บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1130
บทที่ 1130 มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน
ซ่านเชียนหยวน ออกไปจากห้องพระอักษรอย่างไม่พูดไม่จา
หวางกงกงกลับมาหาอย่างเร่งรีบ สั่งคนรั้งตัวเขาไว้ด้านนอกประตู แล้วก็ปาดเหงื่อที่หน้าผาก ค่อยพูดขึ้นอย่างตื่นตกใจว่า “เสด็จอ๋องจงผิง ฮ่องเต้มีรับสั่ง คนที่ได้ดูคำสั่งลับ จะออกไปจากพระราชวังไม่ได้ องค์ชายข้างกายฮองเฮายังอายุน้อย เสด็จอ๋องจงผิงไปดูหน่อยไหม”
เวลานี้เขาเพิ่งคิดเรื่องที่ฮองเฮาถูกลอบทำร้ายก่อนหน้านี้ขึ้นมามาได้ จึงรับปากทันที
ในเมื่อเสด็จพ่อรู้แล้ว ก็ต้องมีวิธีรับมือแล้ว งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว และคำตอบนี้ก็อยู่นอกเหนือจากที่เขาคิด เมื่อคิดดูแล้ว บางทีตอนนั้นที่เสด็จพี่สามอภิเษกกับฉางอีฉิน ก็รู้ว่าเสด็จพ่อตั้งใจใช้เขากระทำเช่นนี้
ฮ่องเต้องค์ต่อไปเป็นใคร มีผลสรุปตั้งแต่วันที่เสด็จพี่สามอภิเษกแล้ว
ส่วนเวลานี้ ซ่านเชียนหยวนเป็นห่วงเสด็จอากับกู้อ้าวเวยเท่านั้น
ยังไงในเรื่องนี้ คนที่ถูกจัดให้เป็นหมากก็คือพวกเขาทั้งสองคน หลังจากเรื่องจบแล้วก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร สามารถถอนตัวออกมาจากเรื่องนี้ได้ ถือว่าเป็นอันตรายมากกว่าผลดี
หลักการเป็นฮ่องเต้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ
ส่วนจวนอ๋องจงผิงภายนอกวัง ฉีหรัวได้รับข่าวว่า ซ่านเชียนหยวนจะอาศัยอยู่ในวังสักพัก ก็หงุดหงิดไม่สบายใจ ดีที่มีจดหมายที่ซ่านเชียนหยวนเขียนขึ้นมาเอง และให้มามาข้างกายฮองเฮามาส่งด้วยตนเอง ในใจค่อยสงบลงหน่อย
จางเหยียงซานใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการช่วยถอนพิษให้กับฉางอีฉิน แต่เพราะเป็นมานานจึงยากที่จะรักษาให้ขาดได้ ฉีหรัวก็ไม่นิ่งดูดาย หลังจากสืบรู้เรื่องตระกูลฉางอย่างละเอียดแล้ว ก็เช่ารถม้าไปหากู้อ้าวเวยด้วยตัวเอง
ตอนนี้ซ่านต้วนเฟิงสลบไม่ฟื้น และพิษในร่างกายก็ถูกขับออกมากว่าครึ่งแล้ว ยู่จุนเฝ้าดูซ่านต้วนเฟิงไว้อย่างไม่ห่าง หลังจากกู้อ้าวเวยฟื้นขึ้นมาก็ปล่อยให้ซ่านจินจื๋ออยู่เป็นเพื่อน ด้านนอกประตูมีคนตำบลเหยสุ่ยเฝ้าดูอยู่เป็นจำนวนมาก
เมี่ยวหารมาถึงเร็วกว่าฉีหรัว คุกเข่าอยู่ด้านข้างเตียงกู้อ้าวเวยภายใต้พายุหิมะหนาวจัด
กู้อ้าวเวยเอนพิงอยู่ในอ้อมกอดซ่านจินจื๋อ ได้ยินว่าเขาอยากรู้สูตรยาอายุวัฒนะ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พร้อมพูดว่า “เพื่อยาอายุวัฒนะเจ้าฆ่าได้แม้กระทั่งอาจารย์บรรพบุรุษ และยกคนที่ัรักให้กับคนอื่น ตอนนี้ยังกล้าพูดว่าอยากได้อายุวัฒนะเพื่อซูพ่านเอ๋อ ไม่น่าขำไปหรือ”
เวลานี้เมี่ยวหารไม่มียู่จุนคอยปกป้อง สิ่งสำคัญอย่างเดียวที่มีก็คือจุ้ยเวี่ยนก็ใช้แลกกับซูพ่านเอ๋อแล้ว
ตอนนี้คิดอยากที่จะยื่นเงื่อนไขถือเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ตอนนี้ เขากลับยอมที่จะคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากู้อ้าวเวย ขอเพียงเพื่อให้ได้สูตรยามา เห็นทีคงเพราะไม่มีทางเลือกแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดว่าเพื่อให้อ๋องจิ้งกักขังเจ้า ยู่จุนยอมทำลายสัญญาที่มีกับข้า ล้ำเส้นส่งพ่านเอ๋อออกมา” พูดถึงตรงนี้ เมี่ยวหารกำหมัดแน่น พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ขอเพียงเจ้ายอมให้พ่านเอ๋อได้ยาอายุวัฒนะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ชีวิตของข้านี้ยอมที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนลูกของเจ้าที่ยังไม่ได้เกิดออกมาคนนั้น…..”
“เพี๊ยะ…..”
ซ่านจินจื๋อตบลงไปหนึ่งที เมี่ยวหารล้มลงพื้น เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
กู้อ้าวเวยกำมุมผ้าไว้แน่นด้วยสีหน้าขาวซีด ผละออกมาจากซ่านจินจื๋อ ใช้แขนเดียวจับขอบเตียงไว้ มองดูเมี่ยวหารจากที่สูง พร้อมพูดว่า “ซูพ่านเอ๋อไม่ได้ต้องการยาอายุวัฒนะ นางต้องการเป็นแม่ของแผ่นดิน ต่อให้ข้าให้สูตรยาเจ้าไป แล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
“ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยตรวจชีพจรให้กับพ่านเอ๋อ น่าจะรู้อยู่แล้วว่านางกระทำเช่นนี้ ยังไงก็มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่ถึงปี” เมี่ยวหารคลานลุกขึ้นมาพร้อมเลือดเต็มปาก เอามือลูบใบหน้าร้อนผ่าวที่ถูกตบ และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าค้นหามานานหลายปี เพียงเพื่อให้นางได้มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข…..”
ครั้งนี้ ไม่รอให้ซ่านจินจื๋อลงมือ กู้อ้าวเวยล้วงเอาสูตรยาสองใบมาจากใต้หมอนโยนไปตรงหน้าเขา
“นำปากกาหมึกกระดาษและหินหมึกมา เขียนความในใจที่เจ้ามีเจ้าต่อซูพ่านเอ๋อออกมา แล้วใช้เลือดเนื้อของเจ้าเซ่นให้กับซูพ่านเอ๋อ ข้าก็จะให้ยู่จุนจัดการเรื่องนี้ให้กับพวกเจ้า”
สีหน้ากู้อ้าวเวยเยือกเย็น มองดูสีหน้าสับสนของเมี่ยวหาร และพูดขึ้นอีกว่า “จดหมายลาตายจากเจ้า เพียงพอที่จะทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่ออย่างทุกข์ทรมาน ข้ายอมรับข้อเสนอนี้”
“มีชีวิตอยู่ต่ออย่างทุกข์ทรมาน….”เมี่ยวหารกลืนคำพวกนี้ลงไปในปาก แล้วก็รู้สึกน่าขำ
ตั้งแต่เล็กจนโต ซูพ่านเอ๋อก็ไม่เคยมีสักวันที่จะไม่ดูถูกตนเอง
แล้วจะทุกข์ทรมานเพื่อตนเองได้อย่างไร
ในเมื่อซูพ่านเอ๋อไม่เคยสนใจมิตรไมตรีที่ตนมีให้ และนางก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพียงแค่จดหมายลาฉบับหนึ่ง จะมีค่าอะไร?
คิดได้เช่นนี้ เมี่ยวหาร ก็เขียนจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับอย่างไม่ลังเล แล้วก็นำสูตรแล้วจากไป
คนตำบลเหยสุ่ยด้านนอกประตู ได้ยินคำพูดที่คุยกันด้านไหนอย่างชัดเจน ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ข้างกายยู่จุนก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมรายงานขึ้นว่า “แม่นางยู่ให้บ่าวมาถามว่า จะให้ทำอะไรบนสูตรยาคุณชายเมี่ยวหารไหม?”
“ไม่ต้อง” สายตากู้อ้าวเวยเย็นชา สักพักก็เรียกสาวใช้ที่กำลังจะจากไปคนนั้นไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยู่จุนดูวิธีไว้อย่างชัดเจนแล้วหรือยัง?”
สาวใช้ฉลาดหลักแหลม กรอกลูกตาไปมา ในใจก็มีคำตอบแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “แม่นางยู่พูดว่า ทุกอย่างราบรื่น ตอนนี้ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปยังเมืองเทียนเหยียนแล้ว และได้สับเปลี่ยนคนมาด้วย”
“จดหมายอะไร?”กู้อ้าวเวยถามขึ้น
“จดหมายที่มอบให้กับฮ่องเต้” สาวใช้กระซิบพูดขึ้นสองรอบ แล้วก็จากไปอย่างโศกเศร้า
โบกมือบ่งบอกให้นางไปได้ กู้อ้าวเวยหันหน้ามาถามซ่านจินจื๋อว่า “เจ้ารู้ไหมว่าคือจดหมายอะไร?”
ซ่านจินจื๋อยื่นหน้ามาอย่างเอาใจ กลับถูกกู้อ้าวเวยขับไล่ ภายในห้องยกให้กับคนของยู่จุนเป็นคนดูแล และฝ่ามือของเขากลางออก บนนั้นมีลวดทองเส้นเล็กพาดอยู่
ในใจเข้าใจ ยิ้มจางๆในที่ไม่มีใคร ในที่สุดหัวใจที่แขวนอยู่ค่อยผ่อนลง
จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งไปยังในพระราชวังเมืองเทียนเหยียน ซ่านต้วนโฉงอ่านข้อความในจดหมายทุกคำ หลังจากขมวดคิ้วแล้ว ก็ยื่นให้กับหยูนซีที่อยู่ด้านข้าง แล้วก็เห็นปลายนิ้วมือของนางสั่นเทาอย่างที่คิดไว้ สุดท้ายก็พูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “เห็นที นางรักเจ้าแล้วจริงๆ”
“และแล้ว ในที่สุดเจ้าก็เทียบไม่ได้แม้เพียงนิ้วเดียวของนาง”
ซ่านต้วนโฉงจับขอบโต๊ะไว้แล้วค่อยๆลุกขึ้นมา สายตามองผ่านข้อมือที่บิดเบี้ยวของนาง มองดูใบหน้าที่ขาวซีดของนาง นอกจากมีความคล้ายยู่จุนแล้ว บนใบหน้าหยูนซีกลับดูน่าสงสาร โศกเศร้าอยู่ตลอด เวลานี้น้ำไหล พูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เจ้าเกลียดที่ข้าแทนที่นาง กลับเป็นข้าที่คอยแอบช่วยเจ้าอย่างมากมายมานานหลายปี หักหลังนางกับหยุนหว่าน จนหยุนหว่านต้องพลักพรากจากลูก ทำให้นางต้องนอนอยู่ในโลงน้ำแข็งอย่างไม่ฟื้น”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าบอกกับฮองเฮาในตอนนั้น ตั้งใจกีดขวาง ตอนนั้น ข้าก็ควรที่จะฆ่าล้างตระกูลหยุนตระกูลยู่ของพวกเจ้าให้สิ้นซาก ตระกูลฉางรู้ว่ายาพิษสามารถทำให้คนหลายพันคนเสียชีวิตถึงมากกว่า” ซ่านต้วนโฉจับปลายคางของนางไว้ จนน้ำตาที่ฝืนอยู่ในดวงตาของนางร่วงหล่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “ตอนนี้กลายเป็นหลายพันหมื่นชีวิต ดีที่มีเจ้าฟ้องฮองเฮาในตอนนั้น ตอนนี้จินจื๋อก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงตระกูลหยุนอีก”
“ฮ่องเต้ ช่างเป็นจักรพรรดิที่ฉลาดจริงๆ วันนั้นได้กำจัดตระกูลหยุนตระกูลยู่ไปแล้ว ก็จะไม่มีซู๋ฮองเฮาในตอนนี้ และก็ไม่มีกู้เฉิงหรือขุนนางที่ทะเยอทะยาน” หยูนซีอดทนต่อความเจ็บปวดตรงคาง พูดออกมาอย่างโมโหว่า “ฮ่องเต้อยู่บนที่สูงส่ง คงไม่รู้ว่ามีกี่คนกำลังเคลื่อนไหวที่จะก่อการร้าย คิดหรือว่าไม่มีคนอยากที่จะได้ตำแหน่งฮ่องเต้แล้วหรือ?”
คำพูดหยูนซี บาดลึกลงไปในใจทุกคำ
ซ่านต้วนโฉงเงียบไม่พูดอะไร ทำได้เพียงสะบัดนางลงพื้นอย่างแรง และพูดขึ้นว่า “เจ้ากับข้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ความเกลียดชังที่รุนแรงนี้ คือสิ่งที่คนบาปอย่างเจ้าสมควรได้รับ”
หยูนซีหัวเราะออกมาอย่างคร่ำครวญ แตะขอบมุมเสื้อผ้าของเขา
“ข้าควรขอบพระคุณฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
“ลากตัวผู้หญิงบ้าคนนี้ไป”