บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1048
บทที่ 1048 เมี่ยวหารลองใจ
ภายในห้องหินเงียบเหงาไปหมด
นอกจากอาหารธรรมดาและคนที่มาจับตาคอยเฝ้า เหมือนจะไม่มีอย่างอื่นแล้ว
ตอนที่ตื่นมา เตียงข้างๆเย็นเฉียบไปหมด ฤดูหนาวใกล้เข้ามา ภายในห้องหินกลับหนาวเหน็บขึ้นมา เหมือนอยู่ในห้องน้ำแข็งยังไงยังงั้น
จึงหดตัวกลับเข้าไปภายในผ้าห่มที่ยังอุ่นอยู่ เศษอาหารเหลือยังพอให้อิ่มท้อง แต่ไม่พอที่จะทำให้นางอบอุ่น ภายในห้องทึบเช่นนี้ ถ้าจะจุดเตาผิงไฟคงจะฆ่านางได้เลยทีเดียว คนพวกนั้นคงไม่โง่ถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่ยอมเอาซุปอุ่นๆให้นางดื่มหน่อย
วันนี้ขนาดยายังเย็นเลย กระตุ้นจนคอนางแหบไปด้วย จมูกอุดตัน
คงเป็นเพราะไม่ถูกคนกระทำทารุณแบบนี้มานานหลายปี ร่างกายที่อ่อนแอนี้กลับหนาวเหน็บมากกว่าปกติ ขนาดความอุ่นภายในผ้าห่มยังเหมือนจะหายไปเลย นางจึงหดตัวเข้าไปในผ้าห่มและตะโกนเสียงดัง: “ข้าจะหนาวตายอยู่แล้ว เปลี่ยนที่ขังข้าได้ไหมเนี้ย? โซ่บนคอข้ายังไม่อุ่นเลย”
พอเงียบสักพัก ประตูห้องหินก็ถูกเปิดออก
คนชุดดำเอากาน้ำชาร้อนๆมาวางไว้บนโต๊ะ และพูดว่า: “อย่าตะโกนอีกนะ”
“น้ำร้อนช่วยอะไรข้าไม่ได้หรอก ไม่ช่วยข้าอีก ข้าคงได้ตายจริงๆแน่” กู้อ้าวเวยปากสั่น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป นางคงได้แข็งตายเพราะสภาพอากาศในนี้เป็นแน่
คนชุดดำนั้นลังเลสักพัก ก็เดินเข้าไปหา กู้อ้าวเวยใช้โอกาสนี้ยื่นมือออกไปจับมือเขาไว้
มือที่วางไว้ในผ้าห่มกลับไม่อุ่นเท่ามือของคนชุดดำเลยด้วยซ้ำ มีเพียงมือบนเหงื่อเท่านั้น
คนชุดดำขมวดคิ้ว: “ข้าไปหา……”
“ไม่หาที่อุ่นให้ข้าและจุดเตาผิงให้ข้า มีหวังข้าได้ตายจริงๆแน่ ข้าไม่สำคัญสำหรับพวกเจ้าเลยงั้นเหรอ ตายไปง่ายๆเลยเหรอ? จุ้ยเวี่ยนพวกเจ้าใช้เป็นไหม? เตาผิงพวกเจ้าสร้างเป็นไหม?” กู้อ้าวเวยจับมือเขาไว้แน่นและลุกขึ้นมาจากเตียง บนตัวยังสวมชุดหนาไว้อีกด้วย
พอถูกถามกลับแบบนี้ คนชุดดำยังไม่ทันได้ตบ ก็ได้ยินกู้อ้าวเวยถามติดๆกันว่า: “หรือพวกเจ้าจะใช้เมี่ยวหารคนที่ไร้ความสามารถ? หรือซูพ่านเอ๋อที่ใช้เป็นแต่ความสวย? นึกถึงแผนการของพวกเจ้าไว้สิ คิดหาสถานที่ที่ดีกว่านี้ให้ข้า หรือจะให้ข้ารอตายอยู่ในนี้”
พูดจบ นางไม่รอคนชุดดำตอบ ก็หดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง
ในผ้าห่มยังไงก็อุ่นกว่าเล็กน้อย
และนาง ก็คิดว่าไม่อยากตายแล้ว
เหมือนเมื่อก่อนนางก็เคยเผชิญกับความตาย กล้าใช้ร่างกายนี้ไปทำเรื่องอันตราย
แต่นางยังไม่เคยเห็นลูกชายสองคนของตัวเอง และยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ และความทรงจำทุกอย่างก็ยังไม่เข้าที่อีก
อุณหภูมิร่างกายลดลงเรื่อยๆ เหมือนกำลังใช้เลื่อยตัดกระดูกนางช้าๆ ทุกครั้งที่หายใจที่เลื่อยที่หนาวเหน็บนั้นเหมือนกำลังขยับเล็กน้อย พร้อมกับความเจ็บปวด
คนชุดดำไปเมื่อไหร่นางยังไม่รู้เลย รู้แค่ว่าในสมองมีอนาคตมากมายแล่นเข้ามา นางกลับแค่รักษาตัวเองยังทำไม่ได้เลย จนกระทั่งมือของนางถูกคนดึงออกมาจากผ้าห่ม
ผู้หญิงตรงหน้าดูอวบอ้วน มือยังมีแรงอยู่ไม่น้อย
โอบกอดนางเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ปากเม้มพูดพึมพำ แต่ก็รวมเป็นหนึ่งประโยคไม่ได้ และลากนางออกมาจากห้องหิน ปิดตานางไว้เดินเลี้ยวไปมาจนถึงห้องธรรมดาหนึ่งห้อง
ขนาดในผ้าห่มยังอุ่นเลย
นางถูกโยนไปบนผ้าห่มอุ่นอย่างรุนแรง หดเข้าไปในผ้าห่ม ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ข้าเคยเห็นเจ้า”
“อีอีอู?” หญิงอ้วนเอียงหัวเล็กน้อย สายตากลับเย็นชาขึ้นมา
“ตอนเด็กข้าเคยเจอเจ้า ตอนนั้นเจ้าตัวใหญ่มาก ตรงถนนทางใต้ของเมืองเทียนเหยียน เจ้ายังเป็นเด็กเล่นกายกรรม” กู้อ้าวเวยคิดได้เหมือนเป็นความทรงจำใหม่ ตอนเด็กนางชอบเล่นมาก แม้น้อยครั้งที่จะพายู่จุนออกมาเล่นด้วย แต่ไม่ว่าจะไปจับกุ้งปากตรงแม่น้ำชานเมือง หรือตอนกลางวันแสกๆที่ออกไปเดินเล่นเมืองเทียนเหยียนจากหลังประตู ก็ต้องรู้จักคนรูปร่างผิดปกติอยู่แล้ว
หญิงอ้วนกลับอึ้งนิ่ง หัวเราะและพยักหน้า
กู้อ้าวเวยกลับคิดว่า หรือว่าเป็นช่วงความทรงจำที่ตัวเองเสียไป ตัวเองก็เคยเจอนางมาแล้ว
แต่ว่าหญิงอ้วนแค่ตบผ้าห่มให้นางและเดินออกไป แต่หน้าต่างทุกบานกลับปิดมิดชิด ที่เดียวที่ให้ควันจากเตาผิงออกไปได้ คงมีแต่ประตูใหญ่ที่แง้มเปิดเล็กน้อย
อยากจะหนีคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่คนเบื้องหลังเหมือนจะหลอกใช้ความแค้นของซูพ่านเอ๋อที่มีต่อซ่านจินจื๋อ
แต่ตอนนี้ขนาดฮ่องเต้ยังไม่สามารถพูดได้ว่าจะคุกคามถึงตำแหน่งของซ่านจินจื๋อได้หรือไม่ คนเบื้องหลังนี้ทำให้ทั้งสองเชื่อได้ยังไง?
คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ นางจึงยกมือขึ้นทำถ้วยข้างมือตกลงพื้น ประตูถูกเปิดออก นางทำท่าตกใจ ขมวดคิ้วพูดว่า: “มือข้าเหมือนจะไม่มีแรงเลย”
คนชุดดำนอกประตูเดินเข้ามาจัดการเศษแก้วข้างใน ไม่นาน เมี่ยวหารก็เอากล่องยารีบเข้ามา
สีหน้าเมี่ยวหารเหมือนจะซีดเซียวกว่าก่อนหน้านี้มาก ตอนนี้กลับมานั่งอยู่ข้างเตียงของนาง วัดชีพจรให้นาง พูดว่า: “มือเจ้า……”
“แค่อยากเรียกเจ้ามา เจรจาข้อตกลง”
กู้อ้าวเวยตั้งใจพูดเสียงดัง แต่คนชุดดำนั้นกลับทำเหมือนไม่ได้ยินเก็บเศษแก้วและออกไปทันที
“พวกเขาฟังคำสั่งของข้า แม้เจ้าคิดจะพูดให้แตกแยกยังไง ก็ไม่มีประโยชน์” เมี่ยวหารแสยะยิ้ม แต่ก็ยังสังเกตเห็นว่าชีพจรนางเคลื่อนไหวใหญ่มาก แต่นางยังสามารถนั่งอยู่บนเตียงได้ และพูดว่า: “เจ้ารู้หรือไม่ กู้อ้าวเวยตัวปลอมกำลังได้ความรักจากซ่านจินจื๋ออยู่?”
กู้อ้าวเวยอึ้งเล็กน้อย ความคิดที่หยุดนิ่งทำให้นางไม่เข้าใจว่าทำไมซ่านจินจื๋อถึงทำแบบนี้
เห็นนางคิดไปไกล เมี่ยวหารก็พูดต่อว่า: “ตัวปลอมนั้นหน้าตาคล้ายเจ้ามาก ได้ยินว่าตอนนี้กำลังตามหาลูกน้องของเมืองเหยสุ่ยเมื่อก่อนอยู่ ดูแล้วเหมือนอยากจะเข้ามาแทนที่เจ้านะ”
พูดถึงเมืองเหยสุ่ยสามคำนี้ เมี่ยวหารมองดูทุกการกระทำของนาง และเห็นกู้อ้าวเวยขมวดคิ้วอย่างชัดเจน
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดไม่พูดไม่จา มือวางลงบนผ้าห่มกำไว้แน่นกว่าเดิม
เรื่องของเมืองเหยสุ่ยนางได้ยินมาไม่น้อย แต่ถ้าจะนึกอย่างละเอียด นางก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก
“ตอนนั้นเจ้าหนีออกมาจากเมืองเหยสุ่ย ยังจำได้ไหมว่าไปยังไง?” เมี่ยวหารถามต่อ
“ข้า……เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” กู้อ้าวเวยหรี่ตาลง และเห็นสายตาที่สงสัยของเมี่ยวหาร และรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที: “ถ้าเจ้าอยากลองใจให้ข้าพูดออกมา วิธีนี้กระจอกไปนะ”
ไม่ได้ถามอะไรมาก เมี่ยวหารก็ออกไปทันที
กู้อ้าวเวยกลับหดตัวอยู่บนเตียง และคิดไม่ออกเรื่องราวในนี้ แต่รู้สึกปวดหัวมาก
ความทรงจำพวกนั้น เหมือนส่วนมากฟังจากปากเขาหมดเลย