บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ
บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ
อีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่ง
นางสวมชุดเกราะส่องแสงเงิน ไหล่พาดเสื้อคลุมพยัคฆ์ขาว ดูองอาจสง่างาม ใบหน้าสวมหน้ากากขนหงส์สีแดงสด แผ่กลิ่นอายที่ลึกลับเกินหยั่ง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
ทว่าเสื้อคลุมกับชุดเกราะประณีตอย่างยิ่ง กลับวาดเค้าโครงที่มีสัดส่วนทองคำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
มืองามที่เล็กและเรียวยาวกับหลังคอที่โผล่มาข้างนอกขาวเนียนนุ่ม ราวกับผิวพรรณหยกของเซียน
ต่อให้เห็นใบหน้าไม่ชัด เพียงแค่เครื่องแต่งกายกับบุคลิกองอาจห้าวหาญ เสิ่นเทียนก็แน่ใจได้ว่าสตรีนางนี้ต้องมีใบหน้างามล่มแคว้นล่มเมืองอย่างแน่นอน
เห็นทีคงไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวหลิงเซียน
และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ วงรัศมีบนศีรษะของสตรีนางนี้
วงรัศมีเหนือศีรษะนางเป็นสีทอง เปล่งแสงสว่างจ้าแสบตาอย่างยิ่ง นอกจากจุดด่างเล็กๆ สีแดงเพียงน้อยนิดแล้ว นี่แทบจะเป็นวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์เลย!
รู้กันดีว่าต่อให้เป็นเสี่ยวหลิงเซียนที่ได้มรดกหัวใจสำคัญของผู้อาวุโสเสินสุ่ยหลิงมา วงรัศมีสีแดงของนางก็กลายเป็นสีทองแค่ตรงขอบเท่านั้น
ทว่าวงรัศมีของสตรีนางนี้แทบจะเป็นสีทองบริสุทธิ์ทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของดวงชะตานางและความสูงศักดิ์ของฐานะไม่อาจจินตนาการได้เลย!
ทว่าดูสตรีนางนี้เหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก เพราะหลังจากนางปรากฏกาย ทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันรุนแรง
นางเดินมากลางห้องทีละก้าว สายตาเคลื่อนมามองลูกประคำที่วางอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องช้า
เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสมบัติวิเศษชั่วช้าที่หลอมสร้างด้วยความไร้มโนธรรมที่สุดจริงๆ!
เจ้าลัทธิปรมาจารย์เซียนอะไรนี่ก็เป็นคนของลัทธิชั่วร้าย!
พอนึกถึงตรงนี้ นางพลันจับจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นสงสัยและอ่อนโยน
ไม่น่าใช่นะ!
ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสูบกินแก่นโลหิต กลิ่นอายอาฆาต และกลิ่นอายชั่วร้ายในการฝึกบำเพ็ญ
ปกติจะมีลักษณะโหดเหี้ยมเย็นชา ทำให้รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
แต่คุณชายท่านนี้เลือดลมเร่าร้อนมีชีวิตชีวา กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมายังคึกคักมากด้วย
ผนวกกับเอกลักษณ์เขาเหนือธรรมดา ไม่เหมือนมารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายเลย!
นอกจากนี้ ลัทธิวิญญาณร้ายที่ไหนจะทำใจใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงสมบัติชั่วร้ายได้ลง?
ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันกระมัง!
คิดได้ดังนั้น นางก็สลายแรงกดดันออกอย่างเนิบๆ
เขตแดนอาคมแก่นพลังทองที่เดิมทีผนึกห้องนี้ไว้ก็คลายออกช้าๆ เช่นกัน
จากนั้นนางป้องมือพูดกับเสิ่นเทียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีสหาย ข้าคือจางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้ยินว่าสวนหมื่นวิญญาณปรากฏร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย จึงมาตรวจสอบที่นี่
ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเหตุใดมันถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้”
แม้ท่าทีของนางจะดูเย็นชา ทว่าเสิ่นเทียนกลับรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก
ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีคนแรกที่เมินเฉยต่อรูปโฉมหล่อเหลาของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
อีกทั้งยังเล่นบทตามนิยายปกติด้วย เสิ่นเทียนถือลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสไว้ในมือ โดนคนจากสำนักสายหลักอันเลื่องชื่อบุกมามา จะต้องลงมือโดยไม่สนผิดถูกแน่
แต่สตรีนางนี้กลับไม่ได้บุ่มบ่ามเพียงนั้น แต่สอบถามอย่างรอบคอบ
เสิ่นเทียนชื่นชมนิสัยสุขุมเช่นนี้มาก จะมีก็แต่ชื่อของนางที่ทำให้เขาอยากขำ
จางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ
นางยังมีพี่ชายด้วยหรือไม่ ชื่อจางอวิ๋นเหลยรึเปล่า
……..
เสิ่นเทียนนั่งลงช้าๆ ก่อนจะหยิบลูกประคำมาไว้ตรงหน้าจางอวิ๋นซีแล้วเล่าเรื่องหน้าหุบเหวเมื่อหลายวันก่อนให้ฟังอย่างฉะฉาน
“เรื่องผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยบุกมา คณะผู้คุมกฎสามท่านยืนยันให้ข้าได้
ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่ยังมีรอยแตกเสียหายอยู่ ไม่เชื่อท่านเซียนก็ตรวจสอบดูได้ ทุกคำที่ข้าพูดจริงแท้ทุกประการ และพร้อมให้ความร่วมมือท่านเซียนตรวจสอบทุกเมื่อ”
ท่าทีให้ความร่วมมือของเสิ่นเทียน ทำให้จางอวิ๋นซีคลายความสงสัยในใจไปช้าๆ
แน่นอน คำพูดจากปากเสิ่นเทียนมีรายละเอียดจริงหรือไม่จริงนั้น นางยังต้องไปตรวจสอบความจริงจากผู้นำคณะทั้งสามท่านนั้นก่อน
จางอวิ๋นซีไม่ใช่พวกบ้าผู้ชายที่เห็นบุรุษรูปงามแล้วจะใจอ่อนระทวย
ต่อให้ท่านชายผู้นี้จะรูปงามไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิวิญญาณร้ายจริงๆ จางอวิ๋นซีก็จะลงโทษตามกฎ พากลับไปสอบสวนที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นกัน
แน่นอนว่าถ้าหน้าตาขี้เหร่ ก็อาจจะถูกสำเร็จโทษทันทีเหมือนกัน
………
กว่าจะเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เสิ่นเทียนคิดว่าตนจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้
เขามองจางอวิ๋นซีด้วยความจริงใจ “ท่านเซียน ข้ามีเรื่องจะขอความกรุณา”
จางอวิ๋นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องยุ่งยาก แต่เมื่อนางมองเสิ่นเทียน เห็นความจริงใจจากบนใบหน้าเขาแล้ว สุดท้ายนางก็ยังพยักหน้าด้วยความจนปัญญา
“เจ้าว่ามา! ขอแค่ไม่เกินไป ข้าจะพิจารณาดู”
เสิ่นเทียนพูดด้วยความดีใจลิงโลด “ท่านเซียนช่วยข้าโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้หรือไม่”
ในลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรส นอกจากมารดาภูตผีแล้วยังมีโอรสภูตผีอีกหลายร้อยตน โอรสภูตผีเหล่านี้เคยโดนสมบัติชั่วร้ายบวงสรวง หากไม่ได้ผู้บำเพ็ญวิถีเซียนระดับสูงสำแดงการโปรดสัตว์จะได้ไปเกิดใหม่ยากยิ่ง
เสิ่นเทียนสำแดงวิชาโปรดสัตว์ใดๆ ไม่ได้เลย ได้แต่ขอร้องจางอวิ๋นซี
จางอวิ๋นซีอึ้งไปเล็กน้อย นางก็คิดว่าเสิ่นเทียนจะขออะไรเสียอีก!
ไม่นึกเลยว่าการขอความกรุณาที่ว่า จะเป็นการขอให้โอรสภูตผี
……….
ต้องรู้ไว้ว่า ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ใจคนช่างบอบบางนัก
สำนักสายหลักที่มีชื่อเสียงมากมายสังหารมารเพียงเพื่อชิงแก่นอสูรมาหลอมโอสถ กำจัดมารก็เพื่อขจัดพวกเห็นต่าง และทำให้ฐานะในสำนักมั่นคง
ถึงผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่จะสังหารผู้บำเพ็ญเซียนลัทธิวิญญาณร้าย ก็จะแค่ทำลายสมบัติชั่วร้าย กระทั่งผู้บำเพ็ญบางคนเอาสมบัติชั่วร้ายไปขายตลาดมืดแลกเป็นทรัพยากรฝึกบำเพ็ญ
มีเพียงวิชาโปรดสัตว์ที่ได้รับถ่ายทอดจากสำนักชั้นยอดอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เมื่อลูกศิษย์เจอสมบัติชั่วร้ายถึงจะตรึกตรองเรื่องใช้แรงกายแรงใจโปรดสัตว์
อีกอย่างต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็มีศิษย์ส่วนใหญ่เลือกไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรการโปรดสัตว์ให้วิญญาณก็ต้องเสียฤทธิ์เดชพลังวิญญาณจำนวนมาก
ทรัพยากรในโลกการบำเพ็ญเซียนไม่พอ ทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของคนส่วนมากก็ไม่พอ
แล้วจะเอาจากไหนเยอะแยะมาโปรดสัตว์แทนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันด้วย?
เมื่อครู่ตอนที่จางอวิ๋นซีเห็นเสิ่นเทียนใช้ศิลาวิญญาณบำรุงรักษาลูกประคำก็ค่อนข้างตกใจแล้ว ตอนนี้เสิ่นเทียนบอกว่าใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น ยิ่งทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าใช้วิชาพวกโปรดสัตว์ไม่เป็นรึ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยังเก็บลูกประคำนี่ไว้”
ใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น แต่เก็บมารดาภูตเก้าโอรสไว้ข้างกาย ปกติมีเพียงสามผลลัพธ์
แบบแรก พามารดาภูตผีเก้าโอรสไปสังหารคนธรรมดา ใช้ความอาฆาต พลังชั่วร้าย และปราณโลหิตเลี้ยงดู
แบบที่สอง ใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากเลี้ยงลูกประคำพวกนี้ทุกวันแบบที่เสิ่นเทียนทำ
แบบที่สาม ทำสองอย่างแรกไม่ได้ รอมารดาภูตผีกับโอรสภูตผีในลูกประคำหิวจนทนไม่ไหว สุดท้ายถูกความคิดร้ายกัดกิน จนแว้งกัดเจ้าของเอง
ผลลัพธ์สามแบบนี้ไม่ว่าแบบใดก็เหนื่อยเปล่า
คุณชายท่านนี้ดูแล้วไม่เหมือนคนเขลาเลย!
เสิ่นเทียนได้ยินคำถามจางอวิ๋นซีแล้วนิ่งอึ้งไป
“แม่นางจิ่วเอ๋อร์กับพวกลูกๆ ถูกขังในลูกประคำ ไปเกิดไม่ได้ ข้าเก็บลูกประคำนี่ไว้ ใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงพวกเขาไปก่อน ท่านเซียนคิดว่าไม่เหมาะสมตรงไหนรึ”
เสิ่นเทียนเป็นชายหนุ่มที่ได้รับการศึกษาตามมาตรฐานของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาคิดว่าตนเองทำถูกอยู่แล้ว!
เหตุใดถึงรู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มองตนเหมือนมองคนโง่อยู่นิดๆ!
จางอวิ๋นซีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตามีความเลื่อมใสเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมอยู่แล้ว สหายมีคุณธรรมสูงส่ง อวิ๋นซีนับถือ อวิ๋นซีรู้วิชาโปรดสัตว์อยู่บ้าง ช่วยสหายโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้ เพียงแต่อวิ๋นซีสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง หวังว่าสหายจะกรุณาให้คำชี้แนะด้วย”
เสิ่นเทียนดีใจลิงโลด “ขอแค่ท่านเซียนยินดีช่วย ก็ถามมาได้เลย”
จางอวิ๋นซีจ้องเสิ่นเทียนด้วยตาเป็นประกายวาววับ ถามว่า “เหตุใดสหายถึงบอกว่าแค่จะให้อวิ๋นซีโปรดสัตว์แก่โอรสภูตผี มารดาภูตผีตนนี้เหมือนจะมีความอาฆาตรุนแรงกว่าอีก ไม่โปรดสัตว์ไปด้วยกันรึ”
………………………..………..