บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1107
บทที่ 1107 พ่อแม่ไม่ที่เอาไหน
หากนางอ้วนกว่านี้ได้อีกนิดก็ยิ่งดี
วันนี้ซ่านจินจื๋อก็จับข้อมือผอมเรียวบางของกู้อ้าวเวยแล้วก็เหม่อลอย ตรงเอวบางนี้จับดูแล้วก็พอดีมือ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกขี้ขลาด รูปร่างกระดูกไหปลาร้าเผยให้เห็นชัดเจน คำว่าเมฆยังคงมีอย่างเช่นเคย ทำให้เขายิ่งดูไม่พอใจขึ้นมา
ผอมจนกลายเป็นสภาพแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเดินทางได้อย่างไร
เมื่อกู้อ้าวเวยค่อยๆฟื้นตื่นขึ้นมา ก็สบกับสายตาซ่านจินจื๋อที่กำลังเพ่งมองอยู่ เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยไปกว่าครึ่ง ถูกลมเย็นพัดจนเย็นเย็นยะเยือก จึงใช้มือข้างหนึ่งรวบเสื้อขึ้นมา ค่อยมองเห็นซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
“ดูอะไร?”น้ำเสียงกู้อ้าวเวยแหบแห้ง
“มองเจ้า”ซ่านจินจื๋อช่วยปัดผมบนใบหน้าในนาง ซบกอดแนบอกกู้อ้าวเวยไว้ไม่ยอมปล่อย มือที่โอบเอวกอดรัดแน่นยิ่งขึ้น หัวซบแนบอกของนางไว้
กู้อ้าวเวยหน้าแดง แต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออก เพียงแค่ขยับไปข้างหลัง กลัวว่าเขาจะตกลงไปจากเตียง ซ่านจินจื๋อจึงฉวยโอกาสกระทำตามใจ แล้วก็พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “เจ้าผอมขนาดนี้ เดี๋ยวจะอุ้มอี้จื๋อไหวหรือ?”
“เจ้าอุ้มก็พอแล้ว”
ตอนนี้กู้อ้าวเวยยังคงไม่มีแรง กลัวว่าตนร้อนใจที่จะอุ้มลูก แล้วทำให้ลูกเป็นอะไรขึ้นมาจะยิ่งไม่ดี
แต่เมื่อได้ยินชื่ออี้จื๋อแล้ว แววตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ซ่านจินจื๋อ พูดขึ้นอย่างไม่พอใจอีกว่า “เมื่อไหร่ที่เจ้าเห็นข้าแล้วมีความสุขดีใจขนาดนี้ ก็คงดี?”
“เมื่อไหร่ที่เจ้าไม่ขี้น้อยใจแบบนี้ ข้าก็ดีใจแล้ว” น้ำเสียงแปลกประหลาดของเขานี้ทำให้กู้อ้าวเวย ขนลุกไปทั่วกาย ซ่านจินจื๋อกลับอมยิ้ม ลุกขึ้นมาอบกอดนางไว้พร้อมพูดว่า “ได้ยินมาว่าอ๋องจงผิงใช้วิธีนี้พาฉีหรัวกลับจวน ทำไมถึงใช้กับเจ้าไม่ได้ผล”
“อย่างน้อยซ่านเชียนหยวนก็มีรูปร่างหน้าตาดี ใบหน้าของเจ้าตอนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเยือกเย็นสุขุม เหมือนเสือดุร้ายกำลังน้อยใจ เจ้าว่าใครจะชอบ?”กู้อ้าวเวยก็หัวเราะขึ้นมา
“เจ้าพูดอะไรก็ถูกหมด”ซ่านจินจื๋อบีบแก้มของนาง แล้วก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า
กู้อ้าวเวยก็อยากลุกขึ้นมา ซ่านจินจื๋อกลับกดนางนอนลง พร้อมพูดว่า “ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง รอเมื่อฟ้าสว่างอากาศอบอุ่นแล้วข้าค่อยอุ้มเขามา หากถูกลมหนาวแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“อืม”กู้อ้าวเวยตอบรับอย่างว่าง่าย แล้วก็นอนกลับไปเหมือนเดิม
เมื่อตอนที่ซ่านจินจื๋อพาคนในพระราชสำนักไปพานางกลับมาจากใต้หน้าผา ยังให้นางใช้ยาของยู่จุน แสดงท่าทีไม่สนใจอี้จื๋อ ตอนนี้กลับเป็นห่วงอี้จื๋อเช่นนี้ เป็นเพราะในตอนนั้นด้วยความร้อนใจแล้วเลือกกระทำผิดไป หรือมีความหมายแฝงอย่างอื่น?
ช่วงเช้ามีองครักษ์มาหลายคน เรียกร้องให้เขาไปจัดการงานราชการ
เมื่อถึงตอนเที่ยง เฉิงยีสั่งคนเตรียมอาหารมื้อเที่ยงมาอย่างหลากหลาย พร้อมทั้งอุ้มอี้จื๋อที่กำลังฝึกพูดมาด้วย อี้จื๋อยังเด็กอายุยังไม่ถึงสองขวบ แต่ก็สามารถเดินได้แล้ว หลายก้าว ฟังรู้เรื่องหลายประโยค แต่ด้านการพูดยังสู้เด็กคนอื่นไม่ได้ ยังฝึกพูดไม่เป็น
แก้มเด็กน้อยอ้วนพลี ดวงตากลมโต ปากน้อยๆพูดอู้อี้อยู่สักพัก น่ารักน่าชังอย่างมาก
ทำได้เพียงให้อี้จื๋อคลานเล่นไปมาอยู่บนเตียง มือข้างหนึ่งของกู้อ้าวเวยคอยยื่นปกป้องไว้ ทันใดนั้นก็ถูกกอดโดยขาสั้นๆของเจ้าเด็กน้อย พูดอู้อี้ยิ้มให้กับนาง
“เจ้าเด็กน้อย….”ยิ้มพร้อมขยับแขน อี้จื๋อก็หัวเราะตามขึ้นมา
ทั้งๆที่มีความผูกพันกันทางสายเลือด กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อตอนที่นางกำลังตั้งครรภ์อี้จื๋อ ร่างกายไม่แข็งแรงไม่พอยังจะเดินทางไปมา ตอนนั้นอี้จื๋อคลอดออกมาได้อย่างแข็งแรง ผ่านไปหลายเดือนค่อยรู้ว่าร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอ ระหว่างนั้นยังเคยป่วยหนักจนร่างกายยิ่งอ่อนแอ
แต่นางที่เป็นแม่แท้ๆกลับไม่เคยทำอะไรเลย
อุ้มอี้จื๋อขึ้นมาแล้วหอมแก้ม ใบหน้ากลับเปื้อนไปด้วยน้ำลายของเขา มามา ที่อยู่ด้านข้างรีบเดินเข้ามาจะอุ้มคุณชายน้อยไป พร้อมพูดว่า “ฮูหยินท่านร่างกายอ่อนแอ เล่นกับคุณชายน้อยนานไม่ได้”
“ข้ายังไหว”
กู้อ้าวเวยอุ้มอี้จื๋อแนบอกไว้อย่างไม่พอใจ มามายืนมองอยู่ด้านข้างอย่างลำบากใจ
เด็กน้อยพูดไม่เป็นค่อนข้างไร้เดียงสาก็ไม่เป็นไร อี้จื๋อก็เกาะอยู่บนตัวของนางอย่างไม่ยอมลงมา เมื่อไหร่ที่มามาจะมาดึงตัวเขาไปก็จะร้องห่มร้องไห้ กู้อ้าวเวยเหนื่อยแล้วแต่ก็ยังอดทนไว้ได้
ส่วนตรงหน้าต่างอีกด้าน ซ่านจินจื๋อกลับเพียงมองดูอยู่เงียบ
พวกเขาที่เป็นพ่อแม่คู่นี้ คงจะเป็นพ่อแม่ที่แย่ที่สุดในโลกแล้ว
กู้อ้าวเวยหยอกล้อหัวเราะเล่นอยู่กับอี้จื๋อบนเตียง แต่ก็ยังหันไปมองด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง คนคนนั้นคงกำลังยุ่งอยู่กับงานราชการ จากนั้นก็ละสายตากลับมา
ไปไปมามา ระหว่างทั้งสองคนมีเพียงกำแพง หน้าต่างบานหนึ่งกั้นไว้
นานจนกู้อ้าวเวยนอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่ทานอยู่ปกติ ซ่านจินจื๋อก็ยืนอยู่ด้านนอกประตูมองดูโคมไฟที่แขวนอยู่บนที่สูง นานจนมือทั้งคู่ถูกลมเย็นพัดจนได้ยินเสียงแตกร้าว ค่อยเดินเข้าไปในห้อง พิงไฟจนร่างกายอบอุ่น ค่อยคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วก็โอบกอดคนบนเตียงมาแนบกาย
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้น มองเห็นสายตาระยิบระยับตรงหน้า จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “วันนี้ยุ่งมากหรือ?”
“ใช่ อี้จื๋อนอนหลับแล้ว”ซ่านจินจื๋อเอาหัวซบคอของนางไว้อย่างเหนื่อยล้า
ทั้งสองคนโอบกอดกันนอนหลับ ด้านนอกประตูเฉิงยีเฉิงเอ้อยืนเฝ้าอยู่คนล่ะข้าง
เฉิงซานได้ยินเสียงคุยกันด้านใน ด้วยคิ้วขมวด เรียกเฉิงยีมาอีกด้านตามลำพัง พร้อมพูดว่า “คุณชายน้อยอี้จื๋อมาอยู่ในจวนได้ยังไง ถูกส่งไปที่จวนอ๋องจงผิงแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เรื่องนี้เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง ใต้เท้าเฉิงซานรอถามเองไหม”
เฉิงยียกมือคำนับ แล้วก็กลับไปเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ในความเป็นจริงแค่มองตากัน ก็รู้แล้วว่าให้เขาไม่ต้องพูดมาก
ทันใดนั้น เฉิงยีกับเฉิงเอ้อกลับแทนที่ตำแหน่งของเขาไปแล้ว
แววตาเฉิงซานมืดมน แล้วก็ไปจากลานชิงโยวอย่างเงียบๆ
……
กลางดึก จวนอ๋องจงผิง
รอคอยการบุกโจมตีมาทั้งคืนก็ไม่เห็นจวนอ๋องจิ้งมาตำหนิ ซ่านเชียนหยวนที่อกสั่นขวัญผวาค่อยวางใจ อาศัยความมืดดึกดื่นมายังเรือนฉีหรัว หลบเลี่ยงพวกเด็กๆที่เล่นกันอยู่ตอนกลางวัน แล้วก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังทุกอย่าง
ฟังแล้ว ฉีหรัวก็ถามขึ้นว่า “จะมีใครช่วยเขาอย่างไม่หวังผลตอบแทนหรือ?”
“ข้าก็คิดเช่นนี้ ปกติจางเหยียงซานเป็นคนทำอะไรตรงไปตรงมา อย่าว่าแต่หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แม้แต่คนที่คอยช่วยเหลือข้างกายยังเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก จะมีใครออกตัวมาช่วยเหลือเขา…โธ่เอ๋ย”
แล้วก็ถูกฉีหรัวเขกหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คิดอะไรไปเรื่อย” ฉีหรัวมองไปด้านข้างเขา พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคนคนนั้นคือใคร พูดถึงการกระทำเช่นนี้ของอ๋องจิ้งก่อน ส่งอี้จื๋อไปให้ยู่จุน เรื่องนี้เจ้าจะเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้”
“ทำไมหรือ?”ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว
“หากเจ้าลงมือกระทำอะไรอีก อ๋องจิ้งไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” สายตาฉีหรัวเรียบเฉย พร้อมหัวเราะพูดขึ้นอีกว่า “ให้เขาลงมือกระทำเอง หากเจ้าเข้าไปยุ่งจะเป็นการทำลายแผนของเขา ไม่แน่เขาอาจจะไม่นับใครเป็นญาติแล้ว แต่… หากเจ้าต้องการที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่เป็นไร”
ซ่านเชียนหยวนพูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “ต่อให้ค่าก่อเรื่องยังไง ก็ไม่มีประโยชน์”
ฉีหรัวหัวเราะอย่างไม่รู้จะพูดยังไง
“ดังนั้น ทำไมพวกเจ้าถึงคิดว่าคนที่ลงมือเมื่อคืน เป็นการช่วยจางเหยียงซานล่ะ”