บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1028
บทที่ 1028 หัวเด็ดตีนขาด
“ยังดี” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นบีบปลายหูของนาง สายตายะเยือก “สิ่งสำคัญคือถ้าหากเรื่องวางพิษพวกนี้ฉีหยู่และพี่น้องทำทั้งหมดจริงๆ ใช่นั่นอุบายของพวกเขาก็ออกจะแยบยลเกินไปหน่อยแล้ว พิษมากมายขนาดนั้นคิดอยากแก้พิษคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย”
“ถ้าหากคนที่อยู่เบื้องหลังนี้เชี่ยวชาญทักษะการแพทย์จริงๆ เช่นนั้นการจัดการพิษในร่างกายก็ง่ายดายยิ่งนัก” กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะ มองซ่านจินจื๋อ “แต่ยามนี้เมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อยู่ไกลพันลี้ เหตุใดเหง่าถุงน้ำดีหงส์ถึงโผล่มาอยู่ในวังหลวงได้ มือลอบสังหารคนนั้นก็แบกกระบี่ยาวเข้ามาแล้ว ไยต้องพาเลือดพิษทั้งกายตนเข้ามาด้วยเล่า”
“เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ ถึงได้มีเลือดไหลออกมา?” เสียงของซ่านจินจื๋อสิ้นสุด หลังสบตากับกู้อ้าวเวยแล้ว ทั้งสองก็นึกขึ้นได้ในทันที
ถ้าหากมือลอบสังหารระลอกแรกมีเลือดไหลหลังจากได้รับบาดเจ็บจริงๆ ในตำหนักฮองเฮาย่อมขาดข้าวของอะไรบางอย่างมาทำเป็นอาวุธสังหาร ส่วนบนตัวนักลอบสังหารคนนั้นก็คงมีบาดแผลที่สอดคล้องกัน และน่าจะมีที่ซ่อนอาวุธสังหารนั่นด้วย
แต่กู้อ้าวเวยกลับพิงด้านข้างเตียง พลางคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนให้พิษเหง้าถุงน้ำดีหงส์แก่มือลอบสังหาร
ซ่านจินจื๋อเล่าเรื่องนี้ให้ซางนิงฟังแล้วก็วกกลับมาอีกครั้ง
กู้อ้าวเวยถูกเขาเล่นเสียตกอกตกใจ พลางมอง “เหตุใดท่านถึงกลับมาแล้ว?”
“เรื่องนี้ข้าไม่สะดวกออกหน้าโดยตรง จึงมอบให้ซางนิงไปกระจายคำสั่ง ข้าจะเฝ้าเจ้าอยู่ที่นี่” ซ่านจินจื๋อวกกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง แล้วโอบนางสู่อ้อมแขนทันที ให้กู้อ้าวเวยห่มผ้านอนอยู่บนตักเขา ก่อนมองไปที่ดวงตาคู่นั้น “เมื่อคืน…”
“ข้าเชื่อท่าน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย” กู้อ้าวเวยเพิ่งนึกออกว่าเหตุใดเขาจึงพรวดพรวดเข้ามาอีกครั้ง
สำลักจนพูดไม่ออก กู้อ้าวเวยทำเพียงค่อยๆ หลับตาลง กระเถิบหาท่านอนสบายตัวบนตักเขาแล้วหลับตาลง “ถ้าหากคนที่อยู่เบื้องหลังฝนนี้คือฉีหยู่ ถ้าอย่างนั้นเด็กที่วางพิษในจวนตระกูลตงฟางก่อนหน้านี้ เป็นอย่างไรกันเล่า”
“เขาเป็นคนของเสด็จแม่ ยามนี้เสด็จแม่ถูกกักตัวอยู่ในตำหนักอ๋องจิ้ง เจ้าเด็กนั่นยังไม่ปรากฏตัวเลยสักครั้ง” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นจัดแจงผมเผ้าที่ไม่เป็นระเบียบของนาง แล้วค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาด้านบนเล็กน้อย ปลายนิ้วไล้วนตรงหางตาของนางโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่นึกถึงสีแดงสดเสี้ยวนั้น พลันมีระลอกคลื่นปั่นป่วนอยู่ภายในใจ
สีหน้ากู้อ้าวเวยยุ่งเหยิง ตั้งท่าจะพูดสุดท้ายก็หยุด
ซ่านจินจื๋อกลับเข้าใจจุดที่รังควานนาง จึงเอ่ยปากกล่าวทันที “ข้าจะส่งคนไปจับตามองการเคลื่อนไหวเสด็จแม่ให้ดี”
“ท่าน…” กู้อ้าวเวยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เจือความตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน
“นั่นถึงแม่จะเป็นเสด็จแม่ของข้า แต่สุดท้ายนางก็เป็นหัวโจกผู้กระทำความผิดก่อเรื่องในปัจจุบัน ข้าจุดจำคำชี้แนะของชายาแรกทุกเวลา และไม่มีวันลืมฐานะคนของราชวงศ์เป็นอันขาด ความปลอดภัยใต้หล้าชางหลานย่อมสำคัญกว่าชีวิตคนในครอบครัวอยู่แล้ว” ซ่านจินจื๋อกล่าวเช่นนี้ ปลายนิ้วจิ้มปลายจมูกของกู้อ้าวเวยเบาๆ อีกครั้ง “ทุกครั้งที่พบหน้ากันก็มักจะพูดเรื่องเป็นการเป็นงานพวกนี้เสมอ”
“ท่านกับข้าก็ผูกชะตากันด้วยเรื่องนี้ คงถูกกำหนดให้เอาตัวไปพัวพันกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปชั่วชีวิตนี้”
กู้อ้าวเวยคอตั้งตรงกล่าวประโยคนี้ออกมา ภายในใจกลับระส่ำระสาย
นี่ซ่านจินจื๋อกำลังรังเกียจที่นางแข็งแกร่งเข้มงวดเกินไปอยู่หรือ
แต่เมื่อหวนคิดดูแล้ว ยามปกตินางก็พูดเรื่องจิปาถะกับซ่านเชียนหยวนและฉีหลินได้ แต่พอเผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อกลับพูดเล่นอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
มองดูอาการพิพักพิพ่วนของนาง ซ่านจินจื๋อก็ทอดถอนใจหนักๆ ออกมาหนึ่งเฮือก “คนที่ข้าชอบในตอนแรกคือหญิงสาวที่เชื่อฟังทำตามข้าทุกอย่าง ควรจะเป็นนิสัยชดช้อยไร้เดียงสา ยามปกติก็ควรร่าเริงซุกซน ช่างเจรจาน่ารัก แต่ไหนถึงดันมาถูกใจเจ้าผู้ที่หัวเด็ดตีนขาดเสียยิ่งกว่าผู้ชายอย่างเจ้าเสียได้”
“ข้า…” กู้อ้าวเวยตะกายขึ้นมาด้วยความหัวเสีย ต่อยเข้าที่ไหล่ของซ่านจินจื๋อ “ท่านถึงกับบอกว่าข้าเป็นพวกหัวเด็ดตีนขาดหรือ?”
“ไม่ขี้อ้อนขนาดหึงหวงยังไม่ทำเลย ไม่ใช่หัวเด็ดตีนขาดแล้วจะเป็นหินผาที่หมื่นปีไม่สึกกร่อนหรืออย่างไร?” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นนวดจุดที่ตนเพิ่งถึงตีไปเมื่อครู่ ก่อนจิ้มมุมปากของนางด้วยมีนัยยะลึกซึ้ง ออกแรงเพิ่มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “น้อยใจอะไรก็ไม่พูด เอาทุกเรื่องมาแบกไว้เอง แม้แต่โอกาสเรียกข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ”
กู้อ้าวเวยเกือบจะไม่ได้สูดหายใจ ก่อนซัดหมัดใส่เขาอีกครั้ง “นี่ไม่ได้ช่วยท่านลดเรื่องวุ่นวายไปได้หรอกหรือ”
หัวเราะพรืดออกมา ซ่านจินจื๋อกอดคนที่โกรธจนหูแดงเอาไว้แน่นอย่างจนปัญญา ปลายนิ้วลากไล้ผ่านแผ่นหลังของนางแล้วบิดเบาๆ เข้าที่จุดนุ่มนิ่มเจือเจตนาชั่วร้าย เห็นว่าคนในอ้อมอกตั้งท่าขัดขืน จึงกล่าวเพียงว่า “เจ้ามองทะลุปรุโปร่งเยี่ยงนี้ ต่างจากเรื่องนายท่านฉีทำกับฉีหรัวตรงไหนกัน”
เพราะมองชัดเจนเกินไป กลับรังแต่จะทำให้ผู้คนบังเกิดความหวาดกลัว
แม้ว่าซ่านจินจื๋อจะฉลาดพอจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับนาง ทว่าแม้แต่ซ่านจินจื๋อก็ต้องขอร้องนาง และคลอเคลียนางอย่างพะเน้าพะนอออดอ้อนหลายส่วน แต่กู้อ้าวเวยกลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียวเรื่อยมา ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาช่วยชีวิตตน แต่เชื่อมั่นว่ามีเพียงสองมือของตนเท่านั้นที่ยากจะหลอกลวง
ถูกกอดเต็มรัก กู้อ้าวเวยฝังอยู่ในอ้อมอกของเขา บังเกิดสายฟ้าวันแดดจัดฟาดหัวใจดวงนั้นของนางออกเป็นหลายเสี่ยง เป็นคนสองชาติ ข้างกายนางดูเหมือนมีน้อยคนนักที่พอจะพึ่งพาได้
ยามนี้พิงอยู่ในอ้อมแขนซ่านจินจื๋อ นางจึงตระหนักว่าความเคยชินของตนยังไม่เปลี่ยนเลย ส่วนท่านอ๋องหน้าตายไร้ปรานีคนนั้นได้เปลื้องเสื้อนอกอันหนาวเหน็บออกไปแล้ว วางหัวใจทั้งดวงไว้ต่อหน้าของเขา
“ข้าชินแล้ว”
“นั่นพิสูจน์ว่าข้ายังทำมันไม่เพียงพอ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของซ่านจินจื๋อตามมาด้วยเสียงหัวใจเต้นลอยมาจากทรวงอก ปลายนิ้วนั้นไล้วนอยู่ช่วงเอวของนาง “พักนี้ไม่แน่ว่าเสด็จพี่อย่าไม่อนุญาตให้ข้าเข้าวัง”
“เพราะเหตุใด” เสียงของกู้อ้าวเวยยังคงอู้อี้
“ยามนี้เจ้าทำงานให้ยู่จุน ถ้าหากเอาข้าเข้ามาอีก แล้วพาเจ้าไปด้วยกันควรทำอย่างไร ตอนนี้เสด็จพี่รู้ว่าเสด็จแม่อยู่ในมือของข้าแต่กลับไม่ตำหนิ เกรงว่าคงทำเพื่อแลกกับเจ้าอยู่ในวังอย่างว่าง่าย…อัก” บริเวณหน้าท้องถูกคนในอ้อมอกซัดเข้าอย่างแรงหนึ่งที เขามุ่นคิ้วแล้วปล่อยแขนออกเล็กน้อย
“นี่คือสิ่งที่ท่านบอกว่ายังทำไม่เพียงพอ?” กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยสายตาอันตราย
ขณะที่ซ่านจินจื๋อถูกนางอัดจนล้มลงบนเตียง ในสายตามีเพียงริมฝีปากขาวซีดและชายเสื้อที่เลิกขึ้นน้อยๆ ของนาง ซุกตัวอยู่ในเรือนผมดำขลับที่กวัดแกว่งก็ยิ่งจุดชนวนไฟปรารถนามากขึ้นเรื่อยๆ
กู้อ้าวเวยยกขาขึ้นแล้วนั่งคร่อมบนช่วงเอวเขาโดยตรง ไม่สนว่าสีของนัยน์ตาเขาจะยิ่งลุ่มลึกและกลั้นลมหายใจเย็นเยียบ ทำเพียงยื่นมือไปกำคอเสื้อของเขาแน่น กล่าวเสียงเข้ม “ตอนนี้ในวังมีอันตรายรอบทิศ ท่านไม่กลัวข้าจะเกิดเรื่องเชียวหรือ”
“ข้า…”
“ที่พูดมาเมื่อครู่ล้วนเป็นคำพูดชั่ววูบทั้งหมดหรอกหรือ” กู้อ้าวเวยโน้มตัวลงไป มองดวงตาสีดำยะเยือกคู่นั้น “ข้าขอถามท่าน ท่านต้องการให้ข้าพึ่งพาท่าน ให้ท่านมาปกป้องความปลอดภัยของข้า ใช่หรือไม่ใช่”
“…ใช่” ซ่านจินจื๋อวางสองมือลงบนเอวของนาง กลัวเหลือเกินว่านางจะกระแทกลงมาตรงๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะถามท่านอีก ท่านหวังให้ข้าหึงหวงท่าน และอยากให้ข้ากร้าวแกร่งกว่าหน่อย และแสดงธาตุแท้ออกมา ใช่หรือไม่ใช่”
“ใช่” ครั้งนี้ซ่านจินจื๋อกลับพยักหน้าอย่างจริงจัง
“คำถามข้อสุดท้าย ท่านคิดว่าข้าแข็งแกร่งเกินไป ไม่ชอบข้าอยากไปหาคนที่อ่อนโยนถูกใจกว่า ใช่หรือไม่ใช่”
“ใช่ เอ้ย ไม่ใช่!” ซ่านจินจื๋อแทบทนไม่ไหวอยากกัดลิ้นตัวเองขาด