บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1106
บทที่ 1106 เสือแม้จะร้ายแต่ไม่กินลูกตัวเอง
“ฮ่องเต้ไม่ได้พบเจ้า คำพูดร่ำลือก็เป็นจริง บังเอิญเกินไป”
ฉีหรัวฟังซ่านเชียนหยวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนี้ทั้งหมดให้ฟังแล้ว ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
ซ่านเชียนหยวนเข้าวังน้อยครั้งมาก ส่วนบ้านของนางกลับติดต่อกับพวกนางสนมอยู่บ่อยครั้ง อันดับแรกพวกนางกำนัลในวังมักจะไม่พูดมาก ส่วนที่หวางกงกงตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้ เป็นเพียงเพราะฮ่องเต้ให้เขาแสดงละครเท่านั้น ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป
ซ่านเชียนหยวนก็ขมวดคิ้ว ตอนที่ทานข้าวก็รู้สึกไม่เจริญอาหาร จึงวางถ้วยตะเกียบลง
“เดิมข้าก็คิดเช่นนี้ แต่เสด็จอาหาข้ออ้างไม่เข้าวังไปพบเสด็จพ่อตามคำสั่งอยู่หลายครั้ง จนต้องให้ข้าไปบอกแทนก็เป็นเรื่องที่สมควร ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่วันนั้นวันที่ข้าลงไปหากู้อ้าวเวยที่ใต้หน้าผา เสด็จอาสั่งคนเอาตัวอี้จื๋อไปเป็นเรื่องจริง”
เมื่อตอนที่เขากลับมา ค่อยเพิ่งรู้ว่าซ่านจินจื๋อสั่งคนมารับอี้จื๋อไปแต่แรกแล้ว
ตอนนั้นฉีหรัวยังคิดว่าจะพาอี้จื๋อไปพบกู้อ้าวเวย จึงไม่ได้ขัดขวางเฉิงซาน ตอนนี้เมื่อหวนกลับไปคิด ตอนนี้อี้จื๋ออยู่ในจวนอ๋องจิ้งหรือว่าอยู่ในวัง ก็ไม่รู้
“เช่นนี้แล้ว ดีกว่าที่จะเป็นอันตราย”
ซ่านเชียนหยวนโบกมือ แล้วก็พูดสั่งองครักษ์ด้านข้าง
ฉีหรัวฟังแล้วขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “เรื่องทรยศเนรคุณเช่นนี้ หากเขารู้เรื่อง จะให้อภัยเจ้าหรือ?”
“หากเขายังนึกถึงเห็นแก่กู้อ้าวเวย ต่อให้รู้เรื่องนี้ ก็ไม่กล้าทำอะไรข้า ยังไงหากข้าสูญเสียอำนาจ ก็จะไม่มีใครดูแลพวกลูกๆของเขา และจะเป็นการทำให้เด็กพวกนี้ตกอยู่ในมือของยู่จุน จะไม่ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”
ช่างเป็นการถูกรักใคร่ตามใจจนหยิ่งผยองจริงๆ
ฉีหรัวกลับรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เหมาะสม กลับก็เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถได้รู้ความจริง
เมื่อค่ำมืดแล้ว ตรงหน้าเต็มไปด้วยหิมะขาวเทา ลมพัดพาหิมะปลิวโปรย ทำให้มองเห็นไม่ชัด
ด้านนอกจวนอ๋องจิ้ง เงาดำบางส่วนปีนขึ้นไปบนกำแพงเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ เดินไปในความมืด แล้วก็พบว่าลานชิงโยวมีการจัดเวรยามไว้อย่างเข้มงวด ส่วนตรงเรือนเล็กด้านข้างกลับมีการเฝ้าเวรยามอย่างเบาบาง และไฟก็ยังเปิดอยู่
ซ่านเชียนหยวนที่สวมชุดดำสั่งคนตรวจคนอย่างระมัดระวัง สักพักก็มีคนมารายงานว่า “ในนั้นมีเครื่องปรุงยากับยาสมุนไพรมากมาย กลิ่นฉุนมาก บางทีอาจจะเป็นที่นี่”
เมื่อเริ่มส่งสัญญาณมือ ด้านหลังซ่านเชียนหยวนจำนวนสี่ห้าคนกระโดดปีนขึ้นไปบนหลังคา
พวกองครักษ์ด้านนอกลานชิงโยวต่างก็ไม่ขยับ ส่วนองครักษ์ในเรือนด้านข้างกลับวิ่งไปแล้วกว่าครึ่ง
ซ่านเชียนหยวนฉวยโอกาสรีบพาคนเข้าไป งัดหน้าต่างประตู แล้วก็สบกับสายตาจางเหยียงซานที่กำลังทำงานหนักอยู่บนโต๊ะ ยังไม่ทันได้พูดอะไร แค่เอาป้ายขึ้นมายืนยันตัวตน ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนร้องขึ้นว่า “คนร้ายอยู่ที่นี่”
“สมควรตายจริงๆ”ซ่านเชียนหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงเบา คิดไปคิดมาแล้วก็ตัดสินใจกลับไปด้วยมือเปล่า
จางเหยียงซานกลับขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…”
“พาตัวไป”ซ่านเชียนหยวนทันเพียงสั่งคนด้านข้าง ยกมือถือมีดดักองครักษ์ตรงหน้าไว้ คนที่อยู่ด้านหลังแบกตัวจางเหยียงซาน ไว้บนบ่าแล้วก็วิ่งออกไป
“รีบจับพวกมันไว้” มีคนตะโกนร้องขึ้น
พวกองครักษ์ต่างก็วิ่งเข้ามาภายในเรือน ซ่านเชียนหยวนพาคนมาไม่เยอะ จึงถูกจับอย่างง่ายดาย
แสงสีเงินสว่างวาบบนใบหน้า ในใจซ่านเชียนหยวนร้องว่าไม่ดีแน่ มองเห็นดาบกำลังจะตกอยู่บนไหล่แล้ว กลับได้ยินเสียงดาบกระทบกัน ดาบระยะประชิดสองเล่มกระเด็นออกไป ซ่านเชียนหยวนเพียงทันเห็นคนที่หลบอยู่ตรงมุม แล้วก็รีบพาคนจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อซ่านจินจื๋อมาถึง จางเหยียงซานก็ถูกซ่านเชียนหยวนพาตัวไปแล้ว
ภายในเรือนกระจัดกระจาย เมื่อเฉิงยีสอบถามแล้ว ก็มากระซิบรายงานว่า “ดูฝีมือการต่อสู้แล้ว เป็นคนของอ๋องจงผิง”
สายตาซ่านจินจื๋อเยือกเย็น กลับมองเห็นก้อนหินบนพื้นสองก้อน นอนคว่ำอยู่ข้างเท้าของเขา
เฉิงเอ้อเข้ามากระซิบพูดขึ้นว่า “เฉิงซานไม่อยู่ในห้อง”
“ฮูหยินตื่นแล้ว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น?” สาวใช้ลานชิงโยววิ่งมาอย่างรีบเร่ง แล้วก็ทำให้ความคิดของซ่านจินจื๋อขาดสะบั้น
เรือนนี้กับลานชิงโยว กั้นระหว่างกันเพียงแค่หนึ่งกำแพง
เหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ นางจะต้องตื่นขึ้นมากลางดึกแน่ เรื่องนี้ยังไม่พูดตอนนี้ ตอนนี้จางเหยียงซานตกอยู่ในมือของซ่านเชียนหยวนเขากลับทำอะไรซ่านเชียนหยวนไม่ได้ ยังไงก็ต้องคำนึงถึงพวกชิงจือจะต้องมีที่คุ้มกัน หากให้ซ่านเชียนหยวนบุกเข้ามาถึงในลานชิงโยวแล้วเล่าความจริง คนที่เสียเปรียบก็คือเขา
เมื่อคิดไปคิดมา ซ่านจินจื๋อก็ตัดสินใจไปที่ลานชิงโยวก่อน พร้อมพูดสั่งว่า “เรื่องนี้ห้ามพูดเพ่งพายออกไป”
ในใจทุกคนเข้าใจ ส่วนซ่านจินจื๋อก็รีบไปยังภายในเรือน ก็เห็นกู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเตียงกำลังคิดจะลงจากเตียง พวกสาวใช้คนใช้ต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น ขอร้องไม่ให้นางออกไปรับลมหนาวด้านนอก กู้อ้าวเวยถูกการกระทำของพวกนางทำให้หงุดหงิดไม่รู้จะทำอย่างไร จึงชะงักงันไว้
เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อ นางค่อยพูดขึ้นว่า “พวกนางก็ช่างระมัดระวังเกินไป”
“เจ้าประมาทต่างหาก” ซ่านจินจื๋อเดินตรงมาหา กวาดสายตามองพวกที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา ยกมือโอบกอดนางแนบอกให้อบอุ่นแล้วค่อยส่งนางกลับไปนอนใต้ผ้าห่ม พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกขุนนางมาหาเท่านั้นเอง ต้องการหาหลักฐานว่าข้าทุจริตเงินช่วยเหลือภัยพิบัติภัยหนาว ถูกจับได้ยังไม่พอ ยังจับตัวจางเหยียงซาไปด้วย จึงทำให้เกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงไปบ้าง”
“งั้นเจ้าทุจริตจริงหรือ?”
“ไม่เคยทุจริต เพียงแต่ขุนนางฝั่งซ่านเซิ่งหานอดไม่ไหวอยากที่จะหาโอกาสกำจัดข้าเท่านั้น”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะ แล้วก็พูดกล่อมนางเคลิ้มหลับ ค่อยถอดเสื้อตัวนอกแล้วก็ลงไปนอนด้วย กอดนางไว้แนบอก พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พรุ่งนี้ข้าจะพาอี้จื๋อมาหา ดีไหม?”
“อืม” กู้อ้าวเวยตอบรับ พร้อมทั้งขยับตัวเข้าไปกอดซ่านจินจื๋อ พร้อมพูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าส่งอี้จื๋อไปให้พวกยู่จุนแล้วจริงๆเสียอีก”
“สิ่งที่เจ้าไม่ชอบ ข้าก็จะไม่ทำ”
ซ่านจินจื๋อจูบเส้นผมของนาง ยังไม่ลืมพูดอธิบายคือว่า “ตอนนั้นข้าก็ถูกความใจร้อนครอบงำ คิดว่าหากยู่จุนสามารถช่วยเจ้าได้จริง ข้าต้องร่วมมือกับพวกนางก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าพูดว่าเจ้าอยากที่จะปกป้องพวกเด็กๆมากกว่า ข้าจึงคิดหาวิธีที่เหมาะสมและดีที่สุด ไม่ให้เจ้าถูกขังอยู่ภายใต้หน้าผา และไม่ให้เจ้าไปจากข้า”
“สันติภาพในโลก” กู้อ้าวเวยหัวเราะพร้อมพูดว่า “เห็นแก่ตัวเช่นนี้ตลอด”
“แต่ยังมีประโยชน์ต่อ” ซ่านจินจื๋อกำมือแน่น พร้อมกระซิบพูดว่า “ยอมแหกกฎฟ้า มิอาจทรยศนาง”
คนที่อยู่ในอ้อมอกไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ เหมือนจะหลับไปแต่แรกแล้ว
ซ่านจินจื๋อลืมตาอยู่ภายใต้ความมืด สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมบางเบาของคนในอ้อมแขน อย่างบ้าคลั่ง
หากต่อไปไม่มีนางอยู่ข้างกาย เขาคงจะกลายเป็นศพที่เดินได้
การโกหกในตอนนี้ ก็เพราะหวังดีต่อนาง
ซ่านจินจื๋อนอนไม่หลับทั้งคืน กลัวจะเกิดอะไรผิดพลาด
ค่ำคืนนี้จวนอ๋องจิ้งยังคงสงบเงียบ เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ส่วนซ่านเชียนหยวนทำได้เพียงทันพาตัวจางเหยียงซานมาด้วย ไม่รู้ว่าคนที่สามารถช่วยเขาในจวนอ๋องจิ้งนั้นเป็นใคร กลับได้รู้เรื่องของซูพ่านเอ๋อจากปากจางเหยียงซาน เมื่อพูดถึงอี้จื๋อ จางเหยียงซานก็พูดขึ้นด้วยสีหน้างุ่นงงว่า “อี้จื๋อจะไปอยู่ในวังได้ยังไง? อยู่กับเจ้าที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
ซ่านเชียนหยวนก็ตกตะลึง แล้วก็เล่าเรื่องตอนที่เขาจากไป เฉิงซานได้พาตัวอี้จื๋อไป
“ไม่ถูก” จางเหยียงซานขมวดคิ้ว พูดขึ้นอย่างพึมพำว่า “แต่หลายวันก่อน เฉิงซานยังบอกกับข้าว่า เขาได้สั่งคนส่งอี้จื๋อมายังจวนอ๋องจงผิงแล้ว หรือว่า… ส่งเข้าวังไปแล้ว?”
“เฉิงซานเป็นคนของเสด็จอา เขาจะโกหกเจ้า ก็เท่ากับเสด็จต้องการโกหกเจ้า”
ซ่านเชียนหยวนกำหมัดแน่น แล้วก็มีข้อสรุปในใจ แล้ว
เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง
แม้ว่าภรรยาจะตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก เสด็จก็ไม่ควรที่จะส่งลูกแท้ๆของตนเข้าปากเสือ