บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 75 แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสบัวมรกต
- Home
- บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
- บทที่ 75 แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสบัวมรกต
บทที่ 75 แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสบัวมรกต
องค์ที่สอง แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…แสงมรกตส่องไปทั่วหล้า
บทที่ 75 แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสบัวมรกต
โฮก!
กลางท้องนภา พยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามด้วยความไม่ยอมก่อนจะร่างระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวนั้นระเบิดเป็นจุณแล้วก็มีร่างเงางดงามกระเด็นลอยออกไป นางใบหน้าขาวซีด ตรงมุมปากยังมีโลหิตไหลออกมาเป็นสาย
ใช่ คนนี้คือจางอวิ๋นซีที่ออกจากสวนหมื่นวิญญาณ
หลังจากถ่ายทอดมรดกสามวิชาให้เสิ่นเทียนส่วนหนึ่งแล้ว จางอวิ๋นซีก็หลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ยังถูกบางคนจับจ้องเป็นพิเศษ
ปรากฏการณ์จากสวรรค์ในตอนนั้นสร้างความตกตะลึงในใจคน เห็นได้ชัดว่ามีสมบัติล้ำค่าปรากฏกาย
สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางอวิ๋นซีอยู่ในพื้นที่ใจกลางปรากฏการณ์พอดี ทั้งยังหลบหนีออกมา นี่ทำให้คนสงสัย ทำให้คนที่ซ่อนอยู่ในเงามืดพวกนั้นสนใจ
สมบัติล้ำค่าที่แม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังคิดว่ากุมไม่อยู่จะต้องหนีไปทันที เช่นนั้นมันจะล้ำค่าเพียงใด แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ ผู้แข็งแกร่งสุดยอดในละแวกอาณาจักรต้าเหยียนจึงสะกดรอยตามมา ในคนพวกนี้คนที่อ่อนแอที่สุดก็จุดสูงสุดระดับแก่นพลังทอง อีกทั้งยังมีไพ่ตายทำให้ระดับดวงจิตดรุณบาดเจ็บได้
ไม่อย่างนั้นไม่กล้าตามผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณเยอะขนาดนี้มาด้วยกันแน่ นั่นก็แค่รนหาที่ตายเท่านั้น
ในนั้นมีผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตอรุณอยู่เยอะกว่า ทั้งยังไม่อ่อนแอกว่าขอบเขตพลังเดียวกัน
“สุดยอด ไม่อยากเชื่อว่าจะฝึกฝนปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สำเร็จ”
“สมกับเป็นอันดับเก้าในรายนามแก่นพลังทองแดนบูรพาจริงๆ”
“เสียดายอย่างเดียวนางยังอยู่แค่ระดับแก่นพลังทอง!”
…….
ผู้สูงศักดิ์แต่ละท่านยืนหยัดอยู่กลางอากาศด้วยความโอหัง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายพลังแก่กล้า
พวกเขาตามรอยจางอวิ๋นซีมาหนึ่งวันหนึ่งคืนจนในที่สุดก็ปิดล้อมนางไว้ได้
ในมุมมองพวกเขา ต่อให้จางอวิ๋นซีมีพรสวรรค์แกร่งยิ่งกว่านี้ก็เป็นเพียงผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง เมื่อเจอผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณปิดล้อมสิบกว่าท่าน ย่อมไม่มีทางต้านได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้พวกเขาล้อมจางอวิ๋นซีสำเร็จ สมบัติล้ำค่าสูงสุดแห่งยุคอยู่ตรงหน้าแล้ว
“สตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นซี พวกข้าไม่มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เพียงแค่ต้องการสมบัติเท่านั้น ขอแค่ท่านส่งสมบัติล้ำค่านั้นออกมาแบ่งปันพวกเราดูสักครั้ง พวกข้ารับปากว่าจะไม่ทำร้ายท่านและจะปล่อยท่านไปอย่างปลอดภัย”
……
ผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตอรุณสูงสุดท่านหนึ่งถูกปกคลุมอยู่กลางหมอกดำ ซ่อนเร้นรูปลักษณ์ไว้ การล่าสังหารสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เรื่องใหญ่เช่นนี้ไม่มีใครกล้าทำชั่วอย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้ว
แม้จะอยู่จุดสูงสุดระดับดวงจิตดรุณ ห่างจากระดับหลอมรวมเทพเพียงหนึ่งก้าวก็ตาม
ทว่าหากถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตรวจสอบได้ว่าปองร้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มีแต่หนทางตายเพียงอย่างเดียว ถึงอย่างไรผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพพวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองท่าน
จางอวิ๋นซีเห็นเหล่าผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณที่เผยสีหน้าละโมบพวกนั้นแล้ว นัยน์ตาฉายแววเย้ยเยาะ
“แต่ละคนอย่างกับตัวประกอบซ่อนหัวโผล่แต่หาง ไม่อยากเชื่อว่าระดับดวงจิตดรุณจะหน้าไม่อายปิดล้อมข้า พวกเจ้าเข้ามาให้หมดเลย ใครกล้าสู้กับข้าอย่างเป็นธรรมบ้าง?”
จางอวิ๋นซียืนหยัดด้วยความภาคภูมิใจ เกราะประกายแสงพยัคฆ์ขาวอาบโลหิตเปล่งแสงวาววับ
ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาที่แตกสลายไปก่อนหน้านี้รวมขึ้นข้างหลังนางอีกครั้ง นางในยามนี้คล้ายกับเทพีสงครามถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งจริงๆ
จะโต้กลับผู้สูงศักดิ์!
……
“เหอะๆ แค่เด็กน้อยระดับแก่นพลังทองตัวเล็กจ้อย กลับอวดดี”
มีเสียงหญิงชราดังมาจากในกลุ่มผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณนั้น
นางหัวเราะเหอะๆ “ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ!”
ดวงตาหงส์ของจางอวิ๋นซีเย็นเยียบนิดๆ “ยายเฒ่า เจ้าแล้วกัน!”
กล่าวจบ พยัคฆ์ขาวข้างหลังจางอวิ๋นซีพลันส่งเสียงคำราม ร่างนางกลายเป็นแสงเทพสีเงินสายหนึ่งพุ่งตรงไปหาหญิงชราคนนั้น
พลังวิญญาณสว่างพร่างพราวลุกโชตช่วงบนผิวกายนาง ตัดสลับสะท้อนแสงกับแสงสว่างพยัคฆ์ขาว
ยามนี้นางใช้วิชาลับเทพสวรรค์แล้ว เตรียมจะสู้สุดชีวิต!
ตรงระหว่างคิ้วนางปรากฏสัญลักษณ์สายฟ้าสีทองสว่างแวววาวขึ้น เมื่อปรากฏสัญลักษณ์นี้ พลังทั่วร่างนางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ชกหมัดหนึ่งออกไป แม้แต่มวลอากาศยังพังทลาย
พยัคฆ์คำรามป่าเขา ร้อยสัตว์ล้วนเงียบสงัด!
โฮก โฮก โฮก!
………
“ไม่ ระดับแก่นพลังทองตัวเล็กจ้อยจะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร!”
หมอกดำถูกสายฟ้าสว่างจ้าจู่โจมใส่ตรงๆ ก่อนสลายเป็นมวลอากาศ หญิงชราที่เดิมทีซ่อนอยู่กลางหมอกดำทันแค่ส่งเสียงกรีดร้องทีเดียวเท่านั้น
จากนั้นก็ถูกการโจมตีแก่กล้าจากวิชาลับจางอวิ๋นซีฉีกร่างเป็นเสี่ยงๆ ดวงจิตอรุณส่องแสงดวงหนึ่งกระเด็นออกมาจากร่างหญิงชรา นางจะหนีไปไกลพันลี้ แบบนั้นยังมีโอกาสหาคนยึดร่างเกิดใหม่ได้
แต่ก็น่าเสียดาย จางอวิ๋นซีจะให้โอกาสนั้นกับนางได้หรือ?
ก่อนจะมีหงส์แดงเพลิงอัสนีสีม่วงอมแดงตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกไป นั่นคืออัสนีเทพหงส์แดงธาตุไฟลำดับสอง มันพุ่งเข้าไปห่อหุ้มดวงจิตอรุณของหญิงชราเอาไว้
หญิงชรากรีดร้องเสียงแหลมเล็กพร้อมกับถูกไฟแผดเผาไม่หยุด ไม่นานผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นก็ตายตกด้วยน้ำมือจางอวิ๋นซีอย่างน่าอัปยศ
ดวงวิญญาณสลายหายไป!
…..
ในช่วงเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่ปิดล้อมจางอวิ๋นซีไม่มีใครช่วย เหตุผลง่ายมาก พวกเขาไม่ได้มาจากขุมอำนาจเดียวกัน ตอนนี้จางอวิ๋นซีโดนปิดล้อมอยู่ในช่วงม้าตีนปลายแล้ว
ทุกคนที่นี่อาจจะเป็นศัตรูกันได้
ในเมื่อจางอวิ๋นซียินดีสำแดงวิชาต้องห้ามสังหารคู่ต่อสู้แย่งชิงของพวกเขาไปคน พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธ กระทั่งอยากจะให้จางอวิ๋นซีสังหารไปอีกสองสามคนด้วยซ้ำ!
“หึๆ ไอ้พวกเห็นแก่ตัว!”
จางอวิ๋นซีแค่นยิ้ม ในมือปรากฏยันต์แผ่นหนึ่ง
นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ย่อมไม่มีทางไร้กลยุทธ์เอาตัวรอด
ยันต์หลบหนีเทพสวรรค์แผ่นนี้ทำให้นางกลายเป็นสายฟ้าหนีไปได้ไกลหลายร้อยลี้ในพริบตา ตอนนี้หญิงชรานั่นถูกสังหารแล้ว วงปิดล้อมที่ตอนแรกแน่นหนาเกิดช่องโหว่ขึ้นมา
จางอวิ๋นซีขยี้ยันต์หลบหนีเทพสวรรค์แผ่นนี้ทันที ก่อนจะกลายเป็นแสงสายฟ้าสายหนึ่งหลบหนีไป
……
“แย่แล้ว รีบขวางนางไว้!”
กลุ่มผู้สูงศักดิ์พลันหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรงก่อนจะเข้าไปขวางจางอวิ๋นซี ทว่าด้วยความที่ไม่กล้าเผยฐานะจึงไม่อาจใช้ความสามารถได้อย่างชำนาญ
ดังนั้นถึงผู้สูงศักดิ์หลายคนจะลงมือพร้อมกันก็ยังขวางจางอวิ๋นซีไว้ไม่ได้
ก่อนจะเห็นจางอวิ๋นซีกลายเป็นแสงสายฟ้าหายหนีไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ทันใดนั้นเองมวลอากาศพลันแยกออก ร่างเงาสีทองมหึมาพุ่งออกมาจากในนั้นก่อนกระโจนไปหาจางอวิ๋นซี
นั่นคือนกอินทรีใหญ่ปีกทอง ขนทั่วร่างเป็นทองคำ ราวกับหลอมขึ้นจากทองคำเทพ
ดวงตามันขยับประกายหนาวเยือกน่าหวาดหวั่น มวลอากาศบิดเบี้ยวรอบกรงเล็บคมกริบ ปีกสองข้างกางออกยาวหลายสิบจั้ง เรียกได้ว่าบดบังฟ้ากำบังตะวันเลย
เห็นได้ชัดมากว่านี่คือราชาสัตว์อสูรน่าสะพรึงที่มีกำลังรบแก่กล้า มันบินออกมาจากมวลอากาศอย่างรวดเร็ว สองปีกสั่นทีกลายเป็นเศษเงาสีทอง
พริบตาเดียวพุ่งไปร้อยลี้ ขวางจางอวิ๋นซีที่กำลังหลบหนีเอาไว้
“พวกขยะ แม้แต่เจ้าเด็กน้อยระดับแก่นพลังทองคนเดียวยังขวางไว้ไม่ได้ โชควาสนาเป็นเอกแห่งยุคของยัยหนูนี่ต้องเป็นของข้าทั้งหมด!”
มีเสียงมนุษย์ดังมาจากปากราชาอินทรียักษ์ปีกทอง มันยิ้มเยาะทีหนึ่ง ก่อนจะใช้กรงเล็บคมกริบฉีกมวลอากาศสืบหาไปทางจางอวิ๋นซี
“นี่มันเผ่าอสูรระดับหลอมรวมเทพ ราชาอินทรียักษ์ปีกทอง!”
จางอวิ๋นซีมองราชาอสูรนั้นด้วยแววตาสิ้นหวังเล็กๆ
ต่อให้นางจะเป็นอัจฉริยะยิ่งกว่านี้ก็ไม่มีทางสวนกลับระดับหลอมรวมเทพได้
ถึงอย่างไรระหว่างระดับแก่นพลังทองกับหลอมรวมเทพก็ต่างกันมากเกินไป!
หรือว่าข้าจางอวิ๋นซีจะต้องสิ้นชีพอยู่ที่นี่จริงๆ?
ตอนนี้ในหัวนางนึกถึงเสิ่นเทียนอีกแล้ว
ดูท่าคงต้องรอชาติหน้าถึงจะได้ตอบแทนท่านชายเสิ่น
…..
ชั่วขณะที่จางอวิ๋นซีแทบจะยอมแพ้ไม่ขัดขืนนั้น กรงเล็บอินทรียักษ์ปีกทองถูกขวางเอาไว้ ก่อนจะมีดอกบัวสีเขียวมรกตส่องสะท้อนมาจากมวลอากาศ ขวางหน้าจางอวิ๋นซีอย่างมั่นคง
ดอกบัวมรกตนี้เบ่งบานเจ็ดระดับ ทุกส่วนมีอักขระจารึกมหามรรคลึกลับ มันสะกดมวลอากาศเอาไว้และคุ้มกันจางอวิ๋นซีเอาไว้ในดอกบัวมรกต
แม้กรงเล็บอินทรียักษ์ปีกทองจะคมกริบเป็นหนึ่ง แต่ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้
ทันใดนั้นจางอวิ๋นซีมีสีหน้าดีใจ “อาจารย์ลุงบัวมรกต!”
…………………………..………