บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1046
บทที่ 1046 เบ็ดตบปาก
คนภายในกระจก หน้าตาไม่เปลี่ยนไป
กู้ซวงสวมชุดกระโปรงยาวเหลืองอ่อนที่ปกติชอบใส่ มีผ้ามัดเอวสีขาว หางตาแต้มสีสันลงไปเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงเล็กน้อย ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้ากระจก ด้านหลังมีเด็กน้อยสามคนที่ทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน นางไม่เข้าใจจริงๆ
เฉิงซานยืนข้างๆอย่างเคารพ พูดเสียงเบาว่า: “เช่นนี้ ก็พอแล้ว”
“ข้าไม่เหมือนกู้อ้าวเวย นางไม่ชอบแต่งหน้า และไม่ชอบแต่งตัว ขนาดปิ่นปักผมยังไม่ค่อยจะปักเลย อย่างมากก็ปล่อยผมยาวเท่านั้น ออกบ้านแบบนี้ แน่นอนคงจะถูกจับได้เสียก่อน” กู้ซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังต้องหันไปดึงหมิ่นเอ๋อที่ยังเล่นไม่หยุดออกมา อย่าให้สาวน้อยขี้เล่นคนนี้พาเด็กชายอีกสองคนเสียเชียว
ทุกท่วงท่า เหมือนกู้อ้าวเวยมาก
แต่เฉิงซานรู้ว่า กู้ซวงคนที่นางเกลียดมากที่สุดก็คือกู้อ้าวเวย ขอแค่ได้ยินชื่อนี้ภายในจวน ก็จะมองด้วยสายตาที่เบื่อหน่ายและรำคาญ ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ซ่านจินจื๋อจะให้นางเป็นกู้อ้าวเวยตัวจริงเพื่อไปหลอกสายตาทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซ่านจินจื๋อจะดูแลหลิงเอ๋อและหมิ่นเอ๋อ นางไม่ตอบตกลงแน่นอน
แต่เลียนแบบมาหลายปี มีของบางอย่างซึบซับเข้ากระดูกไปแล้ว
กู้ซวงไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยก็เคยแต่งหน้าจัด แต่งตัวสง่างามเข้าหาไปมาหาสู่กับพวกใต้เท้า ยิ่งไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยดูสีหน้าเย็นชา แต่เคยร้อนแรงบนเตียงมาแล้ว
ทั้งสองไม่เหมือนกันเลย
“ยิ่งไม่เหมือน ก็ยิ่งสำเร็จมากเท่านั้น แต่ว่าคุณหนูกู้ซวงท่าน ยังไงก็ไม่เหมือนกับคุณหนูใหญ่” ตอนนี้อาการหัวเราะของเฉิงซานมีความช่วยไม่ได้อยู่ด้วย และเปิดประตูออกช้าๆ: “ช่วงเวลาที่ท่านแสดงนี้ ส่วนมากก็เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ว่าบางครั้งต้องแสดงความรักกับท่านอ๋องเป็นบางครั้ง ทางที่ดีต่อหน้าคนนอก ก็แสดงความน้อยใจของเมื่อตอนนั้นออกมาให้มากที่สุด”
กู้ซวงอึ้งเล็กน้อย แต่ว่าสักพักนางก็หัวเราะ: “ความน้อยใจของข้า ไม่มีคนฟัง และไม่มีความจำเป็นต้องพูดหรอก”
พูดจบ กู้ซวงก็จับหมิ่นเอ๋อไว้ข้างๆ ปล่อยให้นางเล่นกับเด็กสองคนต่อ หยินซี่งดึงแขนเสื้อนางไว้พูดว่า: “พี่ซวง”
คนที่กู้ซวงชอบที่สุดก็คงเป็นหยินซี่ง
หยินซี่งเข้าจวนมาไม่กี่วัน ก็แยกแยะนางกับกู้อ้าวเวยได้แล้ว เจ้าเด็กคนนี้แม้จะไม่ฉลาด นิสัยก็ดูเชื่องช้า แต่ใบหน้ากลับดูเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ดื้อไม่ซน ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกรักเอ็นดู
กู้ซวงเห็นเฉิงซานพยักหน้า ก็หยุดลงและอุ้มนางขึ้นมา: “หยินซี่งเรียกพี่สาวมีอะไรเหรอ?”
“พ่อบุญธรรมบอกว่า น้อยใจถ้าเก็บไว้ไม่ยอมพูด ต่อไปคงตัดไม่ขาดในยังวุ่นวายอีก อีกอย่างพี่ซวงกับแม่บุญธรรมหน้าตาคล้ายกัน แต่ด้านในไม่เหมือนกัน” หยินซี่งนำคำพูดที่วันนั้นพังจากพวกผู้ใหญ่มาดัดแปลงเป็นคำพูดตัวเอง ยุ่งเหยิงปนกัน แต่กลับทำให้กู้ซวงสงสัย
“ไม่เหมือนอย่างไร?”
“ตอนแม่บุญธรรมดูแลข้ากับเซียวเซียว หวังให้พวกเราเติบโตเร็วๆ แต่ตอนที่พี่ซวงดูแลพวกเรา เหมือนกังวลพวกเราจะเกิดเรื่องขึ้นตลอด……” หยินซี่งซบลงไหล่ของกู้ซวง ดวงตากลมโตพูดว่า: “แต่พ่อบุญธรรมดูแลพวกเราเป็นอย่างดี พี่ซวงอย่ากังวลไปเลย”
เฉิงซานหัวเราะขึ้นมา ว่ากันว่าเด็กนั้นรู้เรื่องทุกอย่าง เป็นเรื่องจริงสินะ
กู้ซวงในใจไม่รู้คิดอะไร แต่ก็ปล่อยนางลงมา: “งั้นพี่สาวควรทำอย่างไรล่ะ?”
“พ่อแม่ของพี่สาวในเมื่อไม่เอาพี่แล้ว แล้วทำไมพี่ต้องสนใจพวกนางด้วย? ด้วยเรื่องสายเลือดก็ดี หยินซี่งรู้แค่ว่า เจ้าดีกับข้า ข้าก็ดีกับเจ้าตอบ ถ้าเจ้าทำไม่ดีกับข้าทุกวัน งั้นทำไมข้ายังต้อง……ทำคุณบูชาโทษอะไรสักอย่าง?”
หยินซี่งยืนอยู่ที่เดิมนิ่งๆ ดึงมือกู้ซวงเดินออกไปด้านนอก คิ้วขมวดเป็นปมแน่น
เห็นเช่นนี้แล้ว กู้ซวงก็หัวเราะเบาๆ ขยี้หัวนางเล่นพูดว่า: “พี่รู้แล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้วก็ดี รอพี่ซวงกลับมา พวกเราควรไปกินข้าวพร้อมกับแม่บุญธรรมดีหรือไม่?”
หยินซี่งส่ายแขนเสื้อของกู้ซวงอย่างดีใจ พอขึ้นรถม้าแล้ว หยินซี่งโบกมือลานางอย่างเสียดาย จนกระทั่งรถม้าหายไปตรงทางเลี้ยว หยินซี่งถึงยกกระโปรงขึ้นเดินกลับไปเล่นกับพวกเด็กๆต่อ
ตลอดทางมาถึงภายในวัง กู้ซวงนำผ้าคลุมมาคลุมตัวเองไว้หมด เหลือเพียงดวงตาที่ไม่ปิดไว้ จ้องมองประตูวัง พูดเสียงเบาว่า: “ข้าจะทำยังไงให้ตงฟางซวนเอ๋อเห็น?”
เสียงนี้ไม่รู้มีความกล้ามากกว่าปกติหลายเท่า
“ทำตัวธรรมดาก็พอ ถ้านางสนใจ คำนินทาไปตามลมยังไงก็คงจะรู้ในเร็วๆนี้”
เฉิงซานก้มตัวต่ำๆเดินตามหลังกู้ซวง เดินเข้ามาภายในวัง เดินตามทางที่ไม่มีคนเดิน
วันนี้ซ่านจินจื๋ออ้างว่าตามหาหมอเทพมารักษาฮองเฮา เข้าวังมาเจอฮองเฮา และไปคุยกับฮ่องเต้เรื่องตามหาหมอวิเศษมารักษาอาการของฮองเฮา จึงเรียกกู้ซวงมา ภายนอกเป็นคำสั่งของของฮ่องเต้ แต่ความจริงเป็นแค่แผนการของซ่านจินจื๋อ
กู้ซวงสวมชุดคลุมไว้เดินเข้ามาในวัง ดวงตาคู่นั้นทำให้คนมองไม่ออก แต่ยังไงก็มีคนมากมายเคยเห็นเฉิงซาน
ตลอดทางเดินไปตำหนักฮองเฮา ไม่ได้ออกมานาน
ตงฟางซวนเอ๋อได้ยินข่าวลือจึงมา นอกตำหนักฮองเฮานางกลับถูกขวางไว้ไม่ให้เข้า ทหารที่เฝ้าไม่ใช่ทหารก่อนหน้าที่เฝ้าตำหนักฮองเฮา ใบหน้ามีรอยแผลเป็นยาว ดูท่าไม่เหมือนทหารในวัง เหมือนกับทหารที่ส่งมาจากชายแดนมากกว่า ร่างกายกำยำ แค่เพียงสายตาเดียวก็ทำให้สาวรับใช้สองคนด้านหลังของตงฟางซวนเอ๋อตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
“ข้าเป็นถึงญาติคนสนิทของฮองเฮา วันนี้มาเยี่ยมโดยเฉพาะ ทำไมถึงไม่ให้ล่ะ?” ตงฟางซวนเอ๋อหรี่ตาลง ก้าวเข้าไปอีกก้าว แนบชิดกับดาบสองเล่มที่กั้นไว้: “พวกเจ้าเป็นทหารจากไหน?”
“พวกข้าน้อยเป็นคนที่ฝ่าบาทเลือกมาเอง” ทหารเอาแผ่นป้ายยื่นให้ตงฟางซวนเอ๋อดู และพูดเสียงเบาว่า: “ฮองเฮาป่วยอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องไปถึงประเทศ ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกข้าน้อยมาเฝ้าที่นี่ รอจนฮองเฮาร่างกายดีขึ้นแล้วถึงจะออกไปได้ ในระหว่างนี้ มีเพียงหมอหลวงจากโรงหมอหลวงและหมอที่เลือกมาจากข้างนอกเท่านั้นที่จะเข้ามาได้?”
“แต่อ๋องจิ้งนั้น……”
“หุบปาก” ตงฟางซวนเอ๋อด่าสาวรับใช้สองคนนั้น ก็เห็นทหารหรี่ตาลง ก็รีบเปลี่ยนคำพูดว่า: “ข้าตั้งแต่ฮองเอาเกิดเรื่อง ก็มาดูแลตลอด วันนี้แค่คำพูดธรรมดาของพวกเจ้า ก็จะไล่ข้าไปเสียแล้วเหรอ? หรือว่าตระกูลตงฟางขอตัวเราล่มแล้วเหรอ”
ตอนนี้กลับถึงตาสาวรับใช้สองคนเข้ามาขอร้องนาง กลัวว่าท้าทายเช่นนี้ จะเป็นผลไม่ดีกับตงฟางซื่อได้
“พวกข้าน้อยไม่ใช่คนเมืองเทียนเหยียน ฟังแค่ฝ่าบาทคนเดียว เผ่าของเราก็ไม่มีใครที่เอามาขู่ได้ คุณหนูตงฟางพูดอะไรก็ระวังหน่อยดีจะดีกว่าขอรับ”
ทหารสองคนเก็บดาบพร้อมกัน และขณะเดียวกันก็ขวางทางประตูไว้ไม่ให้ใครเข้า
ตงฟางซวนเอ๋อโกรธอย่างมาก แต่กลับได้ยินสาวรับใช้ที่เชื่อใจได้เดินมาอย่างรีบร้อน ขยับเข้าใกล้นางและพูดว่า: “เมื่อกี้บ่าวเห็น กู้อ้าวเวยแอบออกจากตำหนักฮองเฮา ไม่ได้บอกกับคนอื่นๆ”
ได้ยินแล้ว ตงฟางซวนเอ๋อสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป สายตากลับดูชัดเจนมาก
เจ้าก็เป็นแค่ตัวปลอม ตอนนี้กลับใช้ชื่อเสียงของตำหนักอ๋องจิ้งได้ด้วยเหรอ?