บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1017
บทที่ 1017 รสชาติ
สาวเต้นรำงดงามมีเสน่ห์ ย่างก้าวขึ้นบนเวที
รอยยิ้ม ท่วงท่าทำเอาผู้คนที่เห็นใจสั่น รูปร่างที่งดงาม คิ้วโก่งได้รูป
กู้อ้าวเวยอดมองไม่ได้ ไม่เคยเห็นหญิงงามเช่นนี้ในเอ่อตานเลย ไม่เหมือนหญิงชางหลานที่อ่อนโยน ปกติหญิงชางหลานมากมายก็เอาแต่ฝึกวรยุทธ รูปร่างสัดส่วนได้รูป แต่มองแล้วกลับมีกล้ามเนื้ออยู่มาก ดูสวยงามไปอีกแบบ
ในขณะที่ไม่ทันตั้งตัว ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ข้างๆสะกิดแขนนางเบาๆ: “อย่าดูจนเหม่อลอยล่ะ”
มีผู้หญิงที่ไหนกันที่ลามก?
“สาวงามอยู่ตรงหน้า มีเหรอที่จะไม่ดู” สาวเต้นรำพวกนี้ดูงดงามมากกว่าหญิงอ่อนแอในวังพวกนี้เสียอีก
สายตานางมองไปที่ช่องว่างระหว่างสาวเต้ารำ ไปจบอยู่ที่ตงฟางซวนเอ๋อ
ตงฟางซวนเอ๋อมากับซ่านจินจื๋อ นั่งลงข้างเขา ชุดกระโปรงแดงแปร๊ด หางตาทาด้วยสีสันสด ตอนนี้ดูจากภายนอกแล้ว ตงฟางซวนเอ๋อเป็นหญิงหนึ่งในของตำหนักอ๋องจิ้ง แต่ว่าเพราะก่อนหน้านี้ตระกูลตงฟางกับตระกูลหลี่ไม่ค่อยมีแล้ว ตอนนี้ทั้งสองตระกูลจึงปรองดองกันมากขึ้น นางจึงได้ออกมา
ฮองเฮาเห็นสายตากู้อ้าวเวย ก็หัวเราะออกมา
ต่อหน้าซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยเป็นหญิงฉลาดและรอบรู้ทุกอย่าง มีสติจนไม่หลงเหลือความอิจฉา
“ซวนเอ๋อกับอ๋องจิ้งดีกันแล้ว ข้าก็ยินดีด้วย” ฮองเฮาฮองเฮาตงฟางพูดเสียงเบา แค่ให้ซ่านต้วนโฉงที่นั่งข้างๆได้ยินชัดเจน สามีภริยาสองคนมองไปพร้อมกัน ก็เห็นตงฟางซวนเอ๋อกำลังยื่นขนมไปให้ซ่านจินจื๋อ ด้วยท่าทีที่อ่อนหวาน
“ท่านป้าสบายดี ขอบพระทัยท่านอ๋องมาก” ตงฟางซวนเอ๋อก้มหัวให้เล็กน้อย
“ก็คงเป็นเช่นนั้น” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยสีหน้าเดิม มองดูกู้อ้าวเวยตรงหน้าที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาและดื่มจนหมด ซ่านเซิ่งหานกลับไม่ได้ห้ามใดๆ แค่ยิ้มและจ้องมองนาง ด้วยสายตาที่อ่อนโยน
เจ้าเด็กนี่……
หลายปีแล้วยังไม่ลืมอีกเหรอ บอกหลายครั้งแล้วให้ปล่อยวาง ตอนนี้ยังจะไม่ยอมปล่อยวางอีก
กู้อ้าวเวยมองไปที่ฉูห้าว มองดูใบหน้าที่ขาวอมแดง ชุดสีน้ำเงินที่ดูไม่เข้ากับความหรูหราในวังเลย นั่งตัวตรง และกำลังจ้องมองมาที่นางอยู่
นี่ก็คือน้องชายที่ตัวเองลืมไปแล้ว
คิดแล้ว กู้อ้าวเวยยิ้มเล็กน้อย แก้วเหล้าในมือชูขึ้นมาตรงหน้าเขาและดื่มไปจนหมด
ฉูห้าวกลับขมวดคิ้ว ตอนเขามาก็ได้ยินจากกุ่ยเม่ยแล้วว่านางมีหลายเรื่องที่จำไม่ค่อยได้แล้ว เมื่อกี้รอยยิ้มนั้น กลับเหมือนเมื่อก่อนไม่มีอะไรเปลี่ยน ระหว่างนั้นมีขุนนางชางหลานมายินดีต้อนรับมากมายเขาก็ยิ้มรับ มองดูฉีหรัวที่นั่งข้างๆ และพูดเสียงเบาว่า: “พรุ่งนี้พี่สาวแต่งงาน กลับไม่รู้ว่าควรจะส่งให้อะไรดี”
ฉีหรัวถูกเรียกว่าพี่สาวจนอึ้ง ต่อมาก็ได้สติก็พูดว่า: “รัชทายาท ข้า……”
“เรียกข้าฉูห้าวก็พอ พี่สาวข้าเอาแต่ใจทำให้พี่หรัวต้องพัวพันเข้ามาในเรื่องนี้ ข้ากับท่านลุงไม่มีทางไม่สนใจแน่” ฉูห้าวพูดเสียงเบา ไม่ได้เอาของขวัญยินดีขึ้นมามอบให้ในห้องโถงเลย แต่กลับเอามุกฟ้าหนึ่งพวงออกมาให้ฉีหรัว
มุกฟ้าหน้าตาคล้ายกับอำพันเล็กน้อย ในนั้นกลับมีแสงส่องสว่างอยู่ จึงได้ชื่อเรียกนี้
และหนึ่งพวงที่เรียบง่าย ภายในเอ่อตานคงจะได้เจอแต่ก็ไม่ได้มาง่ายๆ ฉีหรัวอึ้ง: “ของสิ่งนี้มีค่าเกินไปแล้ว”
“ในเมื่ออยู่บ้านเดียวกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรมีค่าหรอก” ฉูห้าวหัวเราะขึ้นมา เลิกแขนเสื้อขึ้นและดื่มเหล้า และเอาของเล็กๆน้อยๆจากเอ่อตานออกมาจากเสื้อวางไว้ตรงหน้าฉีหรัว ทำเอาพวกขุนนางที่เห็นแล้วต้องชะงัก
รัชทายาทเอ่อตานเหมือนน้องชายแท้ๆของฉีหรัวเลย ฉีหรัวก็เก็บไว้โดยไม่ปฏิเสธใดๆ
กู้อ้าวเวยกินเหล้าเข้าไปไม่กี่แก้วก็เริ่มเวียนหัวแล้ว คิดว่าคงจะชนกับยาในร่างกายนาง มองซ่านต้วนโฉงที่นั่งอยู่ไกล นางสั่งสาวรับใช้ข้างๆ: “ข้ารู้สึกไม่สบาย ไม่อยู่รบกวนแล้วล่ะ แค่ขอฝ่าบาทให้ข้าได้พบน้องชายด้วย”
สาวรับใช้เข้าใจและไปรายงาน
กู้อ้าวเวยพยุงโต๊ะขึ้น เดินเซไปมา
ซ่านเซิ่งหานรีบเข้าไปพยุงตัวเอาไว้ จับข้อมือที่อ่อนเพรียวนั้นเบาๆ อีกข้างก็โอบเอวเล็กของนางไว้ และมองซ่านจินจื๋อด้วยสายตาที่เยาะเย้ย จากนั้นก็พูดเสียงอ่อนโยนว่า: “ข้าพาเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างอ่อนแอ ยกมือขึ้นนวดขมับ
ซ่าต้วนโฉงกับซ่านจินจื๋อที่อยู่ไกลก็กลับมองไปที่ภาพนั้น และเห็นซ่านจินจื๋อออกจากงานโดยไม่พูดอะไร ซ่านต้วนโฉงเบะปาก พูดเสียงเบาว่า: “รัชทายาทเดินทางมาไกลคงเหนื่อยแย่”
สายตาสบเข้าหากัน ฉูห้าวกำลังมองกู้อ้าวเวยที่ออกจากงานก็รู้ได้ จึงมีสีหน้ากังวล: “ข้ามาชางหลานครั้งแรก รู้สึกไม่ค่อยดีจริง แต่ว่าวันนี้ได้เจอพี่สาว ก็รู้สึกดีมาก”
ซ่านต้วนโฉงหัวเราะ และพูดว่า: “รัชทายาทถ้ารู้สึกไม่ดี ก็ให้หมอเทพรักษาร่างกายให้ท่าน อย่าได้พลาดงานแต่งเชียว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ฉูห้าวยิ้มพยักหน้า ทำท่าไม่สบายตัวออกจากงานไป
รัชทายาทเอ่อตานออกจากงาน สายตาทุกคนก็มองไปที่ฉีหรัว นางก็แก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด พูดกับซ่านเชียนหยวนให้เขาพูดหรือตอบดีๆ เดี๋ยวเขาได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดอีก แต่กลับเห็นสายตาที่ไม่พอใจของซ่านเชียนหยวน——ฉูห้าวดีกับหรัวเอ๋อร์เสียจริง เขากลับไม่เคยซื้อของอะไรให้กับฉีหรัวเลย
เดินตามสาวรับใช้มาถึงหลังตำหนัก ฉูห้าวยังไม่ได้เดินเข้าไป ก็มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามา
รับมาด้วยแก้วที่เต็ม ตรงจมูกมีกลิ่นยาและเหล้ารวมกัน และกู้อ้าวเวยที่เตี้ยกว่าเขาก็ซบลงตรงไหล่ ชายสองคนในตำหนักสีหน้าดูไม่ดีอย่างมาก แต่กลับไม่มีคนกล้ามาดึงกู้อ้าวเวยลงไป จึงต้องดึงนางเบาๆ เรียกเสียงเบาว่า: “พี่สาว”
“พวกเราไปนั่งข้างๆนั้นเถอะ อย่าสนใจสองคนนี้เลย”
หางตากู้อ้าวเวยแดงกล้ำ ไม่ลืมโอบไหล่ฉูห้าวหันกลับไปมอง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นิ้วมือที่ขาวเนียนบีบไหล่ชายหนุ่มไว้แน่นจนแดง ซ่านจินจื๋อดวงตาแดงกล้ำ แต่กลับอดทนไว้พยักหน้า: “นางเมาแล้ว”
“แม้ข้าจะเมา ก็รู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองพูดแต่เรื่องไร้สาระ” กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้น มองค้อนทั้งสอง ตัวที่อ่อนหวบก็นั่งตัวตรงขึ้นมา: “ถ้าพวกเจ้าไม่คิดจะบอกกับข้า ก็อย่าได้มายุ่งกับข้า อย่าทำให้ข้าต้องคิดมาก”
พูดจบ นางก็ไอกระแอมและโอบไหล่ฉูห้าวไว้ ยัดกระเป๋าหอมให้กับเขา ยิ้มพูดว่า: “อยู่ข้างกายนานๆ ก็สามารถแยกแยะยาพิษได้เอง”
ฉูห้าวพยักหน้า รีบพยุงนางไว้ พูดเสียงเบาว่า: “เจ้ากับพี่เขย……”
“เจ้าพูดเรื่องตัวเองหน่อยเถอะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าน้องชายเป็นยังไง?” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างสดใส และเอียงหัวเข้าใกล้ฉูห้าว: “ข้าจำหน้าตาของเจ้ากับท่านแม่ไม่ได้เลย เจ้าลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
“ได้” ตอบตกลงแล้ว ฉูห้าววางนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน และพูดเรื่องเมื่อก่อนของตัวเอง
กู้อ้าวเวยประคองหน้าตั้งใจฟัง
ทุกคำพูด สลักเข้าหัวใจทั้งหมด