บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 321 สุดทางเซียนใครจะอยู่สูงสุด เมื่อพบเสิ่นเทียนถึงได้สงสัยในชีวิต
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 321 สุดทางเซียนใครจะอยู่สูงสุด เมื่อพบเสิ่นเทียนถึงได้สงสัยในชีวิต
บทที่ 321 สุดทางเซียนใครจะอยู่สูงสุด เมื่อพบเสิ่นเทียนถึงได้สงสัยในชีวิต
ตอนนี้ หวังเสินซวีเข้มแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นผู้มีกายเทพท้องนภา หวังเสินซวีจึงเก็บตัวมานานมาก
เห็นๆ อยู่ว่ามีศักยภาพสูงสุดในรุ่นเยาว์ แต่ยังไม่อาจโอ้อวดต่อหน้าทุกคนได้
ความเจ็บปวดนี้ ความคับอกคับใจนี้ มีใครเข้าใจหวังเสินซวีบ้าง
โอรสสวรรค์คนใดบ้างที่ไม่มีความโอหังของตนเองอยู่ในใจ
โอรสสวรรค์คนใดบ้างที่ยอมถูกคนอื่นกดขี่ ได้แต่เงยหน้ามองโอรสสวรรค์คนอื่นเปล่งประกายแสงหมื่นจั้ง
ไม่มี!
หากไม่ใช่เพราะอายุขัยไม่อนุญาต หวังเสินซวีคงเที่ยวเล่นสร้างเรื่องราวใหญ่โตไปแล้ว
คิดว่าศิษย์น้องหญิงเหมยหลันจู๋จวี๋ทั้งสี่โน้มน้าวให้หวังเสินซวีรับคำท้าสู้ เพียงเพราะพวกนางอยากให้หวังเสินซวีตายหรือ
ไม่ใช่แน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทั้งหมด!
พวกนางเติบโตมากับหวังเสินซวีตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ แทบจะถือว่าเป็นสหายกัน จึงรู้สึกว่าหลายสิบปีมานี้หวังเสินซวีไม่มีความสุขเลย กระทั่งอึดอัดใจมาก
ศิษย์น้องหญิงทั้งสี่โน้มน้าวให้หวังเสินซวีรับคำท้าของฉีเซ่าเสวียน จากในแง่มุมบางอย่าง คือหวังจะให้ศิษย์พี่ได้สู้อย่างถึงอกถึงใจจริงๆ สักครั้ง จากนั้นได้หลุดพ้น
แต่หวังเสินซวีหนีออกจากดินแดนบูรพามาทะเลอุดร หรือว่าแค่เพราะกลัวตายจริงๆ
ไม่ใช่เด็ดขาด ตนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา จะไม่อยากแกร่งกว่าใครจริงๆ หรือ
ที่หวังเสินซวีหนีมาเพราะกลัวว่าตอนเผชิญหน้ากับฉีเซ่าเสวียน…จะอดใจตัดชีวิตสิ้นชีพไปเหมือนอย่างที่ศิษย์น้องหญิงทั้งสี่โน้มน้าวจริงๆ ไม่ได้!
การเลือกจากความรู้สึกกับเหตุผลไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวีอึดอัดใจมานานมาก เหมือนกับกักน้ำป่าไว้หมื่นจั้ง
และตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์มา แรงกดดันด้านอายุขัยพลันคลายออกเก้าส่วน
เงามืด ความคับอกคับใจ ความแค้นและอึดอัดใจที่อัดแน่นอยู่ในใจมาหลายสิบปี ตอนนี้ไหลออกมาเหมือนกับน้ำหลาก
หวังเสินซวี ต้องหาคนมาระบายออก!
……
ตอนนี้ในแดนลับเต่าดำ เสิ่นเทียนมีบุญคุณมอบวิชาและมอบสมบัติให้หวังเสินซวี เรียกได้ว่ามีบุญคุณยิ่งใหญ่ดั่งภูเขา
หวังเสินซวีย่อมไม่มีทางระบายกับเสิ่นเทียน อีกทั้งในใจเขายังมีความละอายใจอยู่นิดๆ ถ้าลงมือกับสหายเสิ่นจริงๆ เกรงว่าตนคงได้สงสัยในชีวิตยิ่งกว่าเดิม
ส่วนเอ๋าอู ดูเหมือนเด็กดื้อ อีกทั้งยังหน้าตาน่ารัก มิหนำซ้ำยังไม่ก้าวสู่ระดับผู้สูงศักดิ์เลย
หากลงมือกับเขาหวังเสินซวีก็รู้สึกขายหน้านิดๆ เหมือนรังแกสหายตัวน้อย
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เหลือเพียงฉีเซ่าเสวียนแล้ว
สารภาพตามตรง หวังเสินซวีไม่ถูกชะตาฉีเซ่าเสวียนมาไม่ใช่แค่วันสองวัน
เป็นโอรสสวรรค์สูงสุดของดินแดนบูรพาเหมือนกัน ถ้าบอกว่าบุตรพุทธะขู่ตัวกับฟางฉางอยู่อันดับสองกับสามในรายนามแก่นพลังทองอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว
เช่นนั้นหวังเสินซวีอยู่อันดับสี่รายนามแก่นพลังทอง ความจริงเขาไม่ยอมรับอยู่ในใจมาตลอด เพราะเขาเชื่อว่าศักยภาพแท้จริงของเขาไม่แพ้ฉีเซ่าเสวียนเลย
เพียงเพราะกายเทพท้องนภาต้องสาป สำแดงคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาต้องลดชีวิต ดังนั้นเขาถึงได้แต่เอาตัวรอดไปวันๆ
ตอนนี้ได้วิธีแก้คำสาปแล้ว หวังเสินซวีคิดว่าเขาก็อยากลองเป็น ‘อันดับหนึ่งใต้ฟ้า’ เช่นกัน!
“คนแซ่ฉี แซ่หวังไม่ถูกชะตาเจ้ามานานมากแล้ว! มา มาสู้กับข้า!”
ท่ามกลางแสงเงินปกคลุมทั่วร่าง ทั้งตัวหวังเสินซวีหลอมรวมเข้ากับมวลอากาศ นี่คือวิชาลับในคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา
หลังจากสำแดงวิชาลับนี้ หวังเสินซวีจะต้านการโจมตีของศัตรูได้มากกว่าเก้าส่วนขึ้นไป ตนแทบจะอยู่ในแดนไร้พ่าย เรียกได้ว่ามีความสามารถระดับตัวโกง
เขามองฉีเซ่าเสวียนไกลๆ สองมือพลันประสานมุทรา “ค่ายกลกระบี่ท้องนภา เปิด!”
เมื่อเกิดหนึ่งความคิด มิติก็ปั่นป่วน
มิติพลันผันผวน พลังแห่งมิติไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นกระบี่เทพหลายเล่มปกคลุมตัวหวังเสินซวีไว้ตรงกลาง
ดวงตาขอบตาดำของเขาเพ่งมอง มุทราในมือพุ่งใส่ฉีเซ่าเสวียนในทันใด ไอกระบี่มิติไร้ที่สิ้นสุดตัดสลับกัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้ไหวรึ”
ฉีเซ่าเสวียนยิ้มเยาะ เขารู้สึกว่าตอนนี้พลังค่ายกลกระบี่ของหวังเสินซวีแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
แต่แล้วอย่างไร
เขาฉีเซ่าเสวียนบุกฝ่าไร้พ่ายในรุ่นเยาว์ดินแดนบูรพา ย่อมมีหัวใจไร้พ่าย
ก็เหมือนที่สหายเสิ่นบอก คนที่เคยถูกเขาฉีเซ่าเสวียนกดขี่ไว้ใต้ล่าง ก็อย่าได้คิดพลิกตัวขึ้นมาเหนือศีรษะเขาได้อีกตลอดกาล
ตำแหน่งอันดับหนึ่งใต้ฟ้านี้ เขาไม่เคยคิดจะยกให้ใครทั้งนั้น!
……..
เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วง!
เนตรสวรรค์สีม่วงตรงระหว่างคิ้วเปิดออกช้าๆ
ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์มองทะลุมิติ ไอกระบี่มิติมากมายพลันเผยออกมา
จุดที่แปลกที่สุดของไอกระบี่มิติคือมันไร้รูปไร้ร่องรอย แทบจะป้องกันไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ประหลาดที่สุด
ทว่าเนตรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนมีความสามารถลึกลับ กลับมองทะลุไอกระบี่มิติพวกนี้ได้ กระทั่งคาดการณ์วงโคจรของไอกระบี่พวกนี้ได้
ง้าวมังกรแปดรกร้าง!
ไอม่วงไร้ที่สิ้นสุดข้างหลังไหลเชี่ยว พลันกลายเป็นเงามังกรเต็มผืนฟ้า
ฉีเซ่าเสวียนกวัดแกว่งง้าวมังกรในมือ ยิงประกายง้าวออกไปหมื่นสาย เวลานี้โดยรอบฟ้าดินเต็มไปด้วยเงาง้าว
ไอกระบี่มิติพวกนั้นทำลายการป้องกันไม่สำเร็จเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉีเซ่าเสวียน ถูกเขากันไว้ได้ทั้งหมด ข้ามผ่านแม่น้ำมาไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
แน่นอน ถึงอย่างไรไอกระบี่พวกนี้ก็สร้างขึ้นจากอายุขัยของหวังเสินซวี แม้จะไม่ใช่การโจมตีสู้สุดชีวิตที่เผาอายุไปห้าสิบปี แต่ก็มีอานุภาพค่อนข้างไม่ธรรมดา
เมื่อขอบตาดำของหวังเสินซวีหนักขึ้น ฉีเซ่าเสวียนก็เริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทีละนิด เหงื่อลากผ่านหน้าผาก
เขา บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน อันดับหนึ่งใต้ฟ้า กลับถูกเจ้าหวังเสินซวีกดดัน!
ไอ้ผีขี้ขลาดเผาชีวิตตัวเองขึ้นมาจริงๆ แล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะแข็งแกร่งเช่นนี้!
ฉีเซ่าเสวียนต้องยอมรับว่าเสิ่นเทียนพูดไว้ไม่ผิด หากอยู่ในสภาวะเผาชีวิต หวังเสินซวีไม่อ่อนแอไปกว่าเขาเลย กระทั่งในระดับบางอย่าง หวังเสินซวียังแกร่งกว่าเขาอีก
เพราะจนถึงตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนยังคงได้แต่ต่อต้านค่ายกลกระบี่ท้องนภา ไม่อาจใช้วิชาสายฟ้าทำลายค่ายกลนี้ได้
แม้ช่วงเวลาหนึ่งหวังเสินซวีจะทำอะไรฉีเซ่าเสวียนไม่ได้ แต่สำหรับแซ่ฉีแล้วนี่คือความอัปยศ!
“ข้ายอมรับว่าเจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่งมาก มีคุณสมบัติสู้กับข้า”
ฉีเซ่าเสวียนดวงตาเร่าร้อนขึ้นมา “เพียงแต่ว่าแค่ค่ายกลกระบี่ระดับนี้ ยังทำอะไรแซ่ฉีไม่ได้!”
เพิ่งพูดจบ ไอม่วงหลายพันจั้งข้างหลังฉีเซ่าเสวียนก็หมุนม้วนอย่างบ้าคลั่งราวกับคลื่นลูกใหญ่ กลายเป็นแม่น้ำภูเขาไอม่วงสามสิบสามชั้น
แม้แม่น้ำภูเขาไอม่วงพวกนี้จะแตกกระจายลงอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีของไอกระบี่มิติ แต่สำหรับฉีเซ่าเสวียนแล้ว ซื้อเวลาได้ครู่หนึ่งก็พอแล้ว
“แปดทิศหกประสาน ฝูงมังกรไร้หัว!”
ง้าวมังกรสวรรค์ในมือหลอมรวมกับตัวเขาเป็นหนึ่งเดียว ฉีเซ่าเสวียนเขย่าร่างกลายเป็นมังกรม่วงตัวหนึ่ง
ไอม่วงมหาศาลวนเวียนรอบตัวเขา ดูยิ่งใหญ่และสง่างามมาก กระทั่งด้านหลังมังกรม่วงนี้ยังเห็นสองปีกสีม่วงรางๆ
นั่นคือความหมายลึกล้ำส่วนหนึ่งของวิชาเผิง ซึ่งฉีเซ่าเสวียนเรียนรู้และนำมาหลอมรวมในง้าวมังกรแปดรกร้าง ทำให้อานุภาพของง้าวมังกรแปดรกร้างเพิ่มขึ้นจนถึงระดับใหม่
ทะลวง!
ร่างฉีเซ่าเสวียนพลันทะลวงมิติออกไป
ศีรษะมังกรม่วงนั้นปรากฏดวงตาที่สาม ดวงตาตรงกลางหน้าผากยิงแสงวิบัติสายหนึ่งออกมา
วิชาลับ…แสงวิบัติเนตรม่วง!
มิติพังทลายลง กระแสปั่นป่วนหลั่งทะลักเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด
มังกรม่วงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าก่อนพุ่งกระโจนไปในที่หนึ่งของมิติ “ข้าหาเจ้าเจอแล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ของเจ้าเสีย!”
กรรซ์~
มังกรสวรรค์สีม่วงเงยหน้าคำราม มิติพังทลายลงโดยพลัน
หวังเสินซวียืนอยู่กลางกระแสปั่นป่วนของมิติสีดำนั้น ชุดคลุมขาวโบกสะบัด
นัยน์ตาเขาฉายแววตกใจวูบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากำลังรบของฉีเซ่าเสวียนเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
แต่หวังเสินซวีกลับไม่มีสีหน้ายำเกรงเลย แต่หัวเราะเยาะ “หากมีแค่นี้ ยังไม่พอหรอก!”
จอนผมดำเปลี่ยนเป็นสีขาวหิมะช้าๆ
ผิวพรรณรอบๆ ดวงตาสองข้างดำลึกขึ้นกว่าเดิม
หวังเสินซวีกางสองมือออกช้าๆ เหมือนกอดมวลอากาศแห่งนี้ไว้
เขาท่องเสียงเบา “สัมผัสถึงอากาศเถอะ! ยอมรับอากาศเถอะ! เข้าใจอากาศเถอะ! ทุกอย่างมีหรือไม่มีคือวิชา ทุกสรรพสัตว์ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากอากาศธาตุ และจะหวนคืนสู่อากาศธาตุ สดับฟังเสียงแห่งอากาศ กอดพลังแห่งอากาศ
วิชาลับ…นภากาศมรณะ!”
……
บึ้ม~
มิติพลันถล่มลง
ปรากฏหลุมสีดำขึ้นกลางกระแสปั่นป่วนของมิติไร้ที่สิ้นสุดนั้น
ทันทีที่ปรากฏหลุมดำ ทุกสรรพสิ่งรอบตัวเหมือนถูกดูดเข้าไป
ไอม่วงมืดฟ้ามัวดินนั้นถูกหลุมดำดูดเข้าไป ไม่อาจเติมเต็มได้ราวกับไหลเข้าไปในหลุมไร้ก้น
ฉีเซ่าเสวียนด้านหน้าหลุมดำนี้มีสีหน้ามืดลงเล็กน้อย เพราะเขาก็รู้สึกถึงอำนาจคุกคามแห่งความตายมาจากหลุมดำนี้
หากโดนหลุมดำนี้กินเข้าไป ต้องตายเป็นสิบรอบไม่มีเกิดใหม่แน่!
ฉีเซ่าเสวียนไม่เคยถูกหลุมดำนี้กินมาก่อน แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าห่างเจ้านี่มากเท่าไรก็ยิ่งดี
หวังเสินซวีเผยรอยยิ้ม ‘กุมทุกอย่างได้’ จอนผมสีขาวสะบัดอยู่ตรงหน้าเขา “ฉีเซ่าเสวียน ขอร้องข้าเถอะ! นภากาศมรณะนี่คือวิชาต้องห้ามสูงสุดในบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา เคยฝังร่างมหาจักรพรรดิมาแล้ว ต่อให้เจ้ามีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิ ก็ได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ”
หวังเสินซวีในตอนนี้รู้สึกมีความสุขจนตัวลอยขึ้นฟ้าแล้ว
อันดับหนึ่งรายนามแก่นพลังทองอะไรนี่ ฉีเซ่าเสวียนผู้มีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิอะไรนี่ ก็ยังต้องคุกเข่าขอยอมแพ้ไม่ใช่รึ
มีความสุข แปลกใจ เกิดคลื่นกระเพื่อม!
แม้ศึกนี้จะเผาอายุขัยแซ่หวังไปร้อยปี แต่แล้วอย่างไร อย่างมากก็กลับไปปิดด่านบำเพ็ญสักปีครึ่ง จากนั้นก็พักสักเล็กน้อย
มีความสุขก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน!
“จงอ้อนวอนเถอะ! หากเจ้าขอร้องจริงใจพอ แซ่หวังจะไว้ชีวิตเจ้า”
หวังเสินซวียืนเท้าสะเอวอย่างโอหังอยู่กลางมิติ จอนผมสีขาวสะบัดไปตามสายลม “เร็วหน่อย ไม่เช่นนั้นอีกเดี๋ยวแซ่หวังจะถอนวิชาไม่ได้แล้ว”
ฉีเซ่าเสวียนหน้าเขียวปัดในทันที “อย่าได้คิดเลย!”
จะให้แซ่ฉีอ้อนวอนรึ เหอะๆ ถึงตายก็ไม่มีทาง!
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ทั่วร่างเขาลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีม่วงสว่างจ้า เห็นได้ชัดว่าเริ่มเผาพลังปราณเดิมของตนแล้ว
ก็แค่เอาชีวิตมาระเบิดพลังไม่ใช่รึ!
ดีไม่ดีไม่ต้องบาดเจ็บเหมือนใครบางคนด้วย!
ทันใดนั้นง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายร้อยจั้ง ก่อนกระแทกใส่หลุมดำประหนึ่งเสายักษ์ค้ำฟ้านั้น
……
เปรี้ยง~
ประกายง้าวไม่มีที่สิ้นสุดรวมเป็นลำแสงร้อนแรง ปักเข้าไปกลางหลุมดำนั้นพร้อมกับพลังมหาศาลที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้
ทันใดนั้นเอง หลุมดำที่เดิมทีมีเส้นผ่าศูนย์กลางจั้งกว่าก็พองขึ้น ก่อนจะพังลงช้าๆ
และเมื่อหลุมดำถล่มลง พลังงานมหาศาลก็ได้ปะทุตามมา
หวังเสินซวีกับฉีเซ่าเสวียนที่อยู่ด้านหน้าถูกโจมตีอย่างรุนแรง ถูกพลังมิติมหาศาลถาโถมเข้ามา โลหิตสาดกระจายเต็มผืนฟ้า
“ภูผานทีไอม่วงสวรรค์สามสิบสามขั้น รวม!”
เพิ่งเอ่ยจบ ไอม่วงมากมายนั้นก็กลายเป็นแม่น้ำภูเขาขวางไว้ข้างหน้า
ทางด้านหวังเสินซวีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แสงเงินทั่วร่างสว่างขึ้นมาก รวมเป็นชุดเกราะป้องกันตรงหน้า
ปัง~
หลุมดำถล่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง เริ่มบิดเบี้ยวและหมุนวนช้าๆ
คำว่า ‘ช้าๆ’ นี่ไม่ได้ช้าจริงๆ แต่เป็นความรู้สึกหลอนจากตาเนื้อ
ความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้หลุมดำมิติบิดเบี้ยวเร็วยิ่ง จนเกิดเป็นน้ำวนมิติน่ากลัวขึ้น พลังกลืนกินเพิ่มขึ้นมาก
ทุกคนบนทั้งแท่นลอยฟ้าถูกหลุมดำมิติดึงดูดอย่างรุนแรง แทบจะถูกกลืนกินเข้าไป
“พี่เสินซวี รีบถอนวิชาของพี่เถอะ!”
เอ๋าอูยื่นมือเล็กออกมาคว้าศิลาหินเต่าดำไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความลนลาน
แม้เขาจะมีพรสวรรค์สายเลือดอันดับต้นๆ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันของเผ่ามังกรดำ แต่ก็ยังเยาว์วัยเกินไป
ตอนนี้ในทุกคนเขาอ่อนแอที่สุด หลังน้ำวนมิติปรากฏขึ้นก็เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว แทบจะถูกดูดเข้าไปแล้ว
ตอนนี้หวังเสินซวีอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก ดูขอบตาดำยิ่งกว่าเดิม จอนผมเป็นจุดสีขาวเล็กน้อย
เขามุมปากกระตุก “นภากาศมรณะตัดอายุขัยมากเกินไป ข้าก็เพิ่งใช้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ครั้งแรกก็ใช้กับเจ้าฉีเซ่าเสวียนเลย โดนเขากระแทกแตก ตอนนี้หลุดจากการควบคุมของแซ่หวังไปแล้ว”
ฟิ้ว~
หวังเสินซวีเพิ่งพูดจบ เอ๋าอูก็คว้าศิลาหินเต่าดำไว้ไม่อยู่อีก ตัวเขาถูกน้ำวนดูดไป ลอยไปทางน้ำวนมิตินั้น
“พี่เสิ่นเทียน พี่เซ่าเสวียน พี่เซิ่นซวี ช่วยข้าด้วย!”
เอ๋าอูตะเกียกตะกายไปมากลางอากาศ ดูร้อนใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว
ฉีเซ่าเสวียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ไอม่วงสามพันจั้งที่คลุมทั้งตัวพลันกลายเป็นฝ่ามือยักษ์คว้าไปทางเอ๋าอู
ทว่าน้ำวนมิติมีแรงดูดรุนแรงจริงๆ ไอม่วงพวกนั้นถูกน้ำวนมิติกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุก “เจ้าคนแซ่หวัง รีบหาทางจัดการเจ้านี่เสีย ไม่อย่างนั้นทุกคนได้ตายกันหมดแน่!”
………
ฉีเซ่าเสวียนพูดพลางชำเลืองตามองเสิ่นเทียนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าศิลาหินเต่าดำ มุมปากกระตุกขึ้นมา
สหายเสิ่นก็คือสหายเสิ่น พวกเราเทียบศักยภาพด้วยไม่ได้จริงๆ
แม้แต่น้ำวนมิติยังคุกคามไม่ถึงสหายเสิ่น
ท่าทางแน่นิ่งเช่นนี้ไม่สั่นคลอนเหมือนกับดูดติดอยู่กับพื้น บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดุดันดั่งพยัคฆ์ นั่งขัดสมาธิยังดูดติดพื้นได้!
น่าเสียดายก็แต่ตอนนี้สหายเสิ่นเหมือนจะอยู่ในสภาวะตระหนักมรรค ไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเลย
เถาวัลย์สีเขียวมรกตพันรอบตัวเขา บนเถาวัลย์มีดอกไม้สีขาวเบ่งบานหลายดอก
ตอนที่ดอกไม้พวกนี้บานสะพรั่ง เสิ่นเทียนก็เหมือนรวมกับอากาศธาตุเป็นหนึ่งเดียว
ไม่ว่ามวลอากาศรอบตัวจะพังทลายลงอย่างไร เขาก็ยังสนใจเพียงแต่ตัวเอง
ศักยภาพของสหายเสิ่นลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ!
ปัญหาคือสหายเสิ่น เจ้ารีบตื่นมาเถอะ!
พวกสหายของเจ้าต้องการให้เจ้าช่วย ไม่เช่นนั้นต้องตายแน่!
น้ำวนมิติยังคงยิ่งใหญ่ จากที่หวังเสินซวีบอก มันจะใหญ่ไปตลอด จนกว่าพลังงานทั้งหมดในพื้นที่ที่แผ่ออกไปจะถูกดูดเข้ามาหมดแล้ว จากนั้นค่อยๆ ถูกกฎมิติเปลี่ยนกลับมาเป็นอากาศธาตุ
“จะให้น้ำวนใหญ่ต่อไปไม่ได้ ข้าจะสู้กับมันเอง!”
หวังเสินซวีทำหน้าแน่วแน่เด็ดขาด
เขาเป็นคนสร้างหลุมดำนี้ขึ้นมา เกิดปัญหา เขาก็ต้องรับผิดชอบเอง
วันนี้ต่อให้แซ่หวังจะเสียอายุขัยทั้งหมด ผมดำกลายเป็นผมขาว ก็ต้องจัดการน้ำวนนี่ให้ได้!
“สายลมพัดผ่านวารีเยือกแข็งง่าย ผู้กล้าจากไปไม่หวนคืน!”
หวังเสินซวีทำหน้าเศร้า “สุดทางเซียนใครจะอยู่สูงสุด เผาอายุขัยทั้งหมดกำราบมิติ!”
เพิ่งพูดจบก็พบว่าเส้นผมของหวังเสินซวีเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน ขอบตาทั้งสองดำขึ้นเรื่อยๆ
แต่กลิ่นอายพลังรอบตัวเขาก็แกร่งขึ้นเช่นกัน กระทั่งทำให้ฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าหวาดกลัว
ไม่อยากเชื่อว่าหวังเสินซวีในสภาวะสู้สุดชีวิตจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาอาจจะสู้ได้ยากแล้ว
หรือว่า เจ้านี่คิดจะเผาอายุขัยทั้งหมดเพื่อช่วยข้ากับเสี่ยวอูกัน
ฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าซับซ้อนขึ้นมา
…….
ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนที่นั่งขัดสมาธิตระหนักมรรคใต้ศิลาหินเต่าดำ ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นช้าๆ
ตอนที่เห็นพวกฉีเซ่าเสวียนสามคนกำลังลำบาก เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“สหายไม่ต้องตระหนก แซ่เสิ่นมาช่วยพวกเจ้าแล้ว!”
หวังเสินซวีถึงกับงุนงง
……………………..