บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1022
บทที่ 1022 การตายแห่งซู๋ฮองเฮา
“เหตุใดจึงถามถึงเรื่องนี้” ซ่านต้วนโฉงเลิกคิ้ว “เดิมทีซู๋เซ่ออาจถูกซ่านจินจื๋อหลอกใช้ ตายอย่างน่าอนาถอยู่ในวังตั้งแต่ต้นจนจบยังหาตัวฆาตกรไม่พบ แต่ว่าซ่านจินจื๋อไม่ต้องการหาใครมาเป็นแพะรับบาปแทนตน”
อันที่จริงกู้อ้าวเวยไม่รู้เรื่องในปีนั้นด้วยซ้ำ
แต่เรื่องที่เฉิงกุ้ยเหรินบอกว่าฆาตกรคือองค์ชายสามกลับทำให้นางแปลกใจยิ่งนัก
นับดูแล้วเฉิงกุ้ยเหรินก็มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับซู๋ฮองเฮาในปีนั้นจริงๆ แต่ท้ายที่สุดมารู้ว่าปีนั้นนางเพิ่งเข้าวังหลังจากฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ และก็เพราะละอายใจต่อฮองเฮาองค์ก่อนถึงได้แต่งตั้งขึ้นเป็นกุ้ยเหรินโดยตรง น่าจะไม่มีใครบอกนางว่าฆาตกรคือองค์ชายสาม
นับประสาอะไร ต่อให้บ้านมารดานางบอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายสาม แล้วไหนเลยจะยืนกรานได้อย่างไรอีกกัน หนำซ้ำยังหันหัวหอกใส่ตัวเอง บอกว่าซ่านจินจื๋อไม่ประสงค์เปิดโปงความจริงในปีนั้น บัดนี้มาคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว หากซ่านจินจื๋อมีมีหลักฐาน ก็น่าจะข้อสรุปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คลี่คลายแต่อย่างใด
นั่นก็คือเรื่องนี้อยู่สูงเกินคลี่คลาย เพราะฉะนั้นทุกคนต่างดูเหมือนจะไม่ได้มีท่าทีจะไปแตะต้องตระกูลซู๋เลย
เมื่อถามขึ้นในยามนี้ถึงได้รู้ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเลย
“เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของซ่านจินจื๋อแน่นอน” กู้อ้าวเวยส่ายหน้าทันที “ตอนที่ซู๋กุ้ยเหรินมาหาหม่อมฉันก็กล่าวคำปฏิญาณ ซ้ำยังหันมีดมาทางข้า กลเม็ดแหวกแนวเยี่ยงนี้ คงมีความเป็นไปได้แต่เพียงว่าปักใจเชื่อเรื่องนี้แล้ว แต่ปัจจุบันไม่มีใครไปหาเรื่องตระกูลซู๋ ตระกูลซู๋ไม่มีเหตุผลจะตัดขาดการส่งพระสนมสักคนอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ซู๋กุ้ยเหรินไม่เสียดายแม้นตายก็ต้องมาหาข้าเพื่อขอคำอธิบาย หากไม่ใช่เพราะตนตัดขาดตระกูลซู๋วันหน้ายังจะยืมสนมวังหลังขึ้นสู่หนทางแห่งอำนาจได้หรือไม่”
“เหตุใดเจ้าไม่เชื่อว่าหานเอ๋อฆ่าฮองเฮา”
“หม่อมฉันเชื่อว่าเขาจะทำสิ่งต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ แต่เขากลับไม่เคยหาหนทางยุยงเฉิงกุ้ยเหริน หม่อมฉันจึงนึกถึงฝ่าบาทขึ้นมา” กู้อ้าวเวยคิดเช่นนี้ ก็ย่อมมีเหตุผลเช่นเดียวกัน
ในเมื่อฮ่องเต้มีพระประสงค์ให้ตระกูลตงฟางเป็นแพะรับบาปแทน ไม่ว่าซู๋เซ่อฮองเฮาองค์นี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องถูกผลักลงตำแหน่งอยู่วันยังค่ำ
และคนที่สามารถยุยงสนมในวังได้ก็มีไม่มากนัก มีแต่ฮ่องเต้เท่านั้น
แต่ฮ่องเต้ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ตนกับซ่านเซิ่งหานผิดใจกัน นางจึงเริ่มถามตรงๆ ทันที
สีหน้าซ่านต้วนโฉงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองไปที่นาง “ข้าทำเยี่ยงนี้มีผลประโยชน์อันใด”
“หม่อมฉันผิดใจกับซ่านเซิ่งหาน ในวังก็ไม่มีคนที่น่าไว้วางใจ ย่อมทำได้เพียงถูกท่านควบคุมเท่านั้น” อย่างไรเสียฮ่องเต้ก็ได้กวาดล้างสายลับของซ่านจินจื๋อไปจนเกลี้ยงแล้ว
วันนั้นซ่านเซิ่งหานบอกว่าต้องการสู่ขอตนขึ้นเป็นฮองเฮา เกรงว่าเป็นซ่านต้วนโฉงที่อยากปกป้องตนไว้ อีกด้านหนึ่งก็ไม่อยากให้ตนร่วมมือกับซ่านจินจื๋อ ไม่สู้ให้ตนอยู่ฝ่ายเดียวกับทายาทที่เขาไว้วางใจดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ซ่านเซิ่งหานก็จะฮ่องเต้ขัดขวางการพบหน้าและส่งข่าวสารของตนกับซ่านจินจื๋อได้นั่นเอง
แต่ถ้าหากตนไม่เชื่อซ่านเซิ่งหาน เช่นนั้นนางก็จะไร้การสนับสนุนอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายในวัง ยากจะได้รับข่าวสาร
“เจ้าคิดมากเกินไปจริงๆ” เวลานี้ซ่านต้วนโฉงกลับส่งเสียงหัวเราะหยันออกมา “ข้าต้องการขังเจ้าเอาไว้ ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าไปนี้จริงๆ”
“เป็นหม่อมฉันที่คิดมากเกินไปเอง” กู้อ้าวเวยก็พลอยหัวเราะน้อยๆ ตาม ทว่าดวงตาของทั้งคู่ต่างฉายแววฉงนเล็กน้อย
เบื้องหลังมีคนไม่ต้องการให้กู้อ้าวเวยได้รับข่าวสารจากโลกภายนอก ซ้ำยังผลักดันการตายของซู๋ฮองเฮามาอยู่เบื้องหน้า ที่ทำลงไปก็คงอาจมีแต่ป้ายสีองค์ชายสาม แล้วยังจะได้อะไรอีกกันเล่า
และคนที่สามารถทำทุกอย่างนี้สำเร็จได้ นอกจากฮ่องเต้และคนที่มีชาติตระกูลโดดเด่นแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก
“ใครก็ได้ ไปพาซู๋กุ้ยเหรินเข้ามาที” ซ่านต้วนโฉงสีหน้าเย็นชา และสัมผัสได้ว่าเรื่องราวในปีนั้นคงไม่ได้เรียบง่ายเยี่ยงนี้แน่
ส่วนกู้อ้าวเวยกลับปั้นหน้าขรึมเอ่ยปากถามว่า “ฝ่าบาท เรื่องที่วางพิษจวนตงฟาง เกี่ยวข้องกับพระองค์หรือไม่”
“เจ้าชั่วที่วางพิษในตอนนั้นถูกนายท่านใหญ่ตงฟางมองทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่สุดท้ายนายท่านใหญ่ก็ยังตัดสินใจเลยตามเลย กระทั่งยังเพิ่มพิษใส่ตัวเองอีก เรื่องนี้พระองค์เป็นคนทำทั้งหมดหรือไม่” กู้อ้าวเวยเอ่ยหนึ่งประโยคขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่วางใจ
“ย่อมไม่ใช่ข้าอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นเพราะตระกูลตงฟางต้องการเรียกความสนใจของฝูงชน ต้องบอกว่าเป็นการยากที่ข้าจะลงมือทำถึงจะถูก” หัวคิ้วของซ่านต้วนโฉงขมวดแน่น
“อาจเป็นเช่นนี้” กู้อ้าวเวยกล่าวอย่างไม่แน่ใจ เอ่ยถามว่า “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องวางพิษทำให้ตายทั้งนั้น ข้ายังคิดว่าเบื้องหลังยังมีอะไรที่เกี่ยวโยง…”
น้ำเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด กู้อ้าวเวยก็เห็นเพียงเงาดำทะมึนสายหนึ่งตกลงมาที่ข้างกายซ่ายต้วนโฉงอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
นางตกใจสะดุ้งโหยง ยามที่คืนสติกลับมา คนผู้นั้นก็พูดข้างหูซ่านต้วนโฉงไปมากแล้ว สีหน้าซ่านต้วนโฉงกลับเปลี่ยนไปหลายหน เรียกนางกำนัลข้างๆ มา ถามว่า “ในวังมีคนที่ตายด้วยพิษกี่คน”
ดวงตาของนางกำนัลกลิ้งกลอก ผ่านไปสักพักถึงได้กล่าวอย่างตัวสั่นงันงกว่า “ฝ่าบาท สี่เดือนก่อนเหม่ยเหรินที่พระองค์ทรงโปรดก็ตายไปเพราะต้องพิษ เป็นพิษเบื่อหนูเพคะ”
“ตอนนั้นได้ตรวจสอบชัดเจนหรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ” กู้อ้าวเวยตะลึงงัน อาหารการกินและเครื่องนุ่งห่มในวังน่าจะมีบันทึกเอาไว้ทั้งหมด ของจำพวกสารเบื่อหนูเยี่ยงนี้ก็เอามาใช้ปนกันได้หรือ
“ยังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน ที่มาของสารเบื่อหนูนี้ไม่ทราบชัด ต่อมายามที่ตรวจสอบก็พบว่าสารเบื่อหนูนี้เป็นของที่เหม่ยเหริยผู้นั้นนำเข้ามาด้วยตนเอง ตอนนั้นฝ่าบาททรงตรัสว่าเรื่องนี้ไม่สลักสำคัญ จึงไม่มีใครสาวความยืดแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลเอ่ยปากเสียงเบา กล่าวอีกว่า “ครึ่งปีก่อนก็มีนางกำนัลนางหนึ่งเสียชีวิตกะทันหันบนถนนสายเล็กๆ ช่วงกลางดึก ดูเหมือนจะถูกงูพิษฉกเข้า แต่ท้ายที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่สามารถหาร่องรอยของงูพิษตัวนั้นได้เจ้าค่ะ”
สำหรับในวังแล้วก็ไม่พ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กกระจ้อยร่อย ย่อมมีน้อยคนนักที่จะให้ความสนใจ
ขณะที่ในใจของซ่านต้วนโฉงมีข้อสงสัยอยู่นั้น คนที่อยู่นอกประตูก็พรวดพราดเข้ามา คุกเข่าลงบนพื้น “เฉิงกุ้ยเหรินดื่มพิษฆ่าตัวตายแล้ว ก่อนตายบอกว่าเขียนจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ แต่ตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยของจดหมาย”
“ดื่มพิษ?” เวลานี้กู้อ้าวเวยหัวเราะไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
นางกำแขนเสื้อแน่น สีหน้าอึมครึม
ดูแล้วเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจริงๆ ซ่านต้วนโฉงดวงตาเย็นเยียบ “ข้างกายเสด็จแม่คนมีที่ชำนาญพิษหรือไม่”
“ดูเหมือนจะไม่มีคนเยี่ยงนี้คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเลย เพียงแต่…ไทเฮามักจะไปมาหาสู่อารามตามที่ต่างๆ ในนั้นมีคนที่ทักษะการแพทย์เป็นเลิศหรือไม่ก็คนมากความสามารถอื่นๆ บางส่วนเพคะ” นางกำนัลไม่กล้าพูดต่อ
กู้อ้าวเวยฟังแล้วพลันปวดเศียร อดแปลกใจไม่ได้ “ข้าก็แค่มีข้อสงสัยในใจจึงได้เอ่ยปากถามออกไปแค่นั้นเอง…”
“ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด จะต้องคืนความยุติธรรมให้ตระกูลเฉิงจงได้” ซ่านต้วนโฉงบัญชาลงไป จากนั้นจึงหยัดกายขึ้น “ยู่จุนอยู่ที่นี่ ข้าไม่ใคร่วางใจเท่าใดนัก”
“ในวังถึงกับมีขุมกำลังที่พระองค์ไม่ล่วงรู้อยู่ด้วย หม่อมฉันเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน” กู้อ้าวเวยลอบรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ชอบมาพากล รอกระทั่งซ่านต้วนโฉงมองดูยู่จุนถูกวางใส่ในโลงน้ำแข็งอีกครั้งจากตำหนักหลัง จึงกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ”
ซ่านต้วนโฉงเลิกคิ้ว ส่งสัญญาณให้นางพูดต่อไป
“เหตุใดตอนนั้นพระองค์ต้องขัดขวางองค์ชายสามฆ่าซู๋ฮองเฮา ท่านรู้ทั้งรู้ว่าเขาอยากปิดปากซู๋ฮองเฮา แล้วเหตุใดถึงต้องขวาง? เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะได้สนับสนุนตระกูลตรงฟางได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนพอดี”
นิ่งเงียบชั่วครู่ เงาทะมึนข้างกายซ่านต้วนโฉงดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหายตัวไปทันที
สีหน้าซ่านต้วนโฉงไม่น่าดูยิ่งนัก “นางตั้งครรภ์อยู่”
กลั้นใจหนึ่งเฮือก แววตาของกู้อ้าวเวยเปลี่ยนไปหลายหน นางระบุไม่ได้โดยสิ้นเชิงว่าซ่านต้วนโฉงโปรดปรานลูกของตนหรือว่ากำลังเกลียดชังอยู่กันแน่
ทั้งที่เมื่อครู่เขาฆ่าซ่านจวนฮ่าวได้อย่างง่ายดายแท้ๆ บัดนี้เหตุใดถึงต้องทำเสียแผนของตัวเองเพียงเพราะเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
“หม่อมฉันคิดว่าท่าน…”
“ไม่ว่าอย่างไร นั่นก็เป็นชายาแรกของข้า ต่อให้ไม่มีเด็กคนนั้น สาวตระกูลตงฟางก็ได้เป็นฮุยเฟยอยู่แล้ว” ซ่านต้วนโฉงเดินออกไปด้วยสีหน้าขมขื่น ทิ้งกู้อ้าวเวยยืนนิ่งอยู่กลางตำหนักมโหฬารแห่งนี้เพียงลำพัง ข้างหูยังมีเสียงหัวเราะของหยูนซีดังก้องขึ้น
“เขาหนอ…แม้แต่ความจริงใจของตัวเองยังแยกไม่ออกเลย