บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1081
บทที่ 1081 ได้ใจผู้คน แผ่นดินมั่นคง
“ฆ่าซู๋ฮองเฮาองค์ก่อน แล้วค่อยสนับสนุนฮองเฮาจากตระกูลตงฟางขึ้นแทน เช่นนี้สถานะของตระกูลตงฟางก็จะมั่นคง และเงื่อนไขนี้ก็เป็นการรับโทษแทนเสด็จพี่ในอนาคต”
เวลานี้ซ่านจินจื๋อค่อยพูดขึ้น พร้อมหันไปมองตงฟางซวนเอ๋ออย่างให้ความสนใจ
ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ออกมาตลอด ฮองเฮาทั้งสองคนถูกลอบทำร้ายทำไมถึงหาสาเหตุไม่เจอ ถึงแม้พระราชวังจะใหญ่โต แต่คนที่เข้าออกทุกวันก็มีเพียงพวกนั้นไม่กี่คนเอง
เพราะตระกูลตงฟางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทฮาว ถึงแม้ตงฟางซวนเอ๋อจะไปรู้มาจากไทฮาวว่าทางลับอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆในตระกูลตงฟางจะเป็นเช่นนี้ ตงฟางซวนเอ๋อไปถามไทฮาวไม่ใช่เพียงเรื่องทางลับเรื่องเดียว แต่เป็นการปรึกษาวางแผนการในอนาคตมากกว่า
ทำให้ตงฟางซวนเอ๋อไม่ได้กลับจวนตงฟาง เพื่อไปถามเกี่ยวกับเรื่องทางลับ
สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อเขียวขาวซีด ผ่านไปตั้งนานแล้วค่อยพูดออกมาว่า “ทำไมแผ่นดินของพวกเจ้าจะต้องใช้เลือดของตระกูลตงฟางมาบูชาเซ่นไหว้…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกเสียงหัวเราะของซ่านจินจื๋อขัดจังหวะ
“เห็นทีตระกูลตงฟางกับคนของตำบลเหยสุ่ยเหมือนกันไม่มีผิด เหยียบเรือสองแคม”
ซ่านจินจื๋อพูดเสร็จ ตงฟางซวนเอ๋อค่อยลืมตาโต เงยหน้าขึ้นมาอย่างอยากพูดอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ดาบของเฉิงซานได้จ่ออยู่ตรงคอของนางแล้ว
“เห็นทีเสด็จพี่กับเสด็จแม่ต่างก็เชื่อพวกเจ้าแล้ว ตระกูลตงฟางของพวกเจ้ากระทำผิดอยู่เรื่องเดียว ก็คือเชื่อคำพูดของคนในตำบลเหยสุ่ย ลงมือกับกู้อ้าวเวยจนถูกเปิดเผย”
ซ่านจินจื๋อมองดูนางอย่างเยาะเย้ย เรื่องที่อยู่ภายในใจนั้นเริ่มกระจ่างชัดเจนแล้ว
เพราะมีดาบจ่ออยู่บนคอ คำแก้ตัวที่ไร้ประโยชน์ของตงฟางซวนเอ๋อ ก็ถูกสติกดดันกลับไป เหลือเพียงการมองดูซ่านจินจื๋อที่อยู่ตรงหน้าอย่างหวาดกลัว พร้อมกำหมัดแน่น
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขามองซ่านจินจื๋อผิดไปตั้งแต่แรก
นางคิดมาตลอดว่ากู้อ้าวเวยเป็นคนคิดวางแผนให้กับเขา แต่ตอนนี้ดูแล้ว ซ่านจินจื๋อยอมเชื่อฟังคำพูดของกู้อ้าวเวย ไม่ได้เป็นการทำตามคำสั่งของนาง
เฉิงซานหันไปมองดูซ่านจินจื๋ออย่างสงสัย เหมือนไม่เข้าใจคำพูดประโยคนี้ที่ตงฟางซวนเอ๋อพูดออกมานั้นหมายความว่ายังไง
ส่วนด้านนอกรถม้า หวางกงกงเบิกตาโตนำเอาป้ายหยกห้อยเอวของกุ่ยเม่ยขุนนางแคว้นเอ่อตันแขวนไว้ด้านหลังรถม้า จากนั้นก็ลงมาด้วยเสียงเบาเหมือนใบไม้ร่วง ได้ยินคำพูดของทั้งสองคนอย่างชัดเจน
“นี่…ใต้เท้ากุ่ยเม่ยเป็นยังไง…”หวางกงกงรีบสั่งให้หยุดรถม้า
“องค์ชายรัชทายาทให้ข้ามาฟัง ว่ามีข่าวขององค์หญิงของเราหรือไม่”กุ่ยเม่ยยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา ทำท่าเชือดคอให้กับหวางกงกง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “กลับไปบอกฮ่องเต้ องค์ชายรัชทายาทของเราไม่เคยลืมเรื่องที่ ประเทศนี้ไล่ฆ่าองค์หญิงของเรา”
หวางกงกงรู้สึกเหงื่อไหลท่วมตัวขึ้นมาทันที องค์ชายรัชทายาทแคว้นเอ่อตันนี้ ได้เข้ามาในเมืองเทียนเหยียนแล้ว นึกอยากจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนใจ เขาไม่กลัวที่จะถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่หรือ?
กุ่ยเม่ยพูดเสร็จ สายตากลับมองไปยังจวนอ๋องจงผิงที่อยู่ไกลออกไป
แล้วก็เห็นควันไฟลุกพรึบในจวนอ๋องจงผิง ทีมดับไฟในเมืองหลวงออกปฏิบัติการ ยังไม่ทันรอให้หวางกงกงรู้สึกตัว กุ่ยเม่ยปรากฏอยู่ตรงหน้า กำลังก้มลงมองเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดว่า “องค์ชายรัชทายาทของข้าถูกลอบทำร้ายในเมืองเทียนเหยียน…”
“เรื่องนี้ยังไม่จบ…”
เมื่อพูดจบ ร่างกายคนที่อยู่ตรงหน้าขยับสั่นไหว แล้วก็หายลับไปต่อหน้าต่อตา
หวางกงกงเอามือทาบอกอย่างแทบเป็นลม แม้แต่คนขับรถม้าก็แทบจะกุมบังเหียนไว้ไม่ได้ ส่วนเฉิงซานที่อยู่ในรถม้า พูดขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกชานเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องของข้า”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใต้เท้าเฉิงซาน….”
“เฉิงซาน”น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อดังขึ้น เฉิงซานเก็บดาบ คุกเข่าบนรถม้า มองดูหวางกงกงพร้อมพูดว่า “เข้าวังไปก่อน”
หวางกงกงไม่กล้าคิดถึงมีดสั้นที่จ่ออยู่ตรงคอของตนเองเมื่อกี้ รีบสั่งให้คนพาเดินทางเข้าวัง
ควันไฟโขมง เกิดเหตุไฟไหม้อีกครั้ง ผู้คนทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียนต่างระมัดระวัง กลัวมีส่วนร่วมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุไฟไหม้
เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ ไม่กลัวที่จะเกิดขึ้นอีก
กุ่ยเม่ยใช้วิชาตัวเบาเปลี่ยนป้ายหยกห้อยเอวของตำหนักอ๋องจิ้ง แล้วก็ไปจากเมืองเทียนเหยียนอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ควบม้าไปตลอดทาง ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของซ่านจินจื๋อ
ในเมื่อพวกยู่จุนต้องการที่จะกู้ประเทศคืน ดังนั้นจึงไม่มีทางแตะต้องชางหลานแน่นอน แต่จะข้ามหน้าข้ามตา เริ่มต้นด้วยสายเลือดเพื่อเปลี่ยนสายเลือดฮ่องเต้แล้วแทรกซึมเข้าไปทีละเล็กน้อย
แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฮ่องเต้ต้วนโฉงกลับตั้งใจยั่วยุแคว้นเอ่อตัน ไม่กลัวว่าไฟสงครามจะลุกลามไปถึงชางหลาน แล้วจะยกแผ่นดินที่สมบูรณ์ให้กับยู่จุนได้อย่างไร เขาต้องการเพียงสาวงามมาครอบครองเท่านั้น
เมื่อเขาเดินผ่านทุ่งดอกไม้และมาถึงใต้หน้าผาอย่างรวดเร็ว ก็หายใจหอบแล้ว แต่ก็ยังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังอย่างละเอียด
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเถาวัลย์ใต้หน้าผานี้ วางแขนไว้ข้างตัวแล้วค่อยๆพยุงร่างกายส่วนบนขึ้น และสองขาห้อยอยู่ในอากาศ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ? บางทีฮ่องเต้อาจจะรอให้ไฟสงครามในแคว้นเอ่อตันลุกลามมาถึงเมืองเทียนเหยียน”
“ทำไม?”กุ่ยเม่ยไม่เข้าใจ
“ในเมื่อบรรพบุรุษตระกูลหยุนกับตระกูลยู่ของเรา เพื่อความแค้นแล้ว สามารถฆ่าคนเป็นล้านในทั้งห้าเมืองตาย” พูดถึงตรงนี้ นางผ่อนน้ำเสียงลง ในสายตาเหมือนมองเห็นความคร่ำครวญของเมืองทั้งห้า แม้แต่น้ำเสียงก็พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “งั้นตอนนี้ยู่จุนตื่นขึ้นมาคนเดียว แล้วจะเอาอะไรไปข่มขู่ฮ่องเต้? หรือว่าจะเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งหรือ?”
“เจ้าหมายความว่า ยู่จุนเตรียมยาพิษไว้แต่แรกแล้วหรือ?”กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว งั้นแสดงว่าคนในเมืองหลวงต่างก็ตกอยู่ในอันตราย
“นางไม่มีความสามารถขนาดนี้อย่างแน่นอน แต่ตระกูลหยุนมีชื่อเสียงในชางหลาน แต่ตระกูลยู่ไม่เป็นเช่นนั้น นางหาวิธีกำจัดรอยสักได้แต่แรกแล้ว ก็จะต้องส่งคนเข้าไปเป็นขุนนางในเมืองหลวงอย่างแน่นอน บางทีการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้องค์ก่อน ก็อาจจะเป็นนางที่วางยาพิษ ไม่อย่างนั้นไทฮาวกับต้วนโฉงไม่ได้รู้เรื่องยาพิษเลย แล้วจะสามารถวางยาพิษฮ่องเต้องค์ก่อนโดยที่ไม่มีใครรู้ได้อย่างไร?”
กู้อ้าวเวยพูดเอง แล้วก็พูดจนตนเองเข้าใจ
ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย อยากเป็นเช่นนี้ ต้วนโฉงรักยู่จุนอย่างแท้จริง และก็เคยคิดที่จะยกแผ่นดินให้กับคนอื่น แต่ตอนนั้นได้ยั่วยุแคว้นเอ่อตัน ฮ่องเต้ถูกคนบังคับ หรือว่าในใจของเขามีแผนอื่น?
กู้อ้าวเวยคิดไม่ออก แต่เรื่องนี้กลับทำให้รู้ว่ายู่จุนน่าจะยังมีความลับอย่างอื่นของเขา
หากไม่ใช่เพราะยืมมือขุนนาง แล้วนางจะเอายาพิษพวกนี้ซ่อนไว้ที่ไหน?
กุ่ยเม่ยฟังไม่เข้าใจแล้ว รู้เพียงว่าโดยรวมแล้วค่อนข้างซับซ้อน จึงถามขึ้นว่า “งั้นต่อจากนี้ท่านอ๋องจะทำอย่างไร?”
“ซ่านเซิ่งหานเคยทำอะไร เขาก็จะทำแบบนั้น”
กู้อ้าวเวยกระโดดลงมาจากเถาวัลย์ อุ้มหยินซี่งที่กำลังกระโดดมาหาและลูบไปมา ค่อยยิ้มพูดกับกุ่ยเม่ยว่า “ราชวงศ์ต้วนซื่อ มั่นคงอยู่มาได้หลายร้อยปี ใช่ว่าไม่มีเหตุผล”
“เพราะอะไรหรือ?”หยินซี่งเงยหน้าขึ้นมาถาม
“แผ่นดินนี้ยกให้กับคนอื่นได้ แต่จะให้ประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ หากไม่สูญเสียความมั่นใจของประชาชน แผ่นดินก็จะมั่นคง”
กู้อ้าวเวยจึงมือของนาง โบกมือให้กับกุ่ยเม่ย พร้อมพูดว่า “ไปเถอะ ไปทานข้าวกัน”
หยินซี่งร้องเรียกหาเซียวเซียว กุ่ยเม่ยเดินตามอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมพูดว่า “ไม่เป็นห่วงหรือ?”
“ในเมื่อแผ่นดินมั่นคง จะมีอะไรต้องเป็นห่วง? เป็นห่วงว่าจินจื๋อจะไปแย่งตำแหน่งฮ่องเต้กับองค์ชายสามหรือ?”กู้อ้าวเวยหัวเราะ จับแขนกุ่ยเม่ยแล้วพูดขึ้นว่า “คุณไม่เหมาะที่จะคิดเรื่องพวกนี้”
กุ่ยเม่ยแสดงสีหน้าบูดบึ้ง