บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 128
บทที่ 128 มีดเล่มน้อย
ซ่านจินจื๋อไม่สนใจควันฝุ่นเบื้องหน้า ฝ่าเข้าไปท่ามกลางควันฝุ่นเพียงลำพัง ซ่านจวนฮ่าวเองก็ไม่ลังเล
กู้อ้าวเวยอดทนไว้ไม่ไหวจึงส่งเสียงไอขึ้นมาได้นำเม็ดยาป้อนเข้าปาก หลังมือเกิดอาการเจ็บเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะกะปริมาณส่วนผสมดินระเบิดผิดส่วน
ซ่านเชียนหยวนที่ข้างใต้รีบยกร่างคืบคลานขึ้นมาพลางดึงกู้อ้าวเวยขึ้นจากพื้น โดยคุ้มครองไว้ที่ด้านหลังเพื่อป้องกันคนจะเข้ามาโจมตีอีกครั้ง
กู้อ้าวเวยนำยาอีกเม็ดยัดเข้าไปในปากเขาแล้วจึงลากเขาหนีออกไป
ท่ามกลางควันฝุ่น มองเห็นด้านหน้าได้ไม่ชัดเจน
บังเอิญได้ชนเข้ากันอย่างแรง โชคดีที่มือข้างหนึ่งดึงกู้อ้าวเวยไว้ได้ นางยังไม่ทันมองเห็นชัดๆ คนเบื้องหน้าก็ดึงนางหนีออกไป เมื่อห่างจากควันฝุ่นนางถึงได้เห็นใบหน้ามืดคล้ำของซ่านจินจื๋อแต่กลับรู้สึกว่าน่าขบขันมากกว่า “นี่คือเพลิงอัสนีที่หม่อมฉันทำขึ้นเพคะ ท่านอ๋องกังวลไปใย?”
ซ่านจินจื๋อเหลือบมองเห็นหลังมือของนางที่เริ่มแดง มุมกระโปรงถูกไหม้เล็กน้อยบางทีอาจจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เหยียบโดน ชะตายังดีที่ไม่ปะทุติดไฟขึ้นมา
“ไม่เป็นไรสินะ” ซ่านจินจื่อได้แต่สะกดกลั้นความโกรธในใจ คนรอบๆก็ต้องการฝ่าเข้าไปในกลุ่มควัน กู้อ้าวเวยจึงโยนขวดหยกยาถอนออกไป หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาจึงย่อกายลงไปจับชีพจรของซ่านเชียนหยวนแล้วจึงเงยหน้าขึ้นบอกกับซ่านจินจื๋อ “เขาได้รับพิษ ผู้ลงมือย่อมเป็นเซิ่นโหลว”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วมุ่น จึงให้เฉิงซานพาเขาไปร้านยาจี้ซื่อถาง
ในเวลานั้น องค์ชายสามซ่านเซิ่งหานได้รีบต้อนคนภายในร้านสุรา ลี่วานที่ไม่เห็นซ่านเชียนหยวนรีบเข้ามาสอบถามกับซ่านจินจื๋อด้วยดวงตาที่แดงรื้น “ท่านอ๋อง..องค์ชายสี่เขา…”
เมื่อโบกมือไหวๆ กุ่ยเม่ยก็ได้พุ่งออกมาจากกลุ่มควันแล้วพาลี่วานไปร้านยาจี้ซื่อถาง
ฉางอีฉินถูกทำให้หวาดกลัวไม่เบา มีเพียงเยว่และฉีหรัวที่แค่ตื่นตระหนกเล็กน้อย ฉีหรัวเมื่อพบกู้อ้าวเวยก็เข้ามาทักถามไถ่อย่างละเอียดปล่อยให้อ๋องจิ้งที่อยู่ข้างๆยืนอยู่เฉยๆ
ซ่านจินจื๋อเองก็กำลังเฝ้า สั่งคนให้คนนำตัวองค์ชายหกที่อยู่ในกลุ่มควันออกมา
หลายคนรวมตัวกันอีกครั้ง สององค์ชายและหนึ่งองค์ชายาต่างม้วนตัวเข้าสู่วังวนของเหตุการณ์นี้ กู้อ้าวเวยย่อมไม่ต้องการอยู่นานจึงสะกิดหลังมือของฉีหรัวพูดกระซิบว่า “ข้ากลับไปโรงยาก่อนนะ”
“ข้าเองก็จะไปกับท่าน เสี่ยวหลินเจ้าก็มาด้วย” ฉีหรัวเดินมาคว้าตัวฉีหลินไป
“ชิงต้าย” กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้ว่าได้พบอะไรบางอย่างเข้าจึงเรียกชิงต้ายให้รีบจากไป องค์ชายหกก็อยากตามมาด้วยแต่ซ่านจินจื๋อกลับขวางไว้ “เรื่องของเซิ่นโหลวฝ่าบาทมอบหมายให้เจ้าแล้ว”
“แต่เวยเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ” ซ่านจวนฮ่าวตึงเครียดขึ้นมาในทันที เขาคิดว่าถ้าหากคลี่คลายปัญหาพวกเหลือเดนเซิ่นโหลวให้เร็วกว่านี้ กู้อ้าวเวยก็อาจไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นความผิดพลาด
“ให้ความสำคัญกับส่วนรวม” ซ่านจินจื๋อทิ้งประโยคตักเตือนนี้ไว้ก่อนรีบจากไป
ซ่านจวนฮ่าวยืนอยู่ที่เดิมด้วยแววตาเยียบเย็น ได้สั่งคนให้รอ หลังจากที่กลุ่มควันหายไปค่อยนำคนไปคลี่คลาย
……
ภายในโรงยา กู้อ้าวเวยไม่สนใจมุมกระโปรงที่ถูกไหม้ ได้เอาแต่ฟังฉีหรัวที่นำเหตุการณ์ในภัตตาคารไป๋เว่ยเล่าซ้ำอีกรอบจนช่วงสุดท้ายนางถึงได้ลดเสียงเป็นเสียงกระซิบ “คุณชายกู้พบสองคนที่ทำการโจมตี เขาจึงตามไปเพียงลำพัง ข้าให้เขารอชั่วครู่ถ้าหาไม่เจอให้รีบกลับมาทันที”
กู้อ้าวเวยพยักศีรษะอย่างขึงขัง ยืนยันว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่พบเห็นกู้เหยียนจือ
ฉีหลินกลับเกาหัวด้วยความประหลาดใจ “ท่านสร้างศัตรูมากเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ข้าคิดว่า หากเรื่องนี้ดำเนินการโดยเซิ่นโหลวทั้งหมด ข้ามั่นใจได้ว่าซูพ่านเอ๋อร์กับเซิ่นโหลวมีข้อตกลงกันอย่างลับๆ” กู้อ้าวเวยหลุบเปลือกตาลงวันนี้นางถูกรั้งไว้อย่างน่าอัศจรรย์แล้วยังมีการพูดวิเคราะห์ของชิงต้าย
“แต่วันนี้มีคนคนสองกลุ่ม ไม่อาจพูดได้ว่าซูพ่านเอ๋อร์สามารถติดต่อกับเซิ่นโหลวได้แล้ว” ฉีหลินเพิ่งจะเข้าใจ
ผ่านไปไม่นานบานประตูของโรงยาถูกเปิดออก กู้เหยียนจือเดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ แสดงให้เห็นว่าเมื่อตนเข้าไปในป่าก็ไล่ตามไม่ทัน เรียกทหารรักษาประตูเมืองแล้วแต่ก็ตามไม่ทันอยู่ดีจึงได้ถอนกำลังกลับจวน
เมื่อรวมตัวกัน โชคดีที่ทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยลูบไล้ขอบถ้วย นางกำลังคิดว่าถ้าหากซูพ่านเอ๋อร์กับเซิ่นโหลวมีความแค้น แล้วนอกจากนี้ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่มีความแค้นกับองค์ชายสี่ มันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ แต่เมื่อมีสายตาของกู้เหยียนจือและฉีหรัวนางอยู่ด้วยกลับไม่กล้าเอ่ยปากบอกกล่าว
เสียงฝีเท้าม้าค่อยๆใกล้เข้ามา
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นเห็นซ่านจินจื๋อลงจากมาเดินมาพอดี คนรอบๆทยอยลุกขึ้นยืนให้การคำนับ มีเพียงนางที่ลุกขึ้นยืนแล้วเอาแต่มองเขา “ท่านอ๋องไม่ควรไปจัดการเรื่องที่เกิดในเมืองหรือ? เรื่องเพลิงอัสนีไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนะเพคะ”
“เรื่องของเพลิงอัสนีละไว้ก่อน” ซ่านจินจื๋อสาวเท้ายาวๆมาถึงร่างนาง “องค์ชายหกกับเจ้า….”
“เป็นความจริงใจ” กู้อ้าวเวยเอ่ยปากก่อน ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเขา “ท่านอ๋องสมควรให้ความสำคัญกับองค์รวม เมื่อสักครู่องค์ชายสามอยู่ที่นั่น ฉีหรัวไม่สะดวกเอ่ย พวกเราเพิ่งจะหารือกันเมื่อสักครู่ คนกลุ่มนั้นคล้ายกับว่าไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกัน เกรงว่าจุดประสงค์ของใครบางคนเป็นองค์ชายสี่ ระยะนี้เขามีศัตรูหรือไม่?”
“ถ้าหากพูดถึงศัตรูก็มีเพียงองค์ชายหกซ่านจวนฮ่าว” นัยน์ตาของซ่านจินจื๋อเย็นเยียบลง
กู้อ้าวเวยสับสน
หากซ่านจวนฮ่าวต้องการสืบทอดราชบัลลังค์ ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับบรรดาพี่ชาย ศัตรูที่มีคุณค่าเพียงหนึ่งเดียวก็คือซ่านเชียนหยวนที่ฐานะเท่ากันโดยมีผลงานในการรบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเบื้องหลังของซ่านเชียนหยวนที่ยังมีซ่านจินจื๋อ
เมื่อคำนวณดูแล้ว ซ่านจวนฮ่าวต้องการจะให้องค์ชายสี่ตายนั้นไม่น่าเป็นไปได้
ซ่านจินจื๋อเห็นนางสับสนเล็กๆ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิดจึงไล่คนอื่นๆออกเหลือเพียงแค่สองคนที่ยืนอยู่ในลาน เขาได้จับข้อมือนางอย่างรุนแรง “เจ้าเชื่อใจองค์ชายหกเกินไป ฉลาดเฉลียวเช่นเจ้ายังไม่มีความระแวงเขาสักครึ่งส่วน
เมื่อถูกพูดความในใจออกมากู้อ้าวเวยจึงลังเลเล็กน้อยแล้วประสานสายตามองเขาตรงๆ “หม่อมฉันมั่นใจที่เชื่อเขาเพคะ”
“เพราะว่าเขามีใจให้เจ้างั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อไม่หยุดที่จะเพิ่มกำลังมากขึ้นอีก ราวกับคำสัตย์สาบานเมื่อคืนวาน ความรักและเทิดทูนในวันนี้ล้วนเป็นเพียงฝันที่หลอกให้ดีใจเก้อ
กู้อ้าวเวยเจ็บในตรงที่โดนจับแต่กลับไม่ยินยอมอ่อนข้อ “เพราะว่ามีเพียงเขาที่มอบมีดเล่มหนึ่งให้กับหม่อมฉัน แค่เพราะหม่อมฉันชื่นชอบมัน”
ขณะที่กล่าวนางก็หยิบเล่มมีดอันประณีตออกมา
เดิมทีนางต้องการใช้มันเพื่อป้องกันตัว แต่สุดท้ายกลับเสียดายจึงเสี่ยงเข้าตาจนระเบิดขวดยา…
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ซ่านจินจื๋อก็ยิ่งโกรธมากขึ้น กู้อ้าวเวยก็เตรียมที่จะรับโทสะของเขาใครจะรู้ได้เล่าว่าเขาจะคลายมือแล้วจิ้มที่หลังมือของนางแทน “บาดแผลก็ไม่จัดการให้เรียบร้อย”
“ท่านไม่โกรธหรือ?” กู้อ้าวเวยอัศจรรย์ใจ
“ข้าโกรธที่มอบชุดเข็มเงินให้กับเจ้าในตอนนั้น หรือเจ้าจะแก้ตัวว่าขอมันเพื่อส่งให้กับหยุนชิงหยาง” ซ่านจินจื๋อมองกระเป๋าเข็มรอบเอวของนาง
“จะว่าไป ตอนนั้นเจ้าเห็นว่าข้าไม่เคยมอบของให้กับท่านปู่ แต่กลับไม่เคยขอกับข้าเลย” กู้อ้าวเวยใจเต้นดั่งกลองรัว รู้สึกผิดสามส่วน หวั่นไหวหกส่วนแล้วยังมีความสับสนอีกหนึ่งส่วน ทว่าปากยังคงถามต่อ “ตอนนั้นท่านมีใจให้กับข้าแล้วงั้นหรือ ใช่ไหม?
ซ่านจินจื๋อนิ่งเงียบไม่พูดจาเอาแต่ลูบใบแก้มของนาง “อย่างไรเจ้าตอนนี้ก็เป็นของข้าแ