บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1018
บทที่ 1018 สายเลือดเดียวกัน
“ชิงจือตอนนี้จับดาบไหวแล้ว กระบวนท่าก็ฝึกได้อย่างดี”
“อี้จื๋อตอนนี้ก็เติบโตไม่น้อยแล้ว ทุกวันก็ร้องออกเสียง ตัวติดน้าหยุนไม่ไปไหนเลย”
“ตอนที่หยินเชี่ยวท้อง ฉีหลินคิดว่าหยินเชี่ยวป่วยหนักหรือเปล่า ในค่ำคืนนั้นก็รีบไปเคาะประตูตามหมอมา ตอนนี้ใกล้คลอดแล้ว ได้ยินว่าเป็นฝาแฝด หยินเชี่ยวดีใจมาก บอกว่าเพราะได้โชคมาจากอี้จื๋อ”
พูดพึมพำมากมาย พอฉูห้าวได้สติ กู้อ้าวเวยก็ฟุบหลับบนโต๊ะไปแล้ว
พี่สาวที่หลับลงไปไม่มีความดุเหมือนปกติแล้ว ใบหน้าที่นอนหลับอ่อนโยน ขนตาสั่นเบาๆ แขนที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนก็เผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย มองเห็นกระดูกที่พูนออกมาได้ตลอดเวลา ฉูห้าวก็รู้สึกนางผอมลงไปมาก จึงยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อนางลง ดมกลิ่นเหล้าอ่อนๆนั้นและไม่พูดอะไรอีก แค่นั่งจ้องมองเงียบๆ
เขากับฉูหลี่สนิทกันดั่งพ่อลูก นับแล้วก็มีเชื้อสายเดียวกัน
และฉูหลี่ทั้งชีวิตนี้นอกจากหยุนหว่านก็ไม่ได้แต่งงานกับใครอีกเลย ฉูห้าวก็เติบโตมาคนเดียวตลอด ตอนเด็กยังได้เล่นกับสุนัขที่เฝ้าประตูได้บ้าง แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆ มีพวกอาจารย์สอนอย่างดี พวกมามาดูแลทุกวัน ก็จึงรู้สึกเหงาขึ้นมา แต่ค่ำคืนยาวนาน ท่านลุงยุ่งทุกวัน วังหลวงที่ใหญ่โตไม่มีกลิ่นอายพวกสนมเลย ไม่มีการดูแลจากท่านแม่ มีเพียงห้องนอนที่ใหญ่โต และนอนไม่หลับทั้งคืน
ต่อมาก็มีพี่สาว กู้อ้าวเวยแม้จะไม่ค่อยได้เจอกับเขา แต่ก็ยังดูแลตลอด
คนสายเลือดเดียวกัน เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งก็สนิทกันแล้ว ตอนนี้พอรู้ว่านางจำอะไรไม่ได้ ก็คิดว่านางจะเย็นชาเสียอีก แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น
ก่อนที่เขาจะพูดนั้น กู้อ้าวเวยบอกเรื่องในตอนที่ต้องพบเจอทั้งหมดอย่างละเอียด เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยสำคัญ แต่กลับล้วนออกมาจากใจทั้งนั้น พูดเรื่องทุกอย่างออกมาโดยละเอียด
“รัชทายาท ให้หม่อมฉันพาท่านหมอเทพกลับไปนอนเถอะเพคะ ถ้าถูกลมหนาวเข้าจะไม่ดีเอา” สาวรับใช้ที่ดูแลนางก็เดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ ก้มหน้าไม่กล้ามองรัชทายาทเอ่อตาน ได้ยินว่าเอ่อตานเป็นคนเถื่อน
ฉูห้าวก็แค่ปัดมือ ลุกขึ้นมาดึงกู้อ้าวเวยขึ้นมาเอง และถามว่า: “ท่านอ๋องจิ้งอยู่ในวังหรือไม่?”
“เมื่อกี้ฝ่าบาทสั่งให้คนไปเรียกท่านอ๋องจิ้งเข้าไปนั่ง เพื่อจัดการเรื่องเย่นเจียงยู่ชีง”
“เช่นนี้ งั้นก็รบกวนแม่นางนำทางข้าไปที่ตำหนักพี่หรัวที” ฉูห้าวยิ้มอ่อน
เอ่อตานแม้จะมีกฏเข้มงวดในวัง แต่ปกติคำพูดก็พูดกันตามใจ ทำเอาสาวรับใช้นั้นทำตัวไม่ถูก รีบพูดจาเคารพจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าพี่หรัวที่เขาพูดถึงนั้นก็คือพระชายาอ๋องจงผิง ก็จึงรีบนำทาง
แบกคนยังเดินได้ไม่กี่ก้าว พวกขันทีก็รีบเข้ามา กลัวว่าข่าวแพร่ออกไปว่ารัชทายาทเอ่อตานมาเก็บกวาดเรื่องพวกนี้
“ท่านหมอเทพหน้าตาคล้ายกับพี่สาวมาก ก็คิดเสียว่าทำให้ข้าสมหวังแล้วกัน” เขย่งคนที่ได้แบกไว้ขึ้น ไม่คิดว่ากู้อ้าวเวยจะลืมตาขึ้นมา มือที่วางไว้บนคอของฉูห้าวก็รัดแน่นขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ทำไมข้าหลับไปได้เนี้ย?”
“ไม่เป็นไร” ฉูห้าวพูดเสียงเบา คนด้านหลังแทบจะไม่มีความหนักอะไรเลย: “ด้วยโอกาสนี้ พี่สาวไม่กลับไปพร้อมข้าเหรอ”
“ผ่านไปอีกช่วงหนึ่งข้าก็คงต้องกลับแล้ว” กู้อ้าวเวยซบลงตรงหลังเขา: “พอข้าปรากฏตัว เจ้าก็ต้องรู้จักพี่สาวพี่ชายอีก เจ้าโกรธข้าหรือไม่?”
“ถ้าพี่ชายพี่สาวเอ็นดูข้า ข้าก็ไม่โกรธหรอก” ฉูห้าวหัวเราะ
“ก็ต้องเอ็นดูเจ้าอยู่แล้ว ทั้งที่เจ้ายังไม่ยี่สิบ ก็จะต้องเข้ารับตำแหน่ง ข้าจะไปคุยกับองค์จักรพรรดิเอง เอ็นดูเจ้าอีกสักหน่อย” กู้อ้าวเวยฟังเสียงที่อ่อนโยนของฉูห้าวก็รู้สึกดีใจ พูดแล้วนางยังรู้สึกอิจฉาฉีหรัวที่มีน้องชายที่วุ่นวายแบบนี้ จึงลืมตาขึ้นมา: “เจ้ามีอะไรที่ชอบ หรืออยากได้ไหม?”
“งั้นพี่สาวก็ต้องถอยออกมาถึงจะดี ข้าได้ยินจากพี่กุ่ยเม่ยแล้ว”
สีหน้าฉูห้าวเปลี่ยนไป คนที่อยู่ด้านหลังกระโดดลงมาอย่างง่ายดาย
กระโดดลงพื้นมา กู้อ้าวเวยยังคงยิ้มและเดินข้างเขา เงยหน้ามองเขาพูดว่า: “คิดเยอะทำไม ข้าดูเจ้าก็มีหน้าตาหล่อเหลา ตอนนี้ไม่ใช่อายุที่ต้องการพี่สาวพี่ชายแล้วล่ะ ถึงเวลาที่จะแต่งงานแล้ว”
พอถูกพูดแบบนี้ ฉูห้าวก็หน้าแดงระเรื่อ ไอแห้ง
กู้อ้าวเวยดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา กลับไม่ทันสังเกตถึงสาวรับใช้ขันทีที่มองอย่างตกใจ กระโดดโน้มตัวลงมองเขา: “อย่าอายสิ ถึงเวลาข้าช่วยเจ้าให้ผ่านด่านเอง”
ฉูห้าวหูแดงแปร๊ดขึ้นมา
ต้องโทษที่ในวังเขาไม่มีท่านแม่ ทุกคนเชิดชูเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งงานอะไรเลย
ตอนนี้พอถูกพูดแบบนี้ ก็กลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยสร่างเมาแล้วกว่าครึ่ง เขย่งเท้าขึ้นจัดเส้นผมที่วุ่นวายของเขา: “ถ้ามีเวลา เจ้าก็ควรออดอ้อนพวกเขาบ้างนะ”
“เรื่องนี้ควรจะเป็นเจ้าที่ทำนะ” ฉูห้าวรู้สึกเขินอาย ในใจกลับดีใจมาก
“ข้า……ข้าไม่ค่อยอ้อนพ่อแม่เท่าไหร่ กลัวว่าจะกลับกันกับที่คิดไว้” กู้อ้าวเวยนึกไม่ถึงท่าทีที่ตัวองอ้อนเลย ตอนนี้เห็นสาวรับใช้และขันที จึงเดินช้าลง มองเขา: “เมื่อกี้เรื่องที่ข้าพูดกับเจ้าทั้งหมด เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจแล้ว แต่ว่าตอนนี้พี่สาว……”
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้า ถ้ามีคนมาทำอะไรเจ้า เจ้าก็ลองสู้กลับสักครั้งโดยไม่สนใจอะไร” กู้อ้าวเวยพูดด้วยสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว เดินพร้อมเขามาถึงจวนฉีหรัว: “และไม่ต้องสนใจพี่เขยนั่นของเจ้า เรื่องแคว้นเรื่องบ้านเรื่องงานเรื่องส่วนใจ ต้องแยกแยะให้ถูกถึงจะสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี”
พูดถึงเรื่องสำคัญ สายตาของฉูห้าวดูจริงจังขึ้นมามาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้เต็มที่”
“ข้าก็จะทำเช่นนี้ ถ้าทันเวลา ปีหน้าข้าอาจจะทันก็ได้”
กู้อ้าวเวยยิ้มอ่อนๆ และรู้สึกเจ็บตรงหัวใจแปร๊ดๆ
ได้รับคำสัญญาจากพี่สาว ฉูห้าวก็ดูวางใจขึ้นมา ตลอดทางส่งนางไปที่จวนของฉีหรัวถึงจะออกไป
แต่กู้อ้าวเวยเมื่อกี้เข้าไปในตำหนักฮองเฮา เห็นฉูห้าวออกไป กลับออกไปเงียบๆตาม สาวรับใช้ขันทีก็เปลี่ยนกะกัน นางนวดขมับที่ปวดตุบๆ ถามพวกเขาว่า: “ฝ่าบาทจะให้ข้าไปงานเลี้ยง ก็เพื่อเจอกับฉูห้าวเนี้ยนะ?”
“นี่เป็นคำขอของรัชทายาทเอ่อตาน ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ รัชทายาทเอ่อตานก็จะฉีกสัญญาพันธมิตรทิ้งเสีย นำเรื่องที่ชางหลานฆ่าองค์หญิงเอ่อตานบอกกับทุกคน” สาวรับใช้ด้านหลังก็คือคนที่มีวรยุทธที่กล้าแกร่งคนนั้น
“มีคนพึ่งพาเป็นเรื่องที่ดีจริง” กู้อ้าวเวยยิ้มหวาน
ตอนนี้ทหารของซ่านจินจื๋ออยู่ด้านนอก ทหารเอ่อตานอยู่นอกชายแดนพร้อมที่จะฉีกสัญญาพันธมิตร
ในนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนางหรอก
ซ่านจินจื๋อค้นพบอะไรแล้วหรือเปล่า?
ถ้าไม่มีคอยรายงานข่าว ฉูห้าวคงไม่เข้ามาในแดนศัตรูเพราะงานแต่งหรอก
ทหารอยู่ด้านนอก ได้ยินแล้วเหมือนกำลังกดดันเมืองเทียนเหยียน
ตอนนี้ได้ยินแล้ว ทหารพวกนี้ เหมือนจะระวังอะไรอยู่