บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 51 ข้าคือเสิ่นเอ้า องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 51 ข้าคือเสิ่นเอ้า องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน
บทที่ 51 ข้าคือเสิ่นเอ้า องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน
เอ่ยจบ เสิ่นเทียนมองเถ้าแก่ซ่งด้วยสายตาจริงจัง จนกระทั่งเขาเห็นวงรัศมีสีเขียวอ่อนของเถ้าแก่ซ่งในตอนแรกพลันมีสีเขียวขึ้นมาก
สีนั้นเขียวเข้ม เขียวจนบ้าคลั่ง เขียวอย่างมีชีวิตชีวา!
ตอนนี้ เสิ่นเทียนถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
ในเมื่อแสงสว่างของเถ้าแก่ซ่งมากขึ้น เช่นนั้นเสิ่นเทียนก็วางใจได้ ไม่อย่างนั้นเขากังวลว่าจะทำแผนการใหญ่ในการชำระล้างตัวเองให้ขาวบริสุทธิ์เสีย
คิดไปคิดมาก็ใช่ เถ้าแก่ซ่งบอกเองว่าค้อนอันนี้มีมูลค่าหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ ข้าให้ศิลาวิญญาณหมื่นก้อนกับเขาหมด ก็น่าจะไม่ได้แบ่งผลประโยชน์ใดๆ มาเลย
แบบนั้นแล้ว ถ้าโชคของเขาไม่เพิ่มขึ้นก็พูดไม่ออกจริงๆ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนถอนหายใจโล่งอก เก็บค้อนม่วงทองเข้าไปในแหวนเวหา ก่อนจะหมุนตัวไปเริ่มค้นหาแร่วิญญาณที่เหมาะสมกับผู้มีวาสนาคนอื่นๆ
…………….
ครู่ต่อมา ปรากฏของดีในหินแร่วิญญาณก้อนหนึ่ง
นั่นคือกระบองไม้เล็กๆ สีแดงอันหนึ่ง ตรงปลายผูกลูกตุ้มดาวตกเอาไว้สองอัน น่าจะเป็นอาวุธเร้นลับ
เถ้าแก่ซ่งวิเคราะห์ให้เป็นสมบัติวิเศษระดับกลาง มีมูลค่าประมาณสี่พันศิลาวิญญาณ
ผู้มีวาสนาที่ได้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มองเสิ่นเทียน เหมือนจะสับสนและอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
ทว่าเขาก็ยังกัดฟันเอ่ย “ท่านเซียน ในตัวข้ามีศิลาวิญญาณไม่พอสองพันก้อน เกรงว่าคงจ่ายค่าผ่าแร่ให้ท่านไม่ได้”
เสิ่นเทียนเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ช่วยไม่ได้ ข้าไม่รับเงินผู้มีวาสนาแม้แต่แดงเดียว เจ้าไม่ต้องให้ก็ได้”
คนนั้นสะดุ้งโหยง “ไม่ๆๆ ท่านเซียนเป็นธุระให้เราอยู่ตลอด ไม่เอาค่าเหนื่อยจะได้อย่างไร คะ คะ คือว่า…เอาอย่างนี้แล้วกัน! ข้าขอขายสมบัติวิเศษชิ้นนี้ให้ท่านเซียนในราคาศิลาวิญญาณสี่ร้อยก้อน ท่านจะว่าอย่างไร”
เขาพูดพลางมองเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าเฝ้ารอคอย
ทว่าเสิ่นเทียนกลับหน้ามืดทะมึนลง “สมบัติวิเศษราคาสี่พันจะขายให้ข้าสี่ร้อยอย่างนั้นรึ”
เขามองเถ้าแก่ซ่งด้วยความสงสัยก่อนจะมองผู้มีวาสนาคนนี้อีก เจ้าสองคนนี้คงไม่วางอุบายจะหลอกข้าอยู่หรอกนะ!
แม้แต่ค้อนม่วงทองที่มีแสงสีทองขยับประกาย ยังมีค่าแค่หนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ แล้วสมบัติวิเศษชิ้นนี้ดูต่ำจะตาย ทั้งยังสกปรกนิดๆ อีก หน้าตาธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษก็มีค่าสี่พันศิลาวิญญาณเชียวหรือ
คิดว่าข้าเป็นแกะอ้วนไม่เข้าใจอะไรเลยรึ นี่ดูถูกสติปัญญาข้ากันชัดๆ!
………
ในธุรกิจเดิมพันหินแร่ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
เสิ่นเทียนคิดว่าตนจะเสี่ยงอันตรายไม่ได้ง่ายๆ
พอคิดได้ดังนั้นก็พูดด้วยความถูกต้องชอบธรรม “หึ หรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชอบละโมบเอาเปรียบคนอย่างนั้นรึ ในเมื่อสมบัติวิเศษชิ้นนี้เป็นโชคลิขิตของเจ้าก็รับเอาไว้เถอะ ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ข้า
ข้าเองก็ไม่ใช่คนละโมบเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ นี่คือการดูหมิ่นข้า!”
เอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็แค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง จากนั้นปัดแขนเสื้อเดินไป!
ทันทีที่เขาเดินไป กลับทำให้ผู้มีวาสนาคนนั้นตกใจจนทนไม่ไหว
เหตุใดเถ้าแก่ซ่งขายค้อนม่วงทองให้ท่านเซียนในราคาถูกได้ แต่ข้ากลับขายกระบองดาวตกวิญญาณร้ายให้ท่านเซียนในราคาถูกไม่ได้หรือ
ตอนนี้ท่านเซียนไม่รับแม้แต่ค่าเหนื่อยของข้า ท่านจะโกรธข้าหรือไม่ หรือว่าการที่ข้าอยากอวดเก่ง กลับกลายเป็นไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านเซียนนับจากนี้ไป?
เวลานี้ ผู้มีวาสนาคนนั้นตกใจจนหน้าเหมือนเถ้าถ่าน สำนึกเสียใจทีหลัง
………
ผู้มีวาสนาคนที่สองเห็นสภาพย่ำแย่ของเขา จึงควักป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อเงียบๆ
เขาหยิบพู่กันวิเศษออกมาด้ามหนึ่ง บันทึกอะไรบางอย่างลงบนป้ายหยกอย่างจริงจัง
‘หนึ่ง แบ่งโชควาสนาให้ท่านเซียนครึ่งหนึ่ง ผลการต่อวาสนา-ค่อนข้างอ่อน สถานะ-มีผล
สอง กอดขาบอกว่าคิดถึงท่านเซียนนัก ผลการต่อวาสนา-ชัดเจน สถานะ-ไม่มีผลแล้ว
สาม ขายโชคลิขิตให้ท่านเซียนในราคาต่ำ ผลการต่อวาสนา-ชัดเจนมาก สถานะ-ไม่มีผลแล้ว
สรุปรวมคือ หนึ่ง ต้องประจบจากใจจริง ประจบในแนวคิดใหม่ๆ ส่งความจริงใจออกมาถึงจะมีผล
สอง จะมั่วตามไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นการอวดเก่งแต่ปล่อยไก่ ทำให้ท่านเซียนไม่พอใจได้
สาม ท่านเซียนไม่ชอบการเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ต้องเป็นการเอาเปรียบหนักๆ ท่านเซียนถึงจะสนใจ’
บันทึกเสร็จสิ้น ผู้มีวาสนาคนที่สองเก็บป้ายหยกไปอย่างระมัดระวัง
เขาถอนหายใจเอ่ยว่า “ไม่นึกเลยว่าเถ้าแก่ซ่งจะฉลาดมากเพียงนี้ เหตุใดข้าหลิวไท่อี่ถึงคิดวิธีการดีๆ แบบนี้ไม่ได้! น่าเสียดายที่ตอนนี้น่าจะไม่มีผลแล้ว
เฮ้อ ในเมื่อให้กำเนิดซ่งแล้ว ไฉนถึงให้กำเนิดอี่ด้วย!”
ผู้มีวาสนาคนแรกกับสยงเหมิ่งข้างกายมองหลิวไท่อี่กับเถ้าแก่ซ่งด้วยความเลื่อมใสอย่างยิ่ง
นี่คือผู้มีสติปัญญาที่เคยร่ำเรียนในสถานศึกษาบำเพ็ญเซียนมารึ
แต่ละคนช่างร้ายกาจจริงๆ!
“สหายอี่ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องหาทางต่อวาสนาที่ดีกว่านี้ได้ในเร็ววันแน่!”
“ตอนนี้กำชับมาได้เลยว่าจะให้ข้าทำอะไร ขอแค่พาข้าไปดื่มน้ำแกงหมดไปด้วยกันก็พอ!”
“ข้าก็เช่นกัน!”
…………..
อีกด้าน ครั้นเห็นท่านเซียนจะไม่พอใจ ผู้มีวาสนาคนนั้นก็รีบขายกระบองดาวตกวิญญาณร้ายให้เถ้าแก่ซ่ง ก่อนจะนำศิลาวิญญาณสองพันก้อนมายัดใส่มือเสิ่นเทียนด้วยความนอบน้อม
ความจริง ตอนแรกเขาไม่อยากเก็บศิลาวิญญาณเอาไว้เลย จะให้เสิ่นเทียนทั้งหมดเป็นการไถ่โทษ
แต่ก็จนปัญญา ใจของเสิ่นเทียนขาวสะอาด จะไปรับค่าเหนื่อยเกินห้าส่วนได้อย่างไร
ดังนั้นท้ายที่สุด เสิ่นเทียนจึงรับมาแค่สองพันก้อนศิลาวิญญาณ
ทว่านี่ก็ยังทำให้ผู้มีวาสนาคนนั้นตกใจกลัวอยู่ดี
‘ท่านเซียนไม่ยอมรับการขอขมาของข้า ดูท่าคงจะโกรธจริงๆ
ฮือๆๆ มีทางใดที่ให้ท่านเซียนคลายความโกรธได้บ้าง?
ใครก็ได้ช่วยข้าที!
ข้าน้อยร้อนใจจะแย่แล้ว!
สิ้นหวังเหลือเกิน!’
แน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามเขาได้
ทุกคนกำลังดีใจอยู่ภายในใจ ดีนะที่คนที่เข้าไปเมื่อครู่ไม่ใช่ตนเอง
ไม่อย่างนั้นละก็ ให้สินบนตามคนอื่นแบบนี้คงได้โดนถีบกลับมาแน่
สหายตายได้ข้าตายไม่ได้ คนอื่นซวยย่อมดีกว่าตัวเองซวย!
เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ใส่ใจเพราะเรื่องนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
ถึงอย่างไรหลังจากเปิดโชคลิขิตหลายต่อหลายครั้งแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าศีรษะของตนเบาขึ้นเรื่อยๆ
เขาแอบหยิบกระจกออกมาดู วงรัศมีเหนือศีรษะขาวสะอาดมากขึ้นแล้ว
เหลือก็แค่จุดด่างดำเล็กน้อยส่วนสุดท้ายกับไอหมอกดำที่เบาบางอย่างยิ่ง
เขามั่นใจว่าอย่างมากสุดอีกสองสามวัน ตนจะได้ชะล้างจนหมดจดแน่นอน
………
ผู้มีวาสนาหลายคนของร้านวิญญาณสวรรค์ก็เปิดโชคลิขิตกันหมดแล้ว
เถ้าแก่ซ่งยิ้มอ่อนโยนพลางมองส่งทุกคนออกไปจากร้านวิญญาณสวรรค์
ถึงแร่วิญญาณหลายก้อนในครั้งนี้จะเปิดให้พวกเขาโดยไม่คิดเงินเลยก็ตาม ทว่าเถ้าแก่ซ่งไม่คิดว่าขาดทุน กลับรู้สึกว่าตนได้กำไรมากมายด้วยซ้ำ
อย่างอื่นไม่ว่า ลำพังแค่ศิลาวิญญาณห้าพันก้อนนั่นก็มากกว่าค่าผ่าแร่ไปมากโขแล้ว ซ้ำยังได้ขายค้อนม่วงทองให้ท่านเซียนในราคาถูก ทำให้ท่านเซียนรู้สึกดีกับตนอีกด้วย
ต่อจากนี้หากเจอโชคลิขิตก้อนใหญ่จริงๆ ท่านเซียนจะไม่นึกถึงเขาหรือ
บุคคลอย่างท่านเซียนแค่แคะเศษอาหารมาจากในซอกฟันตามอำเภอใจ นั่นก็มากพอจะทำให้เขาเถ้าแก่ซ่งกินอิ่มเต็มปากจนมันเยิ้มแล้ว ช่างหอมหวานจริงๆ!
อืม อย่างน้อยเถ้าแก่ซ่งก็คิดแบบนี้
“เห็นรึยังเจ้าลูกอกตัญญู นี่คือความฉลาดของบิดาเจ้า!”
พอเห็นคุณชายซ่งยืนอยู่ข้างๆ เถ้าแก่ซ่งก็พลิกฝ่ามือตบไปที
“เป็นคนหนุ่มสาวเหมือนกัน แต่เจ้าดูท่านเซียน แล้วหันมาดูตัวเจ้าเอง! เจ้าคนไร้อนาคต จากนี้ถ้าออกไปหาเรื่องอีก ข้าจะหักขาเจ้าเสีย!”
คุณชายซ่งนิ่งงัน
………….
ช่วงที่เถ้าแก่ซ่งกำลังหลงระเริงและคุณชายซ่งอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตานั้น มีบุรุษรุ่นเยาว์อีกคนเดินเข้ามาร้านวิญญาณสวรรค์
บุรุษผู้นี้สวมชุดผ้าไหมลายมังกรขาว ตรงข้างเอวแขวนหยกประดับสีมรกตชิ้นหนึ่ง
หน้าตายังถือว่ารูปงาม ลักษณะองอาจห้าวหาญ ดูก็รู้ว่าเป็นลูกหลานชนชั้นสูง
เถ้าแก่ซ่งตาเป็นประกาย รีบร้อนเข้าไปต้อนรับ
“โอ้ เชิญคุณชายท่านนี้ด้านในก่อนขอรับ ไม่ทราบว่าคุณชายมีนามว่าอะไร ต้องการให้ตาแก่อย่างข้าช่วยเลือกหินแร่หรือไม่”
การบริการของเถ้าแก่ซ่งทำให้บุรุษผู้นี้ค่อนข้างพึงพอใจทีเดียว
เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าคือเสิ่นเอ้า องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน!”
……………………………..…….