บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1030
บทที่ 1030 ดั่งเห็นตัวอ๋องจิ้งเอง
ยามเช้าตรู่ หมอเทพขับไล่ทุกคนที่เข้ามาปรนนิบัติ
ร่างในชุดสีฟ้าอ่อนงามสง่าเรียบง่ายก็เดินออกมา กิ๊บมุกปิ่นหยกบนศีรษะล้วนถูกใส่เข้าไปในกล่องเครื่องประดับอย่างหนักแน่น มีเพียงกิ๊บไม้เล่มเดียวเท่านั้นที่มวยอยู่ด้านหลัง บนไหล่สะพายกล่องยาเล็กเรียบง่ายใบหนึ่ง ผ้าโปร่งสีขาวปิดบังหน้า มีเพียงป้ายที่ช่วงเอวชิ้นนั้นที่พาให้กลุ่มคนฉงนสงสัย
และคนที่เดินตามหลังออกมาก็สวมอาภรณืของท่านอ๋องทั้งกาย ชุดคลุมตัวยาวลึกเข้า ผ้าคาดเอวเน้นให้เอวนูนซูบผอมยิ่งดูเด่นถนัดตาอย่างเห็นได้ชัด คนที่มีใบหน้าเย็นชาในยามปกติเวลานี้กลับตาปรือสะลืมสะลือ หาววอดหนึ่งทีด้วยท่าทางเกียจคร้าน
“ยังไม่ตื่น?” กู้อ้าวเวยใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ
ร่างของซ่านจินจื๋อไหวน้อยๆ วางมือแนบลงบนไหล่ซูบผอมของนางอย่างซึมกะทือหลายส่วน กายครึ่งเอนกายเข้าไปเกือบหมด “พื้นห้องเย็น เจ้าทำใจได้เชียวหรือ”
“ย่อมทำใจได้อยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มพลางเลิกคิ้ว
ซ่านจินจื๋อนวดลำคอที่เริ่มปวด ซ้ำยังคิดจะเกาะไหล่ของนางเดินออกมาข้างนอก กลับถูกนางตบออกหนึ่งฉาด มุมตาโค้งองศา “มันไม่เหมาะสม”
สายตาซ่านจินจื๋อคมกริบขึ้นมาหลายส่วน ทำได้แต่เก็บมือกลับไป “มื้อเช้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว?”
นางกำนัลที่รอยปรนนิบัติอย่างด้านนอกตอบรับอย่างตัวสั่นงันงก
“ท่านไม่จำเป็นต้องทานอาหารในวังแล้ว ยังจำเรื่องงานวิวาห์ได้หรือไม่” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ แล้วชี้ไปที่ตาตัวเอง “ครั้งหน้าอย่าลืมไหว้วานให้คนเอายาหยอดตาเข้ามาส่งให้ข้าด้วย”
“ตระหนี่เยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” มืออีกข้างของซ่านจินจื๋อยังคงนวดลำคออยู่
“ใจกว้างกับคนนอก ตระหนี้กับคนใน ท่านมีปัญหาอันใดอยู่หรือไม่” กู้อ้าวเวยผลักเขาออกหนึ่งครา ก่อนเดินตรงไปยังโถงหน้าเพียงลำพัง
คนที่อยู่รอบบริเวณไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง กลับเห็นซ่านจินจื๋อสีหน้าอึมครึม แต่ก็ยังทำตามคำสั่งของกู้อ้าวเวยอย่างว่าง่าย เดินออกไปในทันที ไม่คิดจะแช่เบ้าอยู่ในวังแห่งนี้ เพียงแต่ก่อนออกไปยังมิวายบัญชาซางนิงหนึ่งประโยค “ป้ายที่เอวของนางข้าเป็นคนยกให้ เจ้าจับตามองนางแล้วก็ต้องคอยดูป้ายนั้นให้ดีด้วย”
“การกระทำครั้งนี้ของท่านอ๋องไม่ใคร่ควรจริงๆ” ซางนิงมีหรือจะจำป้ายนั้นไม่ได้
“ไม่ใคร่ครวญตรงไหน แค่สาวงามในยุทธภพหยิบไปชิ้นเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ เจ้ายังต้องไปอารักขาเสด็จพี่ด้วยตัวเองให้ดีด้วย ให้หงเซียวมาดูแลนางก็ได้ พวกคนหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันจะได้พูดคุยกันสะดวก” ซ่านจินจื๋อกล่าวเช่นนี้ กลับยิ่งเหลือบมองซางนิงด้วยสายตาเย็นชาปราดหนึ่ง
บุคคลหลังรู้งานอยู่ในใจ
ประโยคนี้ซ่านจินจื๋อเป็นคนพูด นางกำนัลขันทีในเรือนต่างได้ยินกันถ้วนหน้า
ภายนอกต้องการหงเซียว ก็เพราะหงเซียวเคยเป็นคนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายฉีหรัว แต่เกรงว่ามีเพียงซ่านต้วนโฉงและซ่านจินจื๋อที่รู้ดีแก่ใจ เขากำลังจงใจซื้อใจซางใจ เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว บางทีฮ่องเต้อาจจะตกปากรับคำจริงๆ รับใช้ข้างกายกู้อ้าวเวยย่อมดีกว่ารับใช้ข้างกายฮ่องเต้เป็นไหนๆ
ซ่านจินจื๋อออกไปทางประตูวังอีกด้านหนึ่ง
ส่วนยามที่กู้อ้าวเวยมาถึงโถงหน้า กลุ่มคนล้วนอยู่กันครบ แม้กระทั่งซ่านเซิ่งหานก็มาที่นี่แล้วเช่นกัน
เมื่อหลายคนเห็นกู้อ้าวเวยสีหน้าท่าทางต่างผิดแผก ซ่านเชียนหยวนและฉีหรัวแววตาแฝงความลุ่มลึก ส่วนสายตาของจางเหยียงซานกลับเปี่ยมด้วยความขุ่นเคือง มีเพียงซ่านเซิ่งหานเท่านั้นที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเมื่อคืนและเช้านี้เกิดอะไรขึ้น กล่าวเสียงกระซิบ “หลับสนิทหรือไม่”
“หลับสนิทดี เหตุใดวันนี้องค์ชายสามถึงเข้ามาด้วย” กู้อ้าวเวยนั่งลงด้วยความสงสัย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์ชายสามคนนี้ที่เมื่อก่อนยังอยากให้ตนเป็นฮองเฮาของเขา วันนี้มาด้วยท่าทางราบเรียบคิดจะทำอะไรกันแน่
“เรื่องงานแต่งงานของน้องสี่ยังต้องการหลายสิ่งหลายอย่าง เสด็จพ่อรับสั่งให้ข้ามาส่งน้องสี่กลับตำหนักโดยเฉพาะ” ซ่านเซิ่งหานกล่าวเช่นนี้ แล้วเทซุปหนึ่งชามวางมือข้างมือของกู้อ้าวเวยด้วยตัวเอง น้ำเสียงกดต่ำหลายส่วนอย่างเลี่ยงไม่ได้ “นอกจากนี้ เรื่องในตำหนักฮองเฮาเมื่อวานก็เอะอะมะเทิ่ง ข้าจึงมาดูเจ้าเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี องค์ชายสามโปรดวางใจ” กู้อ้าวเวยยิ้มแห้งอย่างประดิดประดอย เห็นสายตาของเขาสบมองที่ตนตั้งแต่ต้นจนจบ สุดท้ายก็อดเอ่ยไม่ได้ “ถ้าหากรีบร้อน องค์ชายสามก็กลับตำหนักไปพร้อมกับอ๋องจงผิงโดยเร็ววันจะดีกว่า”
ซ่านเชียนหยวนสบมองฉีหรัวที่ไม่สนใจไยดีตนตลอดทั้งคืน แทบทนไม่ไหวอยากจะหักตะเกียบในมือเสีย
เขามองทางกู้อ้าวเวยอย่างโกรธกรุ่น ดูเหมือนกู้อ้าวเวยจะตัดโอกาสเอาอกเอาใจคนของเขา
เห็นท่าทางเดือดดาลไม่สงบของเขา กู้อ้าวเวยก็พลอยแค่นเสียงเย็น หัวเราะอย่างเอาแต่ใจ “อ๋องจงผิงควรจะเป็นธุระเรื่องงานแต่งของตัวเองถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นหากให้นายท่านฉีรู้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นองค์ชายสามจัดการเป็นธุระเพียงลำพัง…”
“พี่สาม เวลาไม่คอยท่า พวกเราออกจากวังเร็วเข้าหน่อยดีกว่า” ซ่านเชียนหยวนวางชามตะเกียบลงทันที
ซ่านเซิ่งหานเลิกคิ้ว มองกู้อ้าวเวย “เจ้าจะ…”
“เรื่องก่อนหน้านี้ข้าจะคิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่านมีชายาเอกของตนแล้ว ไยต้องหาเรื่องกันด้วย” กู้อ้าวเวยเอ่ยปากเสียงกระซิบ ช่วงที่ไม่ทันระวังตัวป้ายที่อยู่ตรงเอวพลันโผล่ออกมา เห็นสีหน้าซ่านเซิ่งหานเผือดสีลงเล็กน้อย นางจึงกล่าวว่า “บนโลกใบนี้ไม่ได้มีคำว่าถ้าหากมากมายขนาดนั้น เมื่อพลาดแล้วก็พลาดเลย หวงแหนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า”
“เบื้องหน้าไม่มีใคร”
“นั่นเพราะในสายตาท่านไม่มีใครต่างหาก ข้างกายท่านมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่ท่านก็มัวแต่มองข้า” กู้อ้าวเวยเชิดปลายคางเล็กน้อย ก่อนหยัดตัวลุกขึ้นมาโดยตรงแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ ฉีหรัว โบกมือใส่ซ่านเชียนหยวนอย่างรังเกียจยิ่งนัก
ซ่านเชียนหยวนได้แต่ถูลู่ถูกังลากซ่านเซิ่งหานออกไป
รอจนกว่าพวกที่เอะอะเสียงดังออกไปกันแล้ว ฉีหรีวก็ขับไล่กลุ่มคนออกไปให้กุ่ยเม่ยมาร่วมทานอาหารด้วยกัน กู้อ้าวเวยวางใจทั้งดวงกลับไปอยู่ในท้องตามเดิม เพิ่งปลดผ้าคลุมหน้าแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาก็ได้ยินฉีหรัวโพล่งขึ้น “ข้าอายุมากกว่าเจ้าสองปี”
“ดูเหมือนจะใช่” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง
“แต่ในอนาคตข้าจะไม่เด็กกว่าเจ้าหนึ่งรอบเชียวหรือ”
“พรวด!” กู้อ้าวเวยสำลักหนึ่งที แม้แต่กุ่ยเม่ยก็ยังอึ้งงัน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าระดับอาวุโสของตัวเองเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กระแอมไอติดต่อกันหลายที กู้อ้าวเวยอดมองที่นางไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นจางเหยียงซานเป็นลูกศิษย์ข้า ก็รุ่นราวคราวเจ้า?”
“ระดับอาวุโสของฉูห้าวก็มากกว่าข้าด้วยเหมือนกัน” สีหน้าของฉีหรัวยิ่งมืดมนลงไปหลายส่วน
กู้อ้าวเวยจนวาจาไปชั่วขณะ ได้แต่ก้มหน้าทานข้าวอย่างว่างาย
หลังจากกินอิ่มหนำสำราญแล้ว กู้อ้าวเวยกำลังเตรียมตัวจะเดินไปในห้องบรรทมของยู่จุน ก็เห็นขันทีน้อยพาหงเซียวกลับมาส่งในฐานะองครักษ์ของกู้อ้าวเวย หงเซียวยังคงมีท่วงท่าไร้กังวลตามเดิม ก่อนโค้งคำนับ “ใต้เท้าหมอเทพ”
“เจ้าตามข้ามาเถิด” กู้อ้าวเวยพยักหน้าเรื่อยๆ แล้วออกไปทันที
นางเพิ่งจะเดินออกไปไม่ไกล ทั่ววังหลวงรวมถึงทั่วเมืองเทียนเหยียนก็บังเกิดระลอกคลื่นโกลาหลขึ้นมาทันที
ป้ายพกอ๋องจิ้งอาจจะไม่เป็นราคาในปีนั้น เป็นเพียงสัญลักษณ์ประจำตัว แต่หลังจากนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นป้ายพกอ๋องจิ้งก็เหมือนกับเห็นตัวอ๋องจิ้ง ถ้าหากมีบัญชาของอ๋องจิ้ง เช่นนั้นป้ายชิ้นนี้ก็สามารถแปรทัพปรับกระบวนได้
และกู้อ้าวเวยเพิ่งเข้าตำหนักยู่จุนไปได้ไม่นาน ซ่านจินจื๋อก็ออกคำสั่งทางทหาร เห็นป้ายนั้นอยู่ที่หมอเทพ ดั่งเห็นตัวอ๋องจิ้งเอง ถ้าหากเห็นป้ายนั้นยกไปอยู่ในมือผู้อื่น จงฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น ทำเอาขุนนางราชสำนักทั่วเทียนเหยียนต่างเชื่อมั่นในเจตนาที่จะไม่เป็นข้าราชสำนักของซ่านจินจื๋อมากขึ้นเรื่อยๆ
กู้อ้าวเวยไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
นางทำเพียงย้ายยู่จนออกมาอีกครั้ง ทำมือบอกนางกำนัลให้พวกนางมานวดตามเวลาทุกวัน ส่วนตนก็บอกกับซ่านต้วนโฉงว่าตนต้องการวัสดุตัวยาจุ้ยเวี่ยน จากนั้นนางก็โผล่หน้าหายผลุบเข้าไปในห้องยา ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน
ฝนตกโปรยปรายนอกหน้าต่างค่อยๆ แรงขึ้น