ร่างจมลงใต้ดินช้าๆ โผล่มาเพียงศีรษะ
หากพบว่ามีอะไรผิดปกติเขาจะมุดลงใต้ดินได้ในทันที จากนั้นหนีไปพันลี้
ต่อให้มังกรพวกนั้นจะแก้วิชาอำพรางพลังของข้าได้จริงๆ ก็อย่าคิดจับข้า!
ขณะระแวงอยู่ในใจ ทันใดนั้นเสิ่นเทียนหูกระดิกเล็กน้อย เหมือนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเผ่ามนุษย์คนอื่น
“บ้าจริง ไอ้เดรัจฉานพวกนี้จะตามข้ามาเพื่ออะไรกัน ข้าแค่ไปถิ่นมังกรคลั่งอัสนีม่วง เก็บเถาวัลย์มาต้นเดียวเอง แค่เถาวัลย์อายุพันปีต้นเดียวเท่านั้น เจ้าถึงกับต้องล่าสังหารข้าหลายวันหลายคืนไม่พักเลยรึ
แค่ตัวเดียวยังไม่พอ ยังมากันเรื่อยๆ อีก เผ่ามังกรพวกเจ้าสามัคคีกันเช่นนี้เชียวรึ แค่เถาวัลย์ต้นเดียว คืนให้พวกเจ้าจะยอมจบหรือไม่
ข้าคืนเถาวัลย์ให้พวกเจ้าแล้ว ไฉนยังตามข้ามาอีกล่ะ! คิดว่าข้าจะกลัวเดรัจฉานอย่างพวกเจ้าจริงๆ รึ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอายุสั้น ข้าจะสับพวกเจ้าให้ตาย! พวกเจ้าอย่าบังคับข้าจะดีกว่า! ถ้าข้าระเบิดพลังขึ้นมา แม้แต่ข้ายังกลัวตัวเองเลย!
โอ้ มีใครอยู่หรือไม่ ช่วยด้วย อย่ามาเผาก้นข้านะ!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานก็ปรากฏร่างเงาสีขาวคนหนึ่งตรงหน้าเสิ่นเทียน
นี่คือบุรุษหน้าตาหล่อเหลาอาภรณ์ขาวดั่งหิมะ ใบหน้าไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียน ถือว่าเป็นบุรุษรูปงาม แต่ที่แปลกคือบุรุษรูปงามคนนี้มีขอบตาดำมาก
อืม ไม่ใช่ดำธรรมดา
หมีแพนดาอยู่ตรงหน้าเขา ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลย
อีกทั้งข้างหลังบุรุษชุดคลุมขาวยังมีมังกรยักษ์น่ากลัวตามมาหลายสิบตัว ศักยภาพเหนือกว่าระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์
พวกมันบ้างใช้ปีกโจมตี บ้างใช้ปากพ่นกระสุนน่ากลัวใส่บุรุษ
เปลวไฟ ระเบิดน้ำแข็ง พายุหมุน สายฟ้า แสงรุ่งอรุณ…
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเสิ่นเทียนกำลังดูหนังฮอลลีวูดแบบ4D อยู่
และบุรุษที่ถูกมังกรยักษ์ล่าสังหารคนนี้ ถึงจะดูอ่อนแอ แต่ความสามารถในการหนีของเขาทำให้เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย
……
บุรุษขอบตาดำนี่ดูอยู่ในสภาพจนตรอกนิดๆ แต่มั่นคงมากมาตลอด
เขาหนีเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าเคยฝึกวิชาการหลบหนีระดับสูงมาก เทียบเท่ากับมังกรปีกเทพวายุเลย
พึงรู้ไว้ว่ามังกรปีกเทพวายุเป็นสัตว์ประหลาดที่ควบคุมกฎเกณฑ์ธาตุลมได้ ต่อให้อยู่ในมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ยังเป็นราชาด้านความเร็ว
บุรุษคนนี้ดูมีกำลังวังชาเลื่อนลอย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งทุบแก่นเป็นดรุณมาไม่นาน ยังไม่ใช่ระดับจุดสูงสุด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังรักษาชีวิตไว้ภายใต้การล่าสังหารของมังกรปีกเทพวายุได้
พูดได้ว่าในโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ทั้งหมดที่เสิ่นเทียนเคยพบมา นอกจากตนแล้ว เจ้านี่หนีตายเร็วที่สุด และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้านี่เหมือนจะชำนาญวิชาคล้ายๆ มิติอย่างมาก
ทุกครั้งที่การโจมตีของมังกรยักษ์พวกนั้นจะโดนเขา ร่างเขาจะกลายเป็นอากาศธาตุไปในทันที เหมือนหนีเข้าไปในมิติ
เพียงแต่เสิ่นเทียนเห็นชัดเจนเลยว่าทุกครั้งที่เจ้านี่เปลี่ยนร่างไปอยู่ในสภาพอากาศธาตุ จะดูเหนื่อยมาก
ไม่ใช่แค่หอบหายใจไม่หยุด ยังกรอกโอสถใส่ปากสุดชีวิต อีกทั้งขอบตาดำนั้น…เหมือนจะดำขึ้นกว่าเดิมอีก
……
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ดึงดูดความสนใจเสิ่นเทียนมากที่สุดคือศีรษะเขา
ศีรษะเจ้านี่มีวงรัศมีสีม่วงอมทองลอยอยู่ เหมือนจะไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียน
และที่สำคัญกว่านั้นคือบนวงรัศมีกำลังฉายภาพโชคลิขิต อีกทั้งเนื้อหาในภาพโชคลิขิตยังทำให้เสิ่นเทียนใจสั่นไหวอย่างยิ่งยวด
เสิ่นเทียนพลันตัดสินใจได้แล้ว
ด้วยจิตใจด้านมนุษยธรรม เขาจึงจะช่วยสหายคนนี้!
……………………