บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1034
บทที่ 1034 กรรมตามสนองไม่ทันใจ
ไฟดับแล้วทั้งหมด หน้าต่างเปิดไว้ครึ่งบาน
กู้อ้าวเวยแต่งกายเรียบร้อยนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ในมือถือเล่นป้ายที่ซ่านจินจื๋อให้ บนตักมีแมวน้อยบาดเจ็บที่ขานอนหมอบอยู่ คือเสี่ยวฮัวที่อยู่ในจวนอ๋องจิ้งนั่นเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงวิ่งหลงเข้ามาในวังจนได้รับบาดเจ็บ ยืดตัวนอนอยู่บนท้องน้อยของกู้อ้าวเวย แลบลิ้นเลียท้องน้อยของตัวเอง
นางกำนัลที่มาเปลี่ยนเวรด้านนอกประตูเห็นเข้า ก็รีบเข้ามาพูดว่า “นี่แมวตำหนักไหนกัน ท่านหมอเทพจะเห็นว่าน่ารักแล้วเก็บไว้เลี้ยงไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดเรื่อง”
“แมวในจวนอ๋องจิ้ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้วิ่งมาที่นี่” กู้อ้าวเวยขี้เกียจพูดมาก เอามือช่วยแมวลูบท้อง แล้วก็ลูบคางเบาๆ มองดูนางกำนัลแล้วพูดว่า “เจ้าช่วยไปดูทีว่าข้าวที่เสี่ยวฮัวทานได้เสร็จหรือยัง”
“เพคะ ท่านหมอเทพ” นางกำนัลถอยออกไปอย่างระมัดระวัง
กู้อ้าวเวยอุ้มเสี่ยวฮัวไปวางบนเบาะนุ่มบนโต๊ะที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว นิ้วมือสัมผัสใบหูของมัน แล้วก็เรียกเลียนเสียงแมวอย่างรักใคร่ คิดว่าเสี่ยวฮัวน่าจะตามกลิ่นยาบนตัวของนางมา เหมือนดั่งเมื่อก่อน
ตอนนี้นางเป็นไข้หวัด เป็นช่วงที่อยากเอาแต่นอน แต่ก็ยังต้องมีสติไว้
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น สีหน้ากู้อ้าวเวยอึ้งเล็กน้อย หันกลับมามองทันมา แล้วก็มองเห็นดวงตากลมดำ ไม่ได้ดูร้อนรนเหมือนหงเซียว แต่ดูเงียบเหงาลึกซึ้ง ทำให้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ในเมื่อมาแล้ว จะพาข้าไปวันนี้ หรือที่นัดกันไว้พรุ่งนี้?” กู้อ้าวเวยกาวอย่างเกียจคร้าน แล้วก็หัวเราะเบาๆ พลิกเล่นเสี่ยวฮัวไปมา “เสี่ยวฮัวตัวนี้ เขาใช้คนส่งเข้ามา หรือว่าเจ้าใช้คนเอาเข้ามา?
“ท่านอ๋องจิ้งหลงรักท่านมาก” ซางนิงถอนหายใจหนักๆหนึ่งที ถึงแม้คำตอบจะชัดเจน แต่ก็พูดเสริมอีกว่า “ใครจะไปรู้ว่าเจ้าแมวซน ถูกขันทีในวังทับขา ถึงได้เป็นเช่นนี้”
“ยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส” น้ำเสียงกู้อ้าวเวยเบามาก ฟังแล้วก็เหมือนกำลังจะหลับไปแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจมองดูซางนิง “ฮ่องเต้ไม่ให้ข้าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ที่จริงก็กลัวว่าข้าจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยิ่งกลัวว่าจะมีคนสะกดรอยตามข้าแล้วไปเจอที่อยู่ยู่จุน แต่หลายปีมานี้ ทำไมฮ่องเต้ถึงได้ซ่อนตัวยู่จุนไว้ภายในวังที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้ แล้วก็ไม่มีใครรู้?”
ซางนิงคิดไม่ถึงว่านางจะถามตรงๆแบบนี้ จึงตอบว่า “ในวังมีคนเยอะหูตาเยอะก็จริง แต่ก็เพราะเหตุนี้ ถึงได้เป็นสถานที่ซ่อนตัวดีที่สุด คนที่ฮ่องเต้ไว้ใจได้ไม่ได้มีกลุ่มเดียว และอยากที่จะซ่อนการมีตัวตนของยู่จุนกับหยูนซี ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างลับๆ เพียงแค่หาเหตุผลกีดกันสถานที่นั้นออกไปก็พอ”
กู้อ้าวเวยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
ที่แท้หลายปีมานี้ อาศัยมีการซ่อมแซมเชิญช่างเข้ามาซ่อมแซมอยู่บ่อยๆ และนางสนมในวังมากมาย คนเก่าคนใหม่สลับกันเข้าอยู่ ล้วนต่างก็ค่อยระวังแต่ตำหนักบรรทมของอีกฝ่าย จะไประวังสถานที่ต้องซ่อมแซมทำไม
นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้ไทเฮารู้ ซ่านต้วนโฉงได้ส่งใส้ศึกไปอยู่ใก้ลๆไทเฮา เพียงเพื่อคอยปกปิดเรื่องนี้ เรื่องอย่างอื่นไส้ศึกไม่ต้องทำ และก็ไม่ต้องติดต่อ คนคนนั้นก็ได้รับความไว้วางใจจากไทเฮาแล้ว ทำให้ไม่ล่วงรู้มาตลอด
“นี่ก็เหมือนดั่งคำที่ว่ามีความมืดภายใต้แสงไฟสว่าง” กู้อ้าวเวยอดที่จะขำไม่ได้
“วันนี้ที่มา เพียงแค่อยากถามว่าควรที่จะดูแลยู่จุนเหนียงเหนียงยังไง หากสามารถให้นางกำนัลทำแทนได้ ท่านก็ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง ตั้งใจแก้ปัญหาในงานแต่งอ๋องจงผิงกับพระชายาอ๋องจงผิงในอนาคต และดูแลสภาพจิตใจขององค์ชายรัชทายาทแคว้นเอ่อตานให้ดี อย่าให้ก่อเรื่องในช่วงหลายวันนี้” ซางนิงพูดขึ้น
กู้อ้าวเวยเข้าใจแต่แรกแล้ว อีกอย่างขั้นตอนวิธีการดูแลยู่จุน นางสอนนางกำนัลไว้แต่แรกแล้ว และได้เขียนโน๊ตให้ซางนิงกับมือ จึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับแคว้นเอ่อตาน ถึงต้องให้ข้าไปพูดปลอบใจ?”
“คุณหนูจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ” ซางนิงขมวดคิ้ว
“อย่าลืมว่าโดยสายเลือดแล้ว ข้าคือคนแคว้นเอ่อตานอย่างแท้จริง” กู้อ้าวเวยอมยิ้ม ท่าทีบ่งบอกว่าต่อให้เจ้าไม่พูดแล้วข้าจะไม่ช่วยหาหรือ
ซางนิงขมวดคิ้วแล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “เรื่องของฮองเฮา เป็นเหตุครั้งสุดท้าย ขอคุณหนูใหญ่อย่าได้ออกนอกลู่นอกทาง”
เรื่องหลังจากนั้นซางนิงไม่พูดถึงสักคำ พูดเพียงว่าเรื่องพวกนี้ควรยกให้ท่านอ๋องจิ้งเป็นคนจัดการ แล้วก็รีบจากไป
กู้อ้าวเวยคิดไม่ตก แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งในวังนอกวังต่างก็กลหลอย่างมาก
ตอนนี้องค์ชายรัชทายาทแคว้นเอ่อตานอยู่ที่แคว้นซางหลาน ตรงชายแดนมีกองกำลังทหารของแคว้นเอ่อตานล้อมรอบ ส่วนว่าที่ฮองเฮาทั้งสองพระองค์ถูกลอบฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็หาคนที่อยู่เบื้องหลังคนร้ายคนนั้นไม่เจอ ซ่านต้วนโฉงไม่มีหนทาง ยกให้ซ่านจินจื๋อรับเรื่องต่อแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
อีกด้านหนึ่งก็มีพวกขุนนางไม่น้อยที่แอบวางแผนให้ซ่านจินจื๋อไปร่วมกับพวกทหารด้านนอกเมืองเทียนเหยียน อยากอาศัยโอกาสนี้ดึงซ่านจินจื๋อลงมา ส่วนเมิ่งซู่ไม่ได้อยู่ในราชสำนัก พรรคพวกของเขาในตอนนี้กลายเป็นกลุ่มกระจัดกระจาย แต่ยังมีพวกขุนนางเก่าแก่บางส่วนคอยสนับสนุน สถานการณ์อำนาจในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน จะแตะต้องอ๋องจิ้งไปเรื่อยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้รากฐานไม่มั่นคง
นอกจากนี้ งานมงคลกำลังจะถึง จิตใจคนในเมืองเทียนเหยียนต่างหวาดหวั่น กลับไม่รู้ว่ามีข่าวว่าองค์หญิงแคว้นเอ่อตานยังไม่ตายมาจากไหนในทันใด ไม่กี่วันก็มีภัยพิบัติจากฟ้าลงโทษงานมงคลนี้ เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีฝนตกหนัก จิตใจผู้คนต่างหวาดหวั่น
หากจะพูดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้กับอ๋องจิ้ง ในตอนนี้มีเพียงตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
กู้อ้าวเวยไม่รู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด ให้อาหารแมวแล้วก็นอนหลับไป
เมื่อตื่นมาเช้าวันที่สอง เงยหัวขึ้นก็เห็นลูกธนูปักอยู่ตรงหัวเตียง
ส่วนหงเซียวกำลังยืนอยู่ด้านข้าง ดึงลูกธนูนั้นออกมา เห็นกู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย จึงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร นี้เป็นธนูส่งสาส์นเท่านั้น”
ถึงเป็นเช่นนี้ กู้อ้าวเวยก็ยังลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตกใจจนแมวด้านข้างเกือบตกเตียง
มือไม้ที่รวดเร็วของกู้อ้าวเวยคว้าจับเสี่ยวฮัวไว้ หงเซียวรีบพูดขึ้นว่า “คนคนนั้นมาตั้งแต่เช้า ข้าจึงต้องรีบไปดูที่ในตำหนักก่อน”
“ข้างในเขียนไว้ว่าอย่างไร?” กู้อ้าวเวบอุ้มเสี่ยวฮัวมาวางไว้ข้างเตียงเบาๆ
ภายในวังที่มีเวรยามแน่นหนา ยังมีคนกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้
กู้อ้าวเวยหรี่ตาลง คนที่อยู่เบื้องหลังกล้ายิงธนูเข้าโดยตรงๆแบบนี้ คิดว่าคงมาได้กลัวที่จะถูกจับได้
หงเซียวเอากระดาษม้วนนั้นเปิดออกแล้วยื่นให้กู้อ้าวเวย
“ฟ้าลิขิตบาปบุญ เวรกรรมตามสนองไม่ยุติธรรม”
“คนย่อมไร้ความผิด ผิดที่ถือครองหยก”
สองประโยคง่ายๆ หงเซียวดูจนเวียนหัว
กู้อ้าวเวยกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป
ประโยคแรกหมายความว่าเขาถูกใส่ร้าย เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดในทุกวันนี้เป็นสิ่งที่สมควร
ส่วนประโยคหลังนี้ ไม่รู้ว่าหมายถึงที่นางช่วยชีวิตฮองเฮากลับมา หรือที่ทำให้ยู่จุนฟื้นขึ้นมาจากโลงศพน้ำแข็ง
กู้อ้าวเวยพลิกตัวลงจากเตียง หงเซียวรีบหยิบเสื้อผ้ามาให้ แล้วถามว่า “เรื่องนี้จะ….”
“ไม่ต้องทำให้พวกเขาเป็นห่วง ในเมื่อเขาตั้งใจมาส่งสาส์น ก็คงเพราะต้องการเตือนข้า”
เสื้อผ้าคลุมไหล่ แววตากู้อ้าวเวยเงียบสงบ “ข้าแปลกใจ โชคชะตาฟ้าลิขิต คนที่นางอยากแก้แค้นคือฮ่องเต้หรืออ๋องจิ้งกันแน่”