บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า
บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า
มหาจักรพรรดิอมตะเป็นผู้พิสูจน์มรรคเมื่อแสนปีก่อน เป็นบรรพบุรุษของเผ่าเต่าดำทะเลอุดร
ในมหาจักรพรรดิทั้งหมดของห้าดินแดน มหาจักรพรรดิอมตะเก็บตัวอยู่เงียบที่สุด มีความรู้สึกคงอยู่ต่ำมาก
ต่ำจนถึงระดับใด
ตอนที่เจ้านี่พิสูจน์มรรคเป็นจักรพรรดิ ก็ไม่ได้ประกาศต่อห้าดินแดน ไม่จัดกระทั่ง ‘งานเลี้ยงจักรพรรดิ’
เขาไปหาเกาะเล็กในทะเลอุดรตามอำเภอใจ สัปหงกห้าร้อยปีอย่างมีความสุข ตอนที่ฉลองการพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นจักรพรรดิ เผ่าอสูรทั้งทะเลอุดรต่างงุนงง
ถึงอย่างไรก็มีความคิดจะประจบก้นจักรพรรดิไว้มากมาย ปรากฏว่าเขากลับไม่ปรากฏตัวขึ้น
นี่จะไปหาเหตุผลจากใครได้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่ามหาจักรพรรดิอมตะอ่อนแอ ในทางตรงข้าม มหาจักรพรรดิอมตะมีกำลังรบแข็งแกร่งมาก
เขามีสายเลือดเต่าดำถึงจุดสูงสุดของเผ่าเต่าดำ มีพรสวรรค์ด้านการป้องกันเป็นหนึ่ง
ต่อให้เป็นระดับมหาจักรพรรดิคนอื่นก็ยากจะทำลายการป้องกันของมหาจักรพรรดิอมตะและทำให้เขาบาดเจ็บได้
หากมีแค่การป้องกันแข็งแกร่งคงไม่เท่าไร ถึงอย่างไรก็ได้แต่ถูกทุบตี
แต่การโจมตีของมหาจักรพรรดิอมตะก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งเช่นกัน มือถือกระบี่ชีวิตนิรันดร์แหลมคมอย่างยิ่ง แม้แต่มหาจักรพรรดิคนอื่นในยุคเดียวกันยังหวาดกลัวมาก
เพราะวิชากระบี่นี้พัวพันไปถึง ‘กฎเกณฑ์ชีวิต’ อย่างลึกล้ำยิ่ง สามารถใช้อายุขัยตัวเองเป็นราคาต้องจ่าย ตัดอายุขัยของอีกฝ่ายไปได้สองเท่า
หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่ามหาจักรพรรดิอมตะเผาอายุขัยหมื่นปีก็ตัดอายุขัยของศัตรูไปได้สองหมื่นปี สังหารศัตรูหนึ่งพันทำลายตัวเองไปห้าร้อย
ต้องรู้ว่ามหาจักรพรรดิอมตะคือเต่าดำ!
โลกนี้จะมีสิ่งมีชีวิตใดสามารถตัดอายุขัยเทียบกับเต่าดำได้ มหาจักรพรรดิก็ไม่ได้เช่นกัน!
อย่ามองว่าปกติมหาจักรพรรดิอมตะจะไม่โผล่มาในทะเลอุดร ถ้าทำเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็ตามไปสับมหาจักรพรรดิคนอื่นได้
มิหนำซ้ำในพงศาวดารบอกว่าช่วงวัยชราใกล้สิ้นอายุขัยของมหาจักรพรรดิฉางนั้น ยังมีความมุทะลุยิ่งกว่าตอนหนุ่มอีก ใช้อายุขัยได้มากกว่า
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาหลายพันปีปิดด่านบำเพ็ญ ในที่สุดก็สร้างวิชาลับสะท้านโลกขึ้นมา คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์
วิชาลับนี้เพิ่มกำลังรบไม่ได้ แต่มีความสามารถที่โกงมาก นั่นคือนำอายุขัยที่ผู้ฝึกบำเพ็ญเสียไปอย่างผิดธรรมชาติกลับมา
อะไรคืออายุขัยที่เสียไปอย่างผิดธรรมชาติ
ง่ายมาก มนุษย์ธรรมดามีอายุขัยแปดสิบปี อยู่ถึงแปดสิบปีก็ตายลง นี่คืออายุขัยที่เสียไปตามธรรมชาติ
แล้วอะไรคืออายุขัยที่เสียไปอย่างผิดธรรมชาติ อย่างเช่นผู้ฝึกบำเพ็ญดวงจิตดรุณปกติมีอายุขัยราวๆ พันปี ปกติถ้าเจ้าไม่รนหาที่ตายก็มีชีวิตถึงพันปีได้ แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญส่วนมากชอบรนหาที่ตาย ฝึกวิชาเผาอายุขัย
ผู้ฝึกบำเพ็ญบางคนมีพรสวรรค์ธรรมดา การฝึกบำเพ็ญปกติจะฝึกได้ถึงแค่ระดับแก่นพลังทอง ดังนั้นจึงฝึกวิชาต้องห้ามทะลวงระดับดวงจิตดรุณ
การฝึกวิชาต้องห้ามเสียอายุขัยไปสองร้อยปี เช่นนั้นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณคนนี้ก็มีจะอายุขัยเพียงแปดร้อยปี
อีกประเภทคล้ายๆ กับหวังเสินซวี ฝึกวิชาต่อสู้ที่ใช้อายุขัยแลกมาเป็นพลังโจมตี
อายุขัยที่เสียไปเช่นนี้ ว่ากันตามจริงคือต้นกำเนิดชีวิต หากใช้โอสถวิญญาณระดับสูงสุดมากพอ ก็จะเติมเต็มอายุขัยกลับมาได้
แน่นอน ไม่ว่าโอสถวิญญาณใดล้วนมีการดื้อยา หากใช้ถี่ๆ ประสิทธิภาพจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
นี่ก็คือสาเหตุที่แม้หวังเสินซวีจะพึ่งพาแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาแต่ก็ยังไม่กล้าเผาอายุขัยสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงอย่างไรก็เติมพลังต้นกำเนิดยาก
หากใช้คัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาถี่เกินไป มาถึงช่วงหลัง โอสถวิญญาณพันปีก็อาจจะเติมอายุขัยได้ไม่กี่ปี นี่เป็นอะไรที่น่าอับอายมาก
……
แต่คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ไม่เหมือนกัน นี่คือวิชาที่มหาจักรพรรดิอมตะตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อตัวเอง ลี้ลับยิ่ง
มันจะใช้วิธีการพิเศษเปลี่ยนพลังวิญญาณธรรมดาให้เป็นพลังต้นกำเนิดชีวิตของผู้ฝึกบำเพ็ญได้ เมื่อใช้วิชาลับนี้ จะเติมต้นกำเนิดชีวิตที่เสียไปกลับมาได้ ดังนั้นแล้วอายุขัยที่เสียไปก็ย่อมกลับมา
แน่นอน วิชาลับนี้ทำได้แค่เติมอายุขัย แต่ทะลวงขีดจำกัดของกฎสวรรค์ไม่ได้
อย่างเช่นเดิมทีเจ้ามีอายุขัยเพียงพันปี มีชีวิตเกินพันปีแล้ว เช่นนั้นก็จะเพิ่มไม่ได้อีก
สรุป วิชานี้แทบจะสร้างขึ้นมาเพื่อหวังเสินซวี
เพราะกายเทพท้องนภาของเจ้านี่ผนวกกับคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา คือการออกกระบวนท่าสังหารตัดอายุขัยเหมือนกับมหาจักรพรรดิอมตะออกกระบี่ชีวิตนิรันดร์
อายุขัยที่ระเบิดตับเสียไปพวกนั้น ตามทฤษฎีแล้วจะใช้คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ฟื้นกลับมาได้
ไม่นึกเลยว่าแซ่หวังจะเจอคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ในตำนานที่นี่
และทุกอย่างนี้ สหายเสิ่นเป็นคนมอบให้แซ่หวัง!
หวังเสินซวีกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา ขอบตาดำชุ่มไปด้วยน้ำตา ดูแล้วซาบซึ้งใจมาก “สหายเสิ่น สหายเสิ่น บะ…บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจเอ่ยขอบคุณทดแทนได้! ภายภาคหน้าหากสหายเสิ่นมีอะไรจะใช้แซ่หวัง ขอแค่เอ่ยปาก แซ่หวังจะขึ้นภูเขาดาบลงทะเลเพลิง ถึงตายก็ไม่ปฏิเสธ!”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ วงรัศมีเหนือศีรษะหวังเสินซวีก็ส่องแสงสว่างขึ้น ลายสีม่วงแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ทางด้านวงรัศมีของฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูก็ส่องแสงสว่างขึ้นเช่นกัน เพียงแต่เทียบกับหวังเสินซวีแล้วขึ้นมาน้อยกว่านิดเดียว
“สหายหวังทำเป็นคนอื่นคนไกลไป พวกเราคือบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินบูรพา ก็ควรจะปรองดองฉันมิตรกันไว้ ดูแลซึ่งกันและกันไป มาพยายามสร้างดินแดนบูรพาใหม่ที่กลมเกลียวและดีงามขึ้นมาด้วยกันเถอะ”
เมื่อรู้สึกลอยล่องจะเป็นเซียนทั้งตัวแล้ว เสิ่นเทียนรู้ว่าลายจุดทองเหนือศีรษะตนกำลังเพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกนี้เยี่ยมมากจริงๆ
เขาควักน้ำตาดาวเทพสมุทรสองเม็ดส่งให้หวังเสินซวี “สหายหวังเพิ่มรวมดรุณไม่นาน ดวงจิตดรุณคงยังไม่มั่นคงเอามาก นี่คือน้ำตาดาวเทพสมุทรสมบัติสุดยอดของทะเลอุดร อาจจะมีประโยชน์กับสหายหวัง”
น้ำตาดาวเทพสมุทรรึ
หวังเสินซวีตัวสั่นเล็กน้อย
เขาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
หากบอกว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานคือสมบัติสุดยอดที่เติมเต็มต้นกำเนิดกายเนื้อของผู้ฝึกบำเพ็ญ เช่นนั้นน้ำตาดาวเทพสมุทรก็คือของล้ำค่าที่สุดแห่งยุคที่เติมเต็มพลังจิตวิญญาณของผู้ฝึกบำเพ็ญ
มองไปทั้งทะเลอุดร ในตลาดมีน้ำตาดาวเทพสมุทรแค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น แต่สหายเสิ่นกลับออกมือทีมอบให้แซ่หวังสองเม็ดรึ
ต้องรู้ว่าของมีน้อยราคาแพง มูลค่าของน้ำตาดาวเทพสมุทรสูงกว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงอีก
เจอหน้ากันครั้งแรก สหายเสิ่นก็มอบให้ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิและน้ำตาดาว
นี่ต้องใจกว้างระดับใดกัน
แซ่หวังมีคุณธรรมและความสามารถระดับใดกันถึงได้รับความกรุณาจากสหายเสิ่นเช่นนี้!
ตอนนี้ขอบตาดำของหวังเสินซวีชื้นยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้ารับไว้ไม่ได้! หากแซ่หวังมองไม่ผิด ตอนนี้สหายเสิ่นยังอยู่ระดับแก่นพลังทอง เจ้าเก็บสมบัตินี้ไว้ใช้เองเถอะ!”
เสิ่นเทียนยิ้ม “ไม่เป็นไร น้ำตาดาวเทพสมุทรเช่นนี้ แซ่เสิ่นยังมีอีกสองร้อยเม็ด สหายหวังใช้ได้เลย ไม่พอมาขอข้าเพิ่มอีกได้”
หวังเสินซวีตกใจระคนงุนงง
อะไรนะ~
น้ำตาดาวเทพสมุทรสองร้อยเม็ดรึ
ช่วงนี้ไม่ได้ดื่มชาห้าสิ่งเลอค่าจนหูแว่วไปแล้วรึ
ฉีเซ่าเสวียนด้านข้างชำเลืองตามองหวังเสินซวี ก่อนทำเสียงขึ้นจมูก “กบในกะลา แค่น้ำตาดาวเทพสมุทรสองเม็ดก็ตกใจเช่นนี้แล้ว”
เอ๋าอูยิ้ม “พี่เซิ่นซวี[1]ไม่ต้องเกรงใจเลย พี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เขาพาเราไปหาน้ำตาดาวเทพสมุทรบนเกาะมาเยอะมาก สมบัติเช่นนี้ พวกมีกันเยอะมากเลย”
ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก
อะไรคือพี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง เช่นนั้นใครคือบุตรแห่งโชคปลอมล่ะ
หวังเสินซวีเงียบไป
ข้าชื่อหวังเสินซวี อะไรคือพี่เซิ่นซวี!
อีกทั้งพวกเจ้ายังมีเจ้านี่กันเยอะมากเลยหรือ
โม้แล้วกระมัง!
……
หวังเสินซวีรับน้ำตาดาวเทพสมุทรมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะนำน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งใส่ปากไปอย่างระมัดระวัง
โคจรวิชาหลอมรวมน้ำตาดาว ทันใดนั้นหวังเสินซวีพลันเปล่งแสงสีฟ้าใสออกมาทั้งตัว ดูแปลกและมหัศจรรย์มาก
“อาศัยจังหวะนี้ตระหนักวิชาลับนี่เถอะ!”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยและนำน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งออกมากิน
แม้หลังใช้น้ำตาดาวเทพสมุทรไปหลายเม็ดแล้ว ประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังจิตจะลดน้อยลง
แต่หากใช้มันตอนตระหนักวิชา นั่นคืออาหารเสริมชั้นเลิศ
กินมันไปแล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการตระหนักรู้หลายเท่า
หากอยู่นอกเขตทะเลเบิกฟ้า คงไม่มีใครทำใจใช้สมบัติสุดยอดเช่นนี้มาเป็นอาหารเสริมตระหนักรู้วิชาได้
แต่สำหรับพวกเสิ่นเทียน การเสียเวลาตระหนักคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์สำคัญกว่าน้ำตาดาวเม็ดสองเม็ด ถึงอย่างไรในสถานการณ์ปกติ การจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิให้สำเร็จในขั้นต้น ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนไปจนถึงครึ่งปี
แต่ตอนนี้พวกเสิ่นเทียนไม่มีเวลา ต้องรีบตระหนักวิชาลับนี้แล้วกลับไปหาโชคลิขิตต่อ!
ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูมองหน้ากัน ก่อนจะนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาจากถุงเก็บของและกินลงไป
ท่าทีดูไม่สนใจนั้น ทำให้หวังเสินซวีถึงกับมุมปากกระตุก
หรือว่าจะไม่ได้โม้กัน เจ้าพวกนี้มีน้ำตาดาวเทพสมุทรอยู่เยอะมากจริงๆ
สมบัติสุดยอดอย่างน้ำตาดาวเทพสมุทรกลายเป็นผักกาดขาวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ภาพหลอน จะต้องเป็นภาพหลอนแน่!
………
หวังเสินซวีกดความตกตะลึงในใจลง ก่อนเดินมาหาที่ว่างหน้าศิลาหินอมตะและนั่งลง
เขาสงบความคิดในใจลง เพ่งสมาธิทั้งหมดไปรวมที่ศิลาหินอมตะก่อนเริ่มตระหนักวิชาลับอย่างแน่วแน่
สารภาพตามตรง คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ของมหาจักรพรรดิอมตะนี่ ถึงจะเป็นเพียงวิชาลับส่วนหนึ่งของคัมภีร์จักรพรรดิชีวิตนิรันดร์ แต่ก็ลี้ลับมาก
เพราะนี่คือสุดยอดวิชาก้นหีบที่มหาจักรพรรดิอมตะตระหนักขึ้นในวัยชรา ความสำคัญแทบจะเทียบเท่ากับบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิ
หากเป็นคนที่มีคุณสมบัติและการตระหนักรู้ที่อ่อนแอ บางทีอาจจะตระหนักไม่ได้แม้แต่ผิวเผินด้วยซ้ำ
แน่นอน คุณสมบัติและการตระหนักรู้ของหวังเสินซวีไม่ด้อยเลย
และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเปราะบางจริงๆ จึงมีความคิดยึดมั่นในวิชานี้อย่างแรงกล้า
ตอนนี้นั่งขัดสมาธิหน้าศิลาหินอมตะ หวังเสินซวีเพิ่งสมาธิทั้งหมดไปกับอักขระลึกลับบนศิลาหินอมตะ
อักษรโบราณและภาพบนศิลาหายไปช้าๆ แทนที่ด้วยเงามายาเต่าดำมหึมายิ่งตัวหนึ่ง ลอยอยู่ตรงหน้าหวังเสินซวี เต่าดำนั้นกำลังหายใจตามรูปแบบที่ลึกลับมาก
ออก~
เข้า~
ออก~
เข้า~
หลังจากเต่าดำนั่นหายใจไปเรื่อยๆ หวังเสินซวีก็เห็นพลังวิญญาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปในกายมันอย่างบ้าคลั่ง
ร่างเต่าดำโปร่งแสง มองเห็นเส้นสายพลังวิญญาณโคจรและหลอมรวมในกายเต่าดำอย่างชัดเจนมาก
เมื่อพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าไปในกายเต่าดำมากขึ้นเรื่อยๆ หวังเสินซวีก็เห็นชัดเจนว่าพลังต้นกำเนิดของเต่าดำนี่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
หวังเสินซวีรู้สึกถึงความแกร่งขึ้นของพลังต้นกำเนิดนั้นได้อย่างชัดเจนเป็นพิเศษ เพราะอายุขัยที่ว่าก็คือต้นกำเนิดชีวิต!
หากต้นกำเนิดชีวิตแข็งแกร่งมาก ย่อมมีชีวิตไปถึงช่วงถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา
หากต้นกำเนิดชีวิตเสียไปเกินขีดจำกัดก็จะสิ้นชีพลงตั้งแต่ยังเยาว์วัย ผู้มีกายเทพท้องนภาทุกรุ่นก่อนหน้าหวังเสินซวีล้วนเป็นเช่นนี้
“นี่ คือวิชามหัศจรรย์สูงสุดที่แซ่หวังต้องการ!”
หวังเสินซวีเสียงสั่น เขาค่อยๆ โค้งตัวแสดงความเคารพหน้าศิลาหินอมตะ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี ขอขอบคุณที่ท่านมหาจักรพรรดิอมตะถ่ายทอดวิชา”
พูดจบ หวังเสินซวีก็กางแขนขาออก เริ่มเลียนแบบท่าทางของเต่าดำนั่นดูดซับพลังวิญญาณ
ต้องบอกว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา หนึ่งในสุดยอดโอรสสวรรค์ที่อยู่สูงสุดของดินแดนบูรพา หวังเสินซวีมีทักษะการตระหนักรู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลังจากใช้น้ำตาดาวเทพสมุทรแล้ว เพียงครึ่งวันสั้นๆ หวังเสินซวีก็เข้าใจคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ได้ผิวเผิน เริ่มนำมาใช้กับตัวเองแล้ว
ออก~
เข้า~
ออก~
เข้า~
หวังเสินซวีลืมฉีเซ่าเสวียนข้างกายไป ลืมเอ๋าอูข้างกาย ลืม…
อืม ยังไม่ลืมเสิ่นเทียนตอนนี้
เพราะสหายเสิ่นเป็นคนมอบโชคลิขิตนี้ให้ ข้าไม่ใช่คนลืมบุญคุณคนอยู่แล้ว
สรุปได้ว่า ตอนนี้หวังเสินซวีลืมทุกสิ่งอย่าง เข้าไปอยู่ในสภาวะตระหนักมรรคอย่างสมบูรณ์และแน่วแน่ เริ่มฝึกฝนคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์อย่างหนัก
……
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พลังวิญญาณก็มารวมที่ตัวหวังเสินซวีมากขึ้น
พลังวิญญาณพวกนี้ไหลมารวมรอบตัวหวังเสินซวีและหลั่งไหลเข้าไปในตัวเขา หมุนโคจรตามเส้นทางลึกลับบางอย่าง ไม่นานก็ปรากฏจุดแสงลอยขึ้นมาในกายเขา ดูส่องสว่างยิ่ง
จุดแสงพวกนี้กำลังตัดสลับกัน รวมขึ้นเป็นภาพกระดองเต่าช้าๆ ปกคลุมหน้าอกและแผ่นหลังของหวังเสินซวี ตรงมวลอากาศด้านหลังหวังเสินซวียังค่อยๆ เกิดปรากฏการณ์เลือนรางขึ้น
นั่นคือปรากฏการณ์เต่าดำยักษ์ ยาวหลายร้อยจั้ง ขวางสี่ทิศกลางอากาศ
ด้านหน้าปรากฏการณ์เต่าดำนี้เป็นเงามายาเต่าดำขนาดเล็กกว่ามากตัวหนึ่ง กำลังหมอบอยู่หน้าเต่าดำใหญ่อย่างนอบน้อม
ปรากฏการณ์เต่าดำยักษ์ค่อยๆ ยื่นมือขวาออกมา วางตรงศีรษะเต่าดำน้อยเบาๆ ดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม
ทางด้านปรากฏการณ์เต่าดำน้อยก็จริงจังมาก ก้มศีรษะด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนตลอด
เหมือนกับศิษย์ผู้ซื่อสัตย์กำลังขอวิชาจากอาจารย์~
หวังเสินซวียันสองมือและสองเท้ากับพื้น สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยใบหน้ามีความสุข
เพราะเขารู้สึกว่าเมื่อตนเข้าใจคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์มากขึ้น อายุขัยก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ จริงๆ
หลังจากหวังเสินซวีดูดพลังวิญญาณมหาศาลพวกนั้นเข้ามาหลอมรวมแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นต้นกำเนิดชีวิต
หวังเสินซวีรู้สึกว่าร่างกายตนไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นแล้ว
แม้อาจจะมีส่วนมาจากปัจจัยด้านจิตวิทยา แต่อายุขัยกำลังฟื้นฟูนี่คือความจริง
“ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า”
หวังเสินซวีคุกเข่าลงกับพื้นด้วยดวงตาเร่าร้อน ร่างลอยขึ้นลงตามคลื่นพลังวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าหลงใหลในการเรียนรู้มาก
ข้ามเจ้าหวังเสินซวีที่กำลังเรียนรู้อย่างราบรื่นไปก่อน อีกด้านหนึ่งฉีเซ่าเสวียนฝึกฝนอย่างไรก็ดูติดขัดไปหมด
ใช่ เจ้านี่รังเกียจท่าทางการฝึกของคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ น่าเกลียดจริงๆ
บุตรศักดิ์สิทธิ์โอรสสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับต้องมาหมอบบนพื้นเลียนแบบท่าเต่าดำ
‘ดูท่าวิชาลับนี่คงถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับข้า’
ฉีเซ่าเซวียนจนปัญญามาก แม้เขาจะตระหนักมาจากศิลาหินนี้ได้ผิวเผินเช่นกัน แต่สัญชาตญาณกลับต่อต้านวิชานี้
นี่ทำให้ความชำนาญในคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ของฉีเซ่าเสวียนพัฒนาขึ้นช้ากว่าหวังเสินซวีมาก
…….
สิบวันต่อมา หวังเสินซวีลืมตาขึ้นช้าๆ
ต้องบอกว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญแล้ว การปิดด่านบำเพ็ญกินเวลามากจริงๆ
บางครั้งตระหนักวิชาลึกล้ำเล็กน้อยก็อาจจะกินเวลาไปปีครึ่ง
พูดให้เกินจริงกว่านั้นหน่อยก็ตระหนักทีหนึ่งร้อยปี
“ฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์สิบวัน ฟื้นฟูอายุขัยราวสามปี หากชำนาญคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ลึกซึ้งขึ้น ก็น่าจะเร็วกว่านี้”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกายเนื้อตัวเองแล้ว หวังเสินซวีมีความสุขมาก
หันกลับมาเห็นฉีเซ่าเสวียนเหมือนจะตระหนักอะไรไม่ได้ หวังเสินซวีก็มีความสุขยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าคนแซ่ฉีไม่ใช่โอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพาหรอกรึ ไฉนถึงเหม่ออยู่นี่ล่ะ ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยนี่ไม่ไหวเลย!”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเยาะ “แซ่ฉีสู้ไม่ต้องเผาอายุขัยตัวเอง เดิมทีก็ไม่ต้องศึกษาวิชาลับนอกรีตนี่อยู่แล้ว อีกทั้งเจ้าคิดว่าเจ้าตระหนักถึงแก่นแท้จริงๆ แล้วหรือ คลานกับพื้นกระตุกไปมา เหอะๆ อย่างกับตะพาบ!”
ฉีเซ่าเสวียนเพิ่งพูดจบก็เห็นว่าพลังรอบตัวหวังเสินซวีเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
รอบตัวเขาเผาพลังงานสีเงิน ทั่วทั้งร่างเหมือนหลอมรวมกับมวลอากาศ
“เจ้าคนแซ่ฉี เจ้าอยากสู้กับแซ่หวังมาตลอดไม่ใช่รึ เมื่อก่อนข้าไม่มีทางเลือก ตอนนี้ข้าแค่อยาก…ใช้มิติตบหน้าเจ้าให้ตาย!”
……
ตอนนี้หวังเสินซวีคิดว่าตนทะลวงรังไหมเป็นผีเสื้อ ผลัดเปลี่ยนกระดูกแล้ว
เขา จะนำความโอหังของกายเทพท้องนภากลับมาใหม่อีกครั้ง!
จะอัดเจ้าฉีเซ่าเสวียนนี่ให้แบนราบ!
………………………
[1] เซิ่นซวี แปลว่าไตพร่อง