บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1039
บทที่ 1039 ไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
เรือนอีกฝั่งของจวนอ๋องจิ้ง
ไทเฮาอาศัยอยู่ตรงนี้ มีคนน้อยมากที่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
ตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อ นั่งอยู่บนฟูกอย่างอ่อนโยนเรียบร้อย มองพระพุทธเจ้าอย่างศรัทธา ถามไทเฮาที่กำลังเคาะไม้ปลาไหว้พระด้านข้างว่า
“ไทเฮา เสด็จป้าของข้าได้เป็นถึงฮองเฮาแล้ว ยังไม่พออีกหรือ?”
ดวงตาแดงก่ำ น่าสงสารอย่างมาก
“แค่ฮองเฮาในนามเท่านั้น สามารถหัวเราะจนถึงสุดท้ายต่างหากถึงจะเป็นผู้ชนะ” ไทเฮา ค่อยๆลืมตาทั้งคู่ขึ้น มองดูนางอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “ขอเพียงไม่เสียใจกับสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป ต่อไปไม่ว่าจะกระทำผิดอย่างไร ตลอดชีวิตนี้ของเจ้าก็จะไม่ถูกความละเอียดใจครอบงำ”
“ขอบพระทัยที่ไทเฮาสั่งสอน” ตงฟางซวนเอ๋อลุกขึ้นยืน หลังจากเอาเสื้อคลุมมาสวมใหม่แล้ว ก็ออกไปจากเรือนอย่างไร้ร่องรอย
ไทเฮาที่อยู่ในพระวิหารเงยหน้ามองดูพระพุทธรูป แล้วพูดขึ้นด้วยความเย็นชาว่า “บอกแล้วว่าจะปล่อยวางมีดบนเขียงเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยวางแล้วไปเป็นพระ ข้าหวังเพียงว่ามีดบนเขียงจะสามารถเปิดทางให้ข้าได้”
“ที่ข้ากระทำมาตลอดทั้งชีวิต ข้าไม่เสียใจ”
ยิ่งไม่เกรงกลัวเทพยดาฟ้าดิน และก็ไม่กลัวสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่ตนเองกระทำ
……
หลังจากที่ซ่านจินจื๋อได้รับข่าวที่ฉีหรัวส่งออกมาจากวัง ได้รีบสั่งคนออกไปค้นหาทั่วเมือง
แต่คนที่หายสาบสูญภายในพระราชวังนั้น ไม่ว่าจะเป็นภายในพระราชวังหรือภายนอกพระราชวัง ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ แม้แต่รถที่ขนส่งของเสียกับผัก ได้มีการตรวจค้นอย่างละเอียด ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
แต่การหายตัวไปของกู้อ้าวเวย แม้แต่เบาะแสเพียงสักนิดก็ไม่มีเลย
วันนี้ซ่านจินจื๋อจับพู่กันหักไปสามด้ามอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ซ่านเชียนหยวนที่อยู่ด้านข้าง แข็งทื่อไปทั้งตัวขึ้นมาทันที เมื่อสบกับสายตาที่โหดเหี้ยมคู่นั้นของเสด็จอา จึงรีบพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ได้สั่งคนที่เหลือไปค้นหาอย่างละเอียดแล้ว และได้สั่งคนเฝ้าประตูเมืองไว้อย่างดี ไม่ว่ายังไง กู้อ้าวเวยก็จะต้องอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวง”
“เรือนส่วนตัว” ซ่านจินจื๋อพูดสองคำนี้ออกมาอย่างเยือกเย็น ยื่นมือไปหยิบพู่กันด้ามที่สี่ด้วยท่าทีโศกเศร้า
“นี่….” ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว ในเมืองเทียนเหยียนนี้มีเรือนเล็กๆน้อยๆมากมาย เบื้องหลังต่างก็มีอำนาจที่แตกต่างกันไป หากจะต้องเข้าไปค้นหาจริงๆ ไม่เพียงต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก ยิ่งยากที่จะเข้าไปค้นหา
แต่เมื่อเห็นท่าทีที่โศกเศร้าของซ่านจินจื๋อ ซ่านเชียนหยวนยังคงมีคำสั่งนี้ลงไป
คนบางคนเมื่อไม่แสดงอารมณ์โกรธออกมา กลับกลายเป็นยิ่งน่ากลัว
ตอนนั้นก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะไปรบ ก็มีถ้าทิ้งเงียบสงบแบบนี้ เมื่อไปถึงสนามรบ ก็ฆ่าศัตรูจนเลือดตากระเด็น
ซ่านเชียนหยวนไม่อยากแตะต้อง แต่ก็ไม่อยากเห็นกู้อ้าวเวยหายตัวไปอย่างลึกลับแบบนี้ จึงทำได้เพียงออกไปอย่างรีบร้อน
เวลาเพียงครึ่งถ้วยชา สีหน้าซ่านจินจื๋อเงียบสงบ แล้วก็จับพู่กันด้ามที่สี่หัก ตามเฉิงยีมาแล้วพูดว่า “ไปตามตัวกู้ซวงมา”
ตอนนี้กู้ซวงเพื่อไม่ให้เหมือนกับกู้อ้าวเวยในตอนนั้น จึงเลือกใส่แต่พวกชุดสีม่วงอ่อนสีชมพูอ่อน ตอนนี้กำลังเดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย แววตากลับเยือกเย็นและพูดขึ้นด้วยเสียงใสว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเรียกหาข้าโดยธุระอะไร?”
“ตอนนี้เวยเอ๋อหายตัวไป หากเจ้าปรากฏตัว พวกเขาจะต้องลงมือ เพื่อหาตัวจริงตัวปลอม” ซ่านจินจื๋อเงยหน้ามองดูนาง
สีหน้ากู้ซวงขาวซีด แล้วก็ตอบว่า “เรื่องที่ข้ารับปากกับท่านอ๋องแล้วจะต้องทำให้อีกแน่นอน หวังว่าท่านอ๋องก็จะรักษาสัญญา”
“แน่นอน” ซ่านจินจื๋อพยักหัว โบกมือให้คนพาตัวนางไป
ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ในจวนฉีแล้วจากไป ไม่มีอะไรไม่สมควร
กู้ซวงพาสาวใช้สองคนมุ่งหน้าไปยังจวนฉีอย่างไร้ความรู้สึก บนถนนขับแคบตอนพลบค่ำนี้มีผู้คนเดินไปมา เพียงไม่นานก็เดินมาถึงตรงที่ไม่มีคน สาวใช้ด้านหลังสองคน หนึ่งในนั้นเอามือกุมท้องแล้วก็พูดขึ้นมาในทันใดว่า “คุณ…คุณหนู ข้าปวดท้อง หยวนเอ๋อไป…”
เป็นการทำเพื่อกู้อ้าวเวยจริงๆ ลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้คนคนนั้นติดกับดัก
กู้ซวงทำเป็นยกมือยังตื่นเต้น บอกให้นางกลับมาเร็วๆ แล้วตนเองก็พาสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินกลับไป เหมือนกำลังหาสถานที่ที่สามารถนั่งรอได้ ส่วนเฉิงยีที่อยู่บนกำแพงสูงไม่ไกล เห็นบนหลังคาไม่ไกลมีเงาคนคนหนึ่ง กำลังดึงคันธนูมุ่งหน้ามาทางกู้ซวง
“ตั้ง…”
ด้านข้างกู้ซวงมีไหมสีเขียวบินผ่านอย่างดุเดือด เมื่อหรี่ตาลงก็มองเห็นดาบของคนสองคนปรากฏอยู่ตรงหน้า
สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังตะโกนร้องแล้วดึงนางไปอีกข้าง เฉิงยีกลับได้รับมือกับคนตรงหน้านี้ไปหลายกระบวนท่าแล้ว เมื่อได้ยินเสียงคนคนนั้นส่งเสียงอย่างเย็นชา สีหน้าเฉิงยีเคร่งขรึม อาวุธลับที่ซ่อนไว้ทางซ้ายมือบินลอยออกไป เจาะทะลุไหล่น่องของผู้ชายคนนั้น
คนคนนั้นส่งเสียงโอดครวญ ดึงอาวุธลับออกแล้วก็คิดวิ่งหนี
เฉิงยีกำลังจะตามไป กลับเห็นคนคนนั้นสะบัดแขนเสื้อ แล้วก็มีฝุ่นโขมง เขาจึงต้องเดินถอยหลังไปหลายก้าว เอาตัวกู้ซวงกับสาวใช้ปกป้องไว้ด้านหลัง
กู้ซวงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วก็ปิดปากของเฉิงยี
เมื่อไม่มีฝุ่นแล้ว บนพื้นเหลือไว้เพียงอาวุธลับสองอันที่เปื้อนไปด้วยเลือด
ไม่เคยมีใครดึงอาวุธลับออกมาแล้วก็หนีไปได้ การกระทำแบบนี้ค่อนข้างเด่นชัดไปหน่อย
เฉิงยีเดินเข้าไปเก็บอาวุธลับที่เปื้อนเลือดนั้นมา ใจกำลังคิดว่า นี่จะเกี่ยวข้องกับพิษรากถุงน้ำดีหงส์หรือเปล่า
กู้ซวงที่อยู่ด้านหลังสีหน้าค่อนข้างซีด เฉิงยีไม่กล้าอยู่นาน จึงรีบพาตัวนางกับสาวใช้สองคนกลับไป
แต่ว่าเวลารวดเร็วกว่าที่คิดไว้มาก กู้ซวงยังไม่ทันได้เดินเข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงหมิ่นเอ๋อร้องเอะอะโวยวาย ในใจตื่นตระหนก จึงดึงคนด้านข้างแล้วหยุดฝีเท้าลง เฉิงยีได้ยินเสียงองค์หญิงหมิ่นเอ๋อ ในใจแอบคิดว่าไม่ดีแน่
แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ท่านอ๋องเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินแล้วก็กำลังดี จึงไม่เดินเข้าไปอีก
“ข้าไปเสด็จอาของเจ้า กลับจำได้แต่คนที่ป้อนยาพิษให้เจ้าคนนั้นๆ ช่างน่าลงโทษจริงๆ”
เดิมซ่านจินจื๋อก็จิตใจว้าวุ่นอยู่แล้ว ถูกหมิ่นเอ๋อเอะอะโวยวายว่าจะไปหาหลิงเอ๋อร์ ก็ค่อนข้างโมโห แต่ก็ไม่กล้าเอาเด็กที่แบกรับไว้แล้วดึงลงมาให้บาดเจ็บ มีเพียงโม่ซานที่เดินมาเอาตัวหมิ่นเอ๋อลงมา พูดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรว่า “ถ้ายังไม่หยุดดื้อ เสด็จอาของเจ้า จะลงโทษเจ้าแล้ว”
“แต่ว่าหลิงเอ๋อร์……” เมื่อไปอยู่ในอ้อมกอดของโม่ซาน หมิ่นเอ๋อก็ว่าง่ายขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อแลมองดูหมิ่นเอ๋อ แล้วก็รู้ว่าเด็กคนนี้เมื่ออยู่กับผู้หญิงแล้วจะไม่เป็นบ้า จึงทำได้เพียงถอนหายใจ มองดูเฉิงซานแล้วพูดว่า “เรือนทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ ค้นแล้วหรือยัง?”
“กำลังค้นหาอยู่ ท่านอ๋องอย่าได้เป็นกังวล” เฉิงซานพูดขึ้นอย่างนอบน้อม ในมือกำลังหอบข้อมูลบ้านเรือนแต่ละอย่างที่เพิ่งค้นหาไป ส่วนซ่านจินจื๋อแทบรอไม่ไหวที่จะพบช่างที่สร้างบ้านทั้งหมดในเมือง แล้วก็หาสถานที่ที่ลึกลับพวกนั้นออกมา
ที่ทำให้ลำบากใจที่สุดก็คือ พวกหนอนที่กู้อ้าวเวยทิ้งไว้ ที่สามารถตามหานางได้นั้น ตอนนี้หนอนพวกนี้ถูกปล่อยออกไปแล้วก็กลับมายังกรงเหมือนเดิม ทำให้ไม่รู้ว่านางถูกนำไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
ตามไม่ได้ หาไม่เจอ แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลย
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
หงุดหงิดไม่เป็นสุข แล้วก็ได้ยินหมิ่นเอ๋อโอบอยู่ในอ้อมกอดโม่ซานแล้วร้องหาหลิงเอ๋อร์ จึงยิ่งปวดหัว นวดขมับแล้วพูดว่า “รีบส่งคนไปพาตัวหลิงเอ๋อร์กลับมา ระหว่างทางดูแลให้ดี อย่าให้ใครเจอตัว”
เฉิงซานเข้าใจ เมื่อออกประตูไปก็เจอเฉิงยีกับกู้ซวงพอดี จึงพูดกับกู้ซวงว่า “ท่านอ๋องไม่เคยปฏิบัติอย่างรุนแรงกับองค์หญิงทั้งสอง ความช่วยเหลือของแม่นางกู้ในวันนี้ วันหน้าท่านอ๋องจะต้องตอบแทนแน่”
กู้ซวงอึ้งไปเล็กน้อย คิดถึงคำพูดของหมิ่นเอ๋อกับซ่านจินจื๋อเมื่อกี้ จึงเพียงเม้นริมฝีปาก แล้วก็พูดขอบคุณเฉิงซาน
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง เฉิงยีได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟัง และก็บอกว่ามีคนไล่ตามนักฆ่าคนนั้นไปแล้ว และก็เอาอาวุธลับขึ้นมาวางตรงหน้า
กู้ซวงกลับหยิบขึ้นมา เอาผงยาที่ท่านเห้อให้มาโรยลงไป ปรากฏว่าสีเปลี่ยนไป จึงพยักหัวพูดว่า “เป็นพิษรากถุงน้ำดีหงส์จริงๆ”
ซ่านจินจื๋อตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ พร้อมพูดว่า “ข้าจะตามไปด้วยตัวเอง”
เขาจะต้องหาตัวคนคนนี้ออกมาให้ได้