บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 48 พี่เสิ่น เหลียนเอ๋อร์มาหาท่านแล้ว
บทที่ 48 พี่เสิ่น เหลียนเอ๋อร์มาหาท่านแล้ว!
ครั้นเห็นเสิ่นเทียนมอบปิ่นขนหงส์ที่เปิดได้ให้เสี่ยวหลิงเซียน ทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างซุบซิบนินทา พลันทำหน้าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เสี่ยวหลิงเซียนก็แต่งกายเป็นบุรุษ
ท่านเซียนกลับให้ปิ่นปักผมกับบุรุษอย่างนั้นหรือ
อีกทั้งบุรุษคนนั้นยังมองท่านเซียนด้วยใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความรัก!
เฮือก หรือว่า…
ความคิดอันน่าเร้าใจอย่างยิ่งเกิดขึ้นในใจทุกคนโดยไม่ได้นัดหมาย
เสียงหัวใจแตกสลายดังขึ้นกลางร้านวิญญาณอริยะ ดังโป๊ะๆๆ เป็นแถบ
“ไม่นะ พี่เซียนท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้!”
“พี่เซียน ข้ารักท่านเช่นนี้ เหตุใดท่านถึงชอบเขา!”
“บุรุษกับบุรุษจะไม่ได้รับคำอวยพรจากผู้ใด พวกท่านไม่ใช่ความรักที่แท้จริง!”
“เจ้าคนบ้าเหม็นโฉ่ไสหัวไป ไปให้ห่างๆ จากพี่เซียนหน่อย ห้ามเจ้าทำให้เขาเบี่ยงเบนนะ!”
……
เมื่อได้ฟังเสียงกรีดร้องตะโกนจากหญิงผู้คลั่งไคล้ข้างหลังแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย
‘ใครบุรุษกับบุรุษกัน เห็นๆ อยู่ว่าข้าไม่มีแม้แต่สหายด้วยซ้ำ!
แล้วยังมีสายตาของฉินเกาอีก เหตุใดถึงแปลกๆ!
ติดตามข้ามาตั้งหลายวัน ความสนใจของข้าปกติหรือไม่ เจ้ายังไม่รู้ชัดอีกรึ’
เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนเหนื่อยใจยิ่งนัก!
“ช่วยเงียบให้ข้าหน่อย!”
เสิ่นเทียนตะโกนเสียงดัง จากนั้นโอบเสี่ยวหลิงเซียนไว้ในอ้อมกอดอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะปลดสายรัดผมของนางออก เส้นผมดำดั่งน้ำหมึกสยายลงมาทันที
ตอนนี้ ในที่สุดก็เผยโฉมใบหน้าเสี่ยงหลิงเซียนออกมา ทุกคนในร้านวิญญาณอริยะต่างจำนางได้
“ตายละ เสี่ยวหลิงเซียนแปลงโฉมเป็นบุรุษนี่!”
“มหัศจรรย์เหลือเกิน ถ้านางไม่ปล่อยผม ข้าคงจำไม่ได้หรอก”
“ไม่อยากเชื่อว่าเสี่ยวหลิงเซียนจะแปลงโฉมเป็นบุรุษติดตามข้างกายท่านเซียน พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน”
“เฮ้ยๆๆ พวกเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เสี่ยวหลิงเซียนติดตามท่านเซียนเมื่อหลายวันก่อนรึ”
“ข้าได้ยินน้องภรรยาลูกผู้พี่เพื่อนบ้านข้าบอกว่า พวกเขาสองคนมีเรื่องราวด้วยกันมา”
…….
เวลานี้ บรรยากาศซุบซิบนินทาสนุกปากปกคลุมไปทั้งร้านวิญญาณอริยะ
รู้สึกได้ถึงสายตาชื่นชม ริษยา และแคลงใจเพ่งมาจากรอบกาย
เสี่ยวหลิงเซียนไม่ได้แสดงออกว่ากดดันแม้แต่น้อย ตอนนี้นางมีความสุขยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าพี่เสิ่นจะโอบตนไว้ในอ้อมกอด และยังเผยโฉมนางต่อหน้าทุกคนอีก
หรือว่าพี่เสิ่นจะไม่คิดปิดบังอีก อยากจะเปิดเผยความรักของเราหรือ
พอคิดแบบนี้แล้ว มันทำให้ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ!
หลังจากเสิ่นเทียนปลดสายรัดผมออก ก็มองทุกคนอย่างสงบนิ่งก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ข้อแรก ข้าสนใจเพศตรงข้ามเหมือนคนปกติ
ข้อสอง ท่านที่อยู่ข้างกายข้าไม่ใช่บุรุษ แต่เป็นเสี่ยวหลิงเซียนที่ทุกท่านรู้จัก”
มาแล้วๆ!
ต่อไปก็จะเป็นการสารภาพกับข้าต่อหน้าทุกคนอย่างเอาแต่ใจ!
เวลานี้ เสี่ยวหลิงเซียนรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วและแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในที่สุดเสิ่นเทียนก็จะพูดแล้ว
“ข้อสาม ความสัมพันธ์ของข้ากับแม่นางหลิงเอ๋อร์สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดเกินเลยกับแม่นางหลิงเอ๋อร์แต่อย่างใด
จุดนี้ ข้ายินดีกล่าวคำสาบานด้วยอาจารย์ของข้า! ขอให้ทุกท่านอย่าสร้างข่าวลืออีก”
หลังพูดอย่างมีพลังโน้มน้าวใจจบแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกสบายไปทั้งตัว
จริงๆ เลย แม้แต่โลกบำเพ็ญเซียนก็ยังมีพวกชอบซุบซิบนินทาเยอะขนาดนี้เชียวหรือ
แม่นางหลิงเอ๋อร์ยังเป็นหญิงงามบริสุทธิ์อยู่นะ!
พวกเจ้าสร้างข่าวลือกับนางเช่นนี้ จากนี้ไปนางจะออกเรือนอย่างไร ดีที่ข้าหลักแหลม แก้ข่าวลือต่อหน้าทุกคนได้ทันเวลา
พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็คลายอ้อมแขนออกจากเสี่ยวหลิงเซียน “ไม่ต้องขอบคุณ มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว”
เสี่ยวหลิงเซียนงุนงง
ดังนั้นที่ท่านพูดจาถูกต้องชอบธรรมมาตั้งเยอะ ก็เพื่อจะบอกข้าว่าท่านไม่ได้คิดเกินเลยใดๆ กับข้าอย่างนั้นหรือ
ข้า!
ขอบใจท่านมากเลย!
……..
ขณะเดียวกัน ในแดนเทวาดาวประกายพรึกอันไกลโพ้น
กลางสวนดอกไม้ที่มีเสียงนกร้องและกลิ่นหอมดอกไม้อบอวล เด็กสาวในชุดกระโปรงสีขาวกำลังรดน้ำอยู่
นางมีใบหน้างามและบริสุทธิ์ ใบหน้ากลมมีความไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยที่ไม่ว่าใครก็ต้องชื่นชอบ
และที่พิเศษที่สุดคือ บนศีรษะของเด็กสาวยังมีเส้นผมชี้ดูน่ารักมากหย่อมหนึ่ง
ชั่วขณะที่นางกำลังฮัมเพลงเบาๆ ผมที่ชี้โด่เด่นั้นยังเด้งไปมา
“ลาลาลา ลาลาลา น้ำเต้าน้อยเอ๋ย เจ้ารีบออกหน่อนะ
ออกหน่อและโตเร็วๆ หน่อย ข้าจะพาเจ้าไปหาพ่อ
ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮะ…ฮัดชิ้ว”
จู่ๆ เด็กสาวก็จามติดกันหลายครั้ง
เส้นผมชี้บนศีรษะพลันตั้งตรงเช่นกัน
‘เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้จามนะ หรือว่าพี่เสิ่นกำลังคิดถึงข้า คิกๆ เขาจะต้องคิดถึงข้าอยู่แน่เลย! ไม่ใช่สิ! ข้าไม่อยู่ข้างกายพี่เสิ่น เกิดระหว่างทางเขาเจออันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร ไม่ได้การแล้ว จะมามัวเหม่ออยู่ในแดนเทวาไม่ได้ ข้าต้องออกจากบ้าน!
แอบออกไปแล้วก็พาสามีเสิ่นกลับแดนเทวามาสู่ขอ ถ้าเร็วมากพอ ท่านพ่อต้องไม่รู้แน่!’
คิดได้ดังนั้น เด็กสาวอดกดไลก์ให้กับสติปัญญาของตนไม่ได้
“แต่ถ้าข้าไปแล้ว เจ้าน้ำเต้าน้อยจะเอาอย่างไรดี”
เด็กสาวมองเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติที่แตกหน่อเล็กๆ ออกมาจากดินด้วยความลำบากใจ
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นผลึกความรักที่นางสัญญาไว้กับพี่เสิ่น!
ตอนนี้เพิ่งออกหน่อก็ทิ้งไปไม่ไยดีแล้ว ถ้าเกิดนางกลับมา เจ้าหน่ออ่อนเหี่ยวเฉาล่ะจะทำอย่างไร
‘รู้แล้ว ข้าก็เอาเจ้าน้ำเต้าไปด้วยก็ได้ไม่ใช่รึ!’
นึกถึงตรงนี้ เด็กสาวจ้องไปที่กระถางกล้วยไม้กระบี่เก้าใบที่บิดาปลูกไว้
นางดึงกล้วยไม้กระบี่เก้าใบในกระถางออกมา ก่อนวางกระถางไว้บนพื้นข้างๆ จากนั้นขุดเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วปลูกลงในกระถางอย่างเบามือ
ครั้นทำทุกอย่างเสร็จ นางก็เทินกระถางขึ้นเหนือศีรษะพลางเดินไปด้านนอกสวนดอกไม้
พี่เสิ่น เหลียนเอ๋อร์มาหาท่านแล้ว!
…….
อีกด้านหนึ่ง
เสิ่นเทียนสาบานด้วยสำนักอาจารย์ของตน ในที่สุดทุกคนก็เชื่อเขา
ถึงอย่างไรในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน การสาบานด้วยสำนักก็เป็นเรื่องที่จริงจังอย่างยิ่ง
เสียงซุบซิบจากรอบด้านเงียบไปลงมากทันที ทว่ากลับมีเสียงที่ยากจะคุมความตื่นเต้นเอาไว้ได้ของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นข้างหูเสิ่นเทียน
“นายท่านๆ ข้าสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตรุนแรงมาก เป็นแรงอาฆาตบริสุทธิ์ยิ่ง มาจากตัวแม่นางหลิงเอ๋อร์ หอมมาก! จิ่วเอ๋อร์ขอสูบกินหน่อยได้หรือไม่”
“ไม่ได้!” เสิ่นเทียนตบๆ ลูกประคำพลางกล่าว “ต้องยืนหยัดระงับความอาฆาต อย่าล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด”
พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนมองเสี่ยวหลิงเซียนด้วยความกังวลแวบหนึ่ง
จะว่าไป แรงอาฆาตจากตัวหลิงเอ๋อร์ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย หรือว่าเจ้าคนนามว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยนั่นจะลงมืออะไรทิ้งไว้เอาจริงๆ
ปัญหาคือข้าตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหาอะไรเลย!
เฮ้อ ไอ้เจ้าผู้บำเพ็ญลัทธิชั่วร้ายสมควรตายนี่!
…….
“หินแร่วิญญาณอีกสองก้อนเราไม่เอา”
เสี่ยวหลิงเซียนเลือกหินแร่วิญญาณมาสามก้อน ทว่าในภาพโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนเห็นจากเสี่ยวหลิงเซียน มีแค่หินแร่วิญญาณทรงแตงกวานั่นที่เป็นโชคลิขิตของนาง
ส่วนหินแร่วิญญาณอีกสองก้อน เสิ่นเทียนไม่เห็นอะไรในภาพ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินไม่ได้ว่าในหินแร่วิญญาณสองก้อนนั้นมีอะไรอยู่หรือไม่กันแน่
ตอนนี้ผู้มีวาสนาห้าคนในร้านวิญญาณอริยะผ่าหินเสร็จแล้ว
เสิ่นเทียนมองผู้มีวาสนาที่เหลืออีกสิบห้าคน พบว่ามีสี่คนที่มีโชคลิขิตอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย นี่สมกับเป็นหนึ่งในร้านแร่วิญญาณไม่กี่ร้านที่กิจการดีที่สุดในสวนหมื่นวิญญาณจริงๆ
เสิ่นเทียนพาผู้มีวาสนามุ่งหน้าไปยังร้านวิญญาณสวรรค์อย่างองอาจห้าวหาญ
แต่สิ่งที่เสิ่นเทียนคาดไม่ถึงคือ ยังไม่ทันถึงหน้าประตูร้านวิญญาณสวรรค์ เขาก็เห็นเถ้าแก่ซ่งแห่งร้านวิญญาณสวรรค์ยืนอยู่ตรงประตูร้านในชุดสีแดงมงคล
ทางซ้ายขวาหน้าร้านยังตั้งแถบผ้าคำมงคลสีแดงเขียนว่า ‘ผู้มีวาสนาไม่รับเงิน ผู้ไร้วาสนาทองคำนับหมื่นไม่นับ’
ส่วนใต้ป้ายร้านวิญญาณสวรรค์ ยังแขวนแผ่นผ้าคำมงคลสีแดงผืนใหญ่ไว้เช่นกัน
‘ยินดีต้อนรับท่านเซียนเสิ่นเอ้าเทียนมาค้นวิญญาณประเมินแร่ที่ร้านเรา!’
เถ้าแก่ซ่งยืนอยู่ตรงประตูใหญ่ด้วยความนอบน้อม เมื่อเห็นเสิ่นเทียนดวงตาก็เป็นประกาย
เขาก้าวเล็กๆ มาอยู่หน้าเสิ่นเทียน ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
“ในที่สุดท่านเซียนก็มาแล้ว ข้าคิดถึงท่านแทบตาย!”
เสิ่นเทียนถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที
………………………..