บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 344 จี้เซี่ยเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมยโรยราหิมะขาดหาย
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 344 จี้เซี่ยเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมยโรยราหิมะขาดหาย
บทที่ 344 จี้เซี่ยเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมยโรยราหิมะขาดหาย
ดินแดนกลาง สำนักศึกษาจี้เซี่ย
กลางแท่นบวงสรวงยันต์แปดทิศมหึมา มีชายชราสวมชุดบวงสรวงนั่งอยู่คนหนึ่ง
เขานั่งนิ่งกลางยอดค่ายกลเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียว ตัวเขาก็คือสวรรค์ในดินแดนนี้
รอบตัวเขามีห่วงโซ่ลำดับกฎเกณฑ์นับหมื่นวนเวียนอยู่ ทุกเส้นมุดเข้าไปในอากาศ เหมือนกำลังสืบเสาะบางสิ่งที่ไม่รู้นาม
ข้างชายชราเป็นปัญญาชนสวมอาภรณ์ยาวยืนอยู่กันหลายคน ทุกคนมองชายชราด้วยแววตาเลื่อมใสศรัทธาที่จริงใจที่สุด
เพราะฐานะของชายชราคนนี้เรียกได้ว่าอยู่สูงสุดในสำหนักศึกษาจี้เซี่ย
เขาคือผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาจี้เซี่ย ‘ฟูจื่อ’
ฟูจื่อเกิดเมื่อแปดพันปีก่อน เป็นบุคคลรุ่นเดียวกับจักรพรรดิฮวงสือ และเป็นหนึ่งในโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในยุคนั้น
กล่าวได้ว่าหากไม่ปรากฏปีศาจอย่างจักรพรรดิฮวงสือ ฟูจื่อคือผู้สูงส่งที่สุดในยุคนั้น!
กระทั่งมีตำนานว่า ฟูจื่อเคยมีบุญคุณปกป้องจักรพรรดิฮวงสือ
ต่อมาฟูจื่อกับจักรพรรดิร่วมมือผนึกกำลังขุมอำนาจดินแดนกลาง กวาดล้างวิญญาณร้าย ปราบปรามอยู่พันปีในที่สุดก็ก่อตั้ง ‘ราชวงศ์เซียนต้าฮวง’ ขึ้น ปกครองห้าดินแดน
ขณะเดียวกับที่ก่อตั้งราชวงศ์เซียนต้าฮวง ก็ก่อตั้งสำนักศึกษาจี้เซี่ยขึ้นเช่นกัน
นับจากนั้นมาจักรพรรดิฮวงสือก็ปกครองอาณาจักรสั่นสะเทือนแปดทิศ ส่วนฟูจื่อประจำอยู่สำนักศึกษาจี้เซี่ย ชี้แนะโอรสสวรรค์ห้าดินแดน
ใช่ ชี้แนะโอรสสวรรค์ห้าดินแดน
นับตั้งแต่ที่สำนักศึกษาจี้เซี่ยก่อตั้งขึ้น จุดมุ่งหมายของมันก็คือชี้แนะโดยไม่แบ่งแยก ขอแค่เป็นโอรสสวรรค์ที่มีคุณสมบัติดียิ่งยวดในห้าดินแดน ไม่ว่าจะเข้าขุมอำนาจอื่นหรือไม่ ก็เข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาจี้เซี่ยได้
ในนั้นมีบุตรพุทธะที่เดินทางไกลจากแดนพุทธทะเลทรายประจิมมาขอศึกษา มีบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่มาแลกเปลี่ยนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ ในดินแดนบูรพา กระทั่งเจ้าชายเผ่าอสูรยังมีไม่น้อย
และสำนักศึกษาจี้เซี่ยก็ ‘ชี้แนะโดยไม่แบ่งแยก’ ได้จริงๆ ไม่ดูถูกผู้ใดเพราะชาติกำเนิดต่างกัน
ที่นี่รวมโอรสสวรรค์มากที่สุดในห้าดินแดนไว้ รวมถึงสภาพแวดล้อมฝึกบำเพ็ญ แดนลับและวิชาที่ดีที่สุดเป็นต้น ผนวกกับการชี้แนะอย่างสุดความสามารถของฟูจื่อ ดังนั้นจึงมียอดโอรสสวรรค์ออกไปจากสำนักศึกษาจี้เซี่ยนับไม่ถ้วน
แปดพันปีมานี้ เจ้าเผ่าหรือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นที่กำเนิดในห้าดินแดน ส่วนใหญ่เคยศึกษาในสำนักศึกษาจี้เซี่ยมาก่อน เคยขอคำชี้แนะในด้านการบำเพ็ญกับฟูจื่อ
กระทั่งในคนพวกนี้ยังรวมถึงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวน เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเทียนซิ่วและพวกเจ้าเผ่าคุนคุนซวีตอนยังหนุ่มด้วย
ต่อมาสุดยอดโอรสสวรรค์และผู้สูงส่งมรรคสูงสุดพวกนั้นก็กลับสำนักและเผ่า ปกติจะเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเผ่าหรือไม่ก็ผู้อาวุโสสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ
กล่าวได้ว่าแค่บุญคุณสหายร่วมรบของผู้แข็งแกร่งพวกนี้ก็มากพอจะทำให้สำนักศึกษาจี้เซี่ยเป็นขุมอำนาจระดับสุดยอดที่สุดของห้าดินแดน
ในดินแดนกลาง เจ้าจะไม่เคารพแดนศักดิ์สิทธิ์ใดก็ได้ แต่จะไม่เคารพสำนักศึกษาจี้เซี่ยไม่ได้
ไม่เคารพเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนใดก็ได้ แต่จะไม่เคารพจักรพรรดิกับฟูจื่อไม่ได้
ฟูจื่อ คือผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การเคารพคนหนึ่ง
…….
ชายชราน่าเคารพคนนี้นั่งขัดสมาธิกลางค่ายกลยันต์แปดทิศมาหลายเดือนแล้ว
หลายเดือนก่อนมีศพส่งมาที่สำนักศึกษาจี้เซี่ย เป็นศพไม่สมบูรณ์ที่โดนฟันขาดเป็นสองส่วน
ศพนี้มาจากฝ่ายพุทธ นั่นคือนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยผู้แข็งแกร่งชั้นนำของฝ่ายพุทธดินแดนกลาง มีกายทองแปดรอบ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ทว่าศพนี้กลับถูกฟันขาดเป็นสองส่วน อีกทั้งทั้งตัวยังมีเพียงรอยแผลเดียว เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นี้จบเร็วมาก
หนึ่งดาบปลิดชีพ ตายอย่างฉับพลัน
หลังจากวินิจฉัย นี่คือฝีมือของราชาธรรมอู๋เซิง หนึ่งในสี่ราชาธรรมของลัทธิวิญญาณร้าย
แต่ราชาธรรมอู๋เซิงหายเงียบไปในห้าดินแดนพันปีแล้ว เหตุใดจู่ๆ ถึงออกมือสังหารนักบวชศักดิ์สิทธิ์อย่างโอหังเช่นนี้
นี่หมายความว่า ลัทธิวิญญาณร้ายจะหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้งรึ
เมื่อคิดโยงไปถึงความถี่และจำนวนของโอรสสวรรค์ที่กำเนิดขึ้นในช่วงพันปีมานี้ เทียบกันแล้วสูงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนจริงๆ
โดยเฉพาะช่วงร้อยปีมานี้ โอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายร้อยปี พันปี หลายพันปีทั้งหลายต่างกำเนิดขึ้นในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ราวกับหน่อไม้หลังฤดูใบไม้ผลิ
นี่คือสัญญาณว่ากลียุคใกล้เข้ามา ฟูจื่อเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของห้าดินแดน ย่อมมีไหวพริบดีพอ
หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักเขาก็ใช้อายุขัยจำนวนมากวางยอดค่ายกลเปลี่ยนฟ้าในสำนักศึกษาจี้เซี่ย
ยอดค่ายกลเปลี่ยนฟ้าคือค่ายกลต้องห้ามในคัมภีร์เปลี่ยนฟ้า ได้รับขนานนามว่าเป็นค่ายกลต้องห้ามสูงสุดที่มีประสิทธิภาพในการทำนายแกร่งที่สุดในห้าดินแดน
เมื่อสำแดงค่ายกลนี้จะทำให้ฟูจื่อเห็นมุมหนึ่งของอนาคต มีความสามารถในการทำนาย
แน่นอน กฎเกณฑ์ดวงชะตาเป็นสิ่งต้องห้ามยิ่งยวด แตะต้องไม่ได้ง่ายๆ
คนที่ส่องดวงชะตาหรืออนาคตจะต้องจ่ายในราคาแสนสาหัส ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิเซียนแท้จริงก็ตาม
หากไม่จำเป็นจริงๆ ต่อให้เป็นฟูจื่อก็คงไม่เสี่ยงเช่นนี้เด็ดขาด
……
“กลียุค หายนะหมื่นปี”
ฟูจื่อที่นั่งอยู่หลายเดือนพลันลืมตาขึ้น
ทันใดนั้นทุกคนรอบตัวเขาหันมามอง เวลานี้สบสายตากับฟูจื่อ
หวาดกลัว~
ทุกคนอดขนลุกมิได้ เพราะความหวาดกลัวในแววตาของฟูจื่อตอนนี้น่ากลัวมากจริงๆ
ชายชราที่เมื่อก่อนชาญฉลาดรับมือได้กับทุกปัญหาและอ่อนโยนมาตลอด ตอนนี้เหมือนเจอภาพที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลก ทำให้คนที่เห็นต่างหวาดผวาในใจ
ฟูจื่อหยัดกายขึ้นช้าๆ โซ่แห่งลำดับกฎเกณฑ์รอบตัวแตกออกทีละชุ่น ราวกับสัมผัสบางสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรแตะต้อง กำลังโดนแว้งกัด
“ท่านจักรพรรดิ แสงอ่อนเสี้ยวนั้นคือสิ่งใดกันแน่ คงได้แต่ต้องให้ท่านไปตามหาแล้ว”
คำพูดแหบแห้งดังขึ้นอย่างยากลำบาก ความตกใจและเงียบเหงาในแววตาฟูจื่อค่อยๆ หายไป เปลี่ยนเป็นปล่อยวางบางๆ
เส้นผมขาวดอกเลาในตอนแรกพลันเป็นขาวหิมะ จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเถ้าธุลีลอยไป
ร่างเขาเริ่มแห้งเหี่ยวลงเช่นกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห้งต้นหนึ่ง!
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้รวดเร็วสุดขีด เพียงไม่กี่ลมหายใจก็จบลง
ฟูจื่อผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในการคงอยู่ที่แกร่งที่สุดในฟ้าดินแดน เทพปกปักเผ่ามนุษย์ที่ต่อให้เป็นราชินีหงส์อมตะก็ยังไม่กล้าประมาท…
กลายเป็นต้นไม้แห้งง่ายๆ เช่นนี้!
เวลานี้ ศิษย์พวกนั้นที่ล้อมรอบอยู่ถึงขนาดนิ่งอึ้งไป
ไม่ใช่เพราะพวกเขาจิตใจไม่สุขุม แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เหนือจินตนาการพวกเขามากเกินไปจริงๆ
ฟูจื่อ หายไปเช่นนี้หรือ
…….
ปัง~
ทันใดนั้นเอง มวลอากาศในสำนักศึกษาจี้เซี่ยแข็งค้าง
ศิษย์ทุกคนรู้สึกว่าตนถูกดึงออกไปในทันใด ไม่อาจมองเห็นร่างของฟูจื่อได้อีก
บนแท่นบวงสรวงโบราณและวังเวงนั้น มีร่างหนึ่งโผล่มาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เป็นร่างสวมมงกุฎจักรพรรดิ ถือกระบี่จักรพรรดิ
เขาหันหลังให้อาณาประชาราษฎร์ รอบตัวไม่มีปรากฏการณ์ใดๆ ไม่มีกลิ่นอายพลังใดแผ่ออกไปเลย แต่กลับมีบุคลิกของผู้เป็นจักรพรรดิที่มีข้าอยู่ก็ไร้พ่าย
เสียงของผู้เป็นจักรพรรดิเฉยชา เขามองมวลอากาศไร้ที่สิ้นสุดไกลๆ “ห้าดินแดนนี้ จะเข้าสู่กลียุคแล้ว”
ผู้เป็นจักรพรรดิยื่นมือออกมาช้าๆ วางบนต้นไม้แห้งนี้ รอบตัวเขาพลันเปล่งแสงเซียนไร้พรมแดน ส่องสะท้อนทั้งสำนักศึกษาจี้เซี่ยจนเหมือนกับถ้ำของเซียน
ทันใดนั้นเอง ต้นไม้แห้งนั้นก็ค่อยๆ แตกหน่อใหม่ ก่อนจะเติบโตขึ้นด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน
ไม่นานหน่อใหม่นั้นก็ออกเป็นดอกเหมยสีขาวดอกหนึ่ง จากนั้นโรยราช้าๆ ตกลงในมือผู้เป็นจักรพรรดิ
“ใช้กายผสานมรรค ถ่วงเวลาสามปีตามหาแสงอ่อนสายหนึ่ง”
ผู้เป็นจักรพรรดิพึมพำกับตัวเอง แววตาเผยประกายคมออกมาทีละนิด “มีข้าอยู่ ห้าดินแดนจะต้องไม่เข้าสู่กลียุค!”
………………..