บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1069
บทที่ 1069 มีเรื่องด้วยไม่ได้
เหี้ยมหาญในการศึกอย่างอ๋องจิ้ง กลับพ่ายแพ้อยู่ในมือของผู้หญิงถึงสองครั้ง
เพียงแต่ครั้งที่สองนี้ เขากลับไม่อยากที่จะทำให้กู้อ้าวเวยโกรธ เป็นกังวลว่านางโกรธแล้วจะทำให้พิษกำเริบ จึงนั่งขัดสมาธิบนพื้นดินเหมือนดั่งอยู่ในสนามรบ ผมสีดำเข้มก็ไม่ดูเรียบร้อยเหมือนปกติ กระจายอยู่ข้างหู
เมื่อต่างคนต่างโกรธ ยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งยอมถอย
ซ่านจินจื๋อชอบที่จะเห็นกู้อ้าวเวยดูสดใสแบบนี้ แต่เมื่อคิดถึงนางถีบตนเองลงมาจากเตียงเพราะผู้ชายอีกคน สุดท้ายก็โกรธตัวเองที่ทั้งสองคนไม่สามารถได้ใกล้ชิดกัน หัวใจดวงนี้ของเขาเต้นรัว อยากที่จะฉีกซ่านเซิ่งหาน สับให้ละเอียดแล้วโยนลงไปในท้อง
เกาผมสีดำที่ยุ่งเหยิงอย่างหงุดหงิด กู้อ้าวเวยกลับมองเห็นผมที่เหมือนดั่งรังนกนั้น แล้วก็เอามือปิดปากหัวเราะ
“อยากหัวเราะก็หัวเราะไปเถอะ” ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่บนพื้นมองดูนางแล้วพูดว่า “มาพูดเรื่องสำคัญกันก่อน”
เห็นเขาไม่ได้พูดถึงชื่อของซ่านเซิ่งหานอีก กู้อ้าวเวยค่อยเก็บอารมณ์ขำ พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เมืองเหยสุ่ยตามหลักแล้วเป็นเขตพื้นที่ของฮ่องเต้ แต่ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเคยเห็นแม่หญิงตู้ นางคอยปกป้องข้าที่เป็นคนของตระกูลหยุน ดูแล้วก็เหมือนเป็นคนของยู่จุนหรือหยูนซีมากกว่า ต่อมาตามที่ยู่จุนฟื้นขึ้นมาช้า ตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าเมืองเหยสุ่ยน่าจะตกอยู่ในมือของหยูนซีมากกว่า”
“หยูนซีถูกเสด็จพี่ซ่อนไว้ในวัง จะติดต่อกับคนภายนอกได้อย่างไร?”
ฝ่ามือข้างหนึ่งของซ่านจินจื๋อวางอยู่บนขาของตัวเอง เท้าคางตนเองแล้วมองดูกู้อ้าวเวย
ดูหุ่นเพรียวจากล่างขึ้นบนของเวยเอ๋อนี้ ก็ดูมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอีกแบบ ยิ่งมองเห็นต้องลำคอของนางที่ไม่ได้ถลอก เพียงแค่ย้อมด้วยสีชมพูอ่อนเป็นวงกลม รอยยิ้มนั้นทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปด้วย
มองเห็นสายตาที่แปลกประหลาดนั้น กู้อ้าวเวยรีบเอามือปิดตรงที่ถูกกันกี้ แล้วใบหูก็แดง
สีหน้ากลับยังคงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “อันนี้ข้าก็ไม่รู้ ส่วนซ่านเซิ่งหานเพื่อตำแหน่งฮ่องเต้แล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่มีสิ่งเดียวเขาจะไม่ทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเด็ดขาด”
ภาพที่สวยงามในหัวสมองของซ่านจินจื๋อระเบิดออกมาจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
“ไม่ให้ข้าพูดถึง เจ้ากลับเป็นคนพูดขึ้นมาเสียเอง?”
“ยืดๆยาดๆ ไม่จบไม่สิ้น?” สายตากู้อ้าวเวยคมเฉียบ ซ่านจินจื๋อต้องกลืนคำตำหนินั้นลงไปอย่างเชื่อฟัง
“ก่อนหน้านี้ที่ซ่านเซิ่งหานกระทำ ไม่เหมือนกับเจ้ากับองค์ชายคนอื่น ไม่มีอะไรไม่สมควร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาประสบความสำเร็จในการครองบัลลังก์ในเวลานี้ เทียบได้กับที่นำกองกำลังล้อมเมือง เป็นที่โปรดปรานจนหยิ่งผยอง เขาเป็นที่พอใจของประชาชนมากกว่า และตอนนี้อำนาจทางทหารก็แบ่งไปให้เขาแล้วส่วนมาก ต่อไปต่อให้เขาใช้กำลังแย่งชิงอำนาจ ก็จะมีพวกขุนนางสนับสนุน” กู้อ้าวเวยกลัวแมวตัวตอนนี้จะโกรธอีก จึงเรียกแมวสองตัวในห้องมาแล้วโยนไปให้ซ่านจินจื๋ออุ้ม รีบพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “เขาในตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลือซ่านต้วนโฉง ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่ต้องแย่งชิงบัลลังก์ เขาเพียงแค่ต้องรอคอย”
ซ่านจินจื๋อทำทีท่าอุ้มแมวสองตัวไว้อย่างน่าสงสาร
เสี่ยวป๋ายแต่เหยียบชายเสื้อคลุมหลวมๆนั้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
กู้อ้าวเวยมองดูแว๊บหนึ่ง ทำเป็นไอแล้วก็ละสายตาไป ก้มหน้ามองดูข้างเตียงของตนเอง
ซ่านจินจื๋อจับเสี่ยวป๋ายที่ดิ้นรนอยู่ในอ้อมอกของเขา แล้วเอาเสี่ยวฮัววางไว้ข้างมือกู้อ้าวเวย แล้วค่อยพูดต่อไปว่า
“แต่ยังไงเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“ไม่เพียงเท่านี้ ยังไงยู่จุนก็ยังสามารถครอบงำฮ่องเต้ แต่หากจะพูดถึงการกู้ชาติ งั้น อย่างน้อยคนส่วนมากของตระกูลยู่ล้วนมีความคิดเช่นนี้ ตอนนี้ยู่จือยู่หงต่างก็หายสาบสูญ บางทียู่จุนที่พวกนางพูดถึงล้วนเป็นความเท็จ เพื่อให้ได้ความเชื่อถือจากข้า แล้วก็ได้สูตรยาอายุวัฒนะ”
ยกมือเอาเสี่ยวฮัวมาอุ้ม กู้อ้าวเวยเอนนอนอยู่บนเตียงมองดูซ่านจินจื๋อ
“ตอนที่อยู่เย่นเจียง อ้ายจือกับยู่จือได้รู้เรื่องตัวยาส่วนใหญ่แล้ว แต่นั่นล้วนเป็นของปลอม” พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยเพิ่งคิดได้ว่ายังไม่ได้บอกความจริงกับซ่านจินจื๋อ จึงพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้สูตรยาที่ข้าให้เจ้าหลังจากที่ความจำเสื่อมกลับมานั้นเป็นของปลอม เป็นเพราะความจำของข้าสูญหายไปอย่างมาก ยาสมุนไพรที่เห็นบนต้นฉบับนั้น ยู่จือกับอ้ายจือต่างก็รู้ แต่สูตรยาที่แท้จริงคือ…”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของซ่านจินจื๋อกลับดีขึ้นมาก
เห็นกู้อ้าวเวยรู้สึกผิดกับในตอนนั้นที่ไม่เชื่อถือใครเลย เขาไม่โกรธกลับหัวเราะพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ถือได้ว่าพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดี นับว่าเจ้าโชคดีอยู่ไม่น้อย”
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจ แววตามองดูอย่างสงสัย แต่ก็ดูว่าง่ายไร้เดียงสา
“เจ้าไม่โกรธข้า?”
“เรื่องในโลกเป็นสิ่งไม่เที่ยง โกรธเจ้าทำไม?” ซ่านจินจื๋อหัวเราะพูดขึ้นว่า “แต่เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนยาอายุวัฒนะแล้ว หลังจากนี้ข้าจะสืบความให้ชัดเจน มีหากมีเวลาก็จะไปหารือกับเจ้า”
มีเวลาค่อยไปหารือ?
แขนของกู้อ้าวเวยกระชับขึ้นเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าก็ต้องไปแล้ว? แต่ยังไม่ได้เห็นฉูห้าวกับฉีหรัว ยิ่งไม่รู้ว่าฉีหลินได้รับข่าวของหยินเชี่ยวแล้วหรือยัง”
“เวลายังอีกยาวไกล หากเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสิบปีหรือมากมาย ก็จะได้รู้ทุกอย่าง”
ซ่านจินจื๋อค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า นั่งอยู่ด้านข้างเตียงแล้วโยนเสี่ยวป๋ายไปให้นางอุ้ม พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “หากเจ้าไม่อยากตาย ก็เหลือความหวังไว้ให้กับตนเองเยอะหน่อย คิดให้เยอะๆ เวลาก็จะผ่านไปช้าหน่อย ชีวิตก็จะยืนยาวเอง”
ถูกคำพูดที่ใช้พูดปลอบเด็กเล็กทำให้ขำ
กู้อ้าวเวยหัวเราะจนแทบน้ำตาไหล ยังไม่ทันไหลออกมาก็ถูกซ่านจินจื๋อเช็ดแล้ว
“ข้าบอกเจ้ามากมายขนาดนี้แล้ว หากยังไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ งั้นคงเป็นความผิดของข้า”
“ข้าไม่เป็นห่วงแล้ว”
กู้อ้าวเวยอมยิ้ม จากนั้นก็หยิบใบสั่งยาสองใบออกมาจากใต้หมอนแล้วยื่นให้กับซ่านจินจื๋อ
“ยู่จุนกับหยูนซีต่างก็ชำนาญการใช้ยาพิษ หากหยูนซีสามารถมาเป็นพวกกับเราได้ยิ่งดี แต่หากนางกับยู่จุนเป็นคู่อริกัน แล้วลากเจ้าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ใบสั่งยาสองอย่างนี้ เป็นยาที่จัดเตรียมไว้ให้กับคนที่เป็นพวกเดียวกับข้า”
ใบสั่งยานี้อาศัยมือของโม่ซานเป็นคนช่วยเขียน
กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างจริงจัง ยิ่งเป็นการจัดเตรียมไว้ให้กับซ่านจินจื๋ออย่างรอบคอบ
ส่วนที่บอกว่าเป็นคนพวกเดียวกัน กลับสร้างความลำบากใจให้กับซ่านจินจื๋อ พูดขึ้นอย่างจนใจว่า “เจ้ารู้ไหมว่าเมิ่งซู่ไปไหน?”
กู้อ้าวเวยส่ายหัว นางไม่รู้เรื่องนี้เลย
“เขาบอกว่าป่วยไม่ขึ้นว่าราชการมาสามเดือนแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วกลับส่งคนไปยังดินแดนแห่งความสุขเพื่อวาดแผนที่ทางน้ำใต้ดิน เราเดาซิว่าเขาทำงานเพื่อใครกันแน่?”
“ไม่ว่าจะทำงานเพื่อใคร ตอนนี้เจ้าก็มีเบาะแสแล้ว ทำไมจะต้องตั้งใจมาบอกข้าว่าเมิ่งซู่ไปไหน?” กู้อ้าวเวยได้สติกลับมา แล้วก็ดึงซ่านจินจื๋อมาข้างกาย
ปลายจมูกชิดติดกัน กลับทำให้ซ่านจินจื๋อไม่พอใจขึ้นมา
“เขาเคยชอบพอใจในตัวเจ้า…”
“ข้าว่าเจ้าไม่ต้องขึ้นเตียงมาดีกว่า” กู้อ้าวเวยกัดฟันอยากที่จะผลักเขาออกไป
แต่เสียดายไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ซ่านจินจื๋อกลับดึงนางลงมาอย่างแข็งแรง กู้อ้าวเวยตกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ
หลังจากความเงียบแล้ว มือสองข้างของซ่านจินจื๋อจับเอวของนางไว้ เห็นนางยังดูมีท่าทีเรียบเฉย
“ไม่กลัวว่าข้าจะทำให้เจ้าล้มตกลงไปจริงๆหรือ?”
“ข้าหรือจะกลัวเจ้า?” กู้อ้าวเวยกลับนอนอยู่บนกายเขา มือสองข้างจับแก้มของเขา พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าไม่เพียงต้องซ่อนข้าไว้อย่างดี ยังต้องใช้ประโยชน์จากข้าให้ดี”
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมพอดี
ซ่านจินจื๋อกลั้นหายใจ จับผู้หญิงที่ดื้อนั้นแล้วพูดว่า “อย่าดื้อ”
“ไม่ดื้อวันนี้ จะให้รอพรุ่งนี้หรือ?” กู้อ้าวเวยเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้เขาหน้าแดง มือทั้งสองข้างจับไว้แน่น แต่ก็ยังไม่กล้าขยับ
“….บรรพบุรุษน้อย พอก่อนไหม”
ตีไม่ได้ ด่าก็ไม่ได้
ตอนนี้ยิ่งมีเรื่องด้วยไม่ได้อีก