บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 130
บทที่ 130 อาวุธลับป้องกันตัว
“ข้างั้นหรือ?”กู้อ้าวเวยสนใจแต่รับชามข้าวกับตะเกียบของตน “ไหนเล่าให้ข้าฟังสิ”
รอยฝ่ามือที่ประทับบนใบหน้านั้นเสียลูกตามากเกินไปหน่อย ยามนี้สายตาหลายดวงค่อยๆมองมา นางจึงก้มหน้าลง หยดน้ำใสๆกลิ้งอยู่ในดวงตา “หม่อมฉันก็แค่หวังว่าเขาจะใส่ใจเรื่องวุ่นวายของพระชายาจิ้งน้อยลงบ้าง เขาถึงได้ตบหม่อมฉันแล้วยังบอกต้องการถอนหมั้น”
เมื่อพูดว่า ถอนหมั้น ออกมา หยดน้ำใสๆในดวงตาก็ทำท่าจะรินไหลออกมา
ทุกสายตาของคนในที่นี้ล้วนจ้องมองมาที่ร่างกู้อ้าวเวย มีเพียงเซี่ยวไห่ที่รั้งสายตาไว้แล้วหันไปมองซ่านจินจื๋อ ดูคล้ายกำลังเยาะเย้ยที่พระชายาจิ้งได้กระตุกหัวใจผู้คนมากน้อยเท่าไหร่
ซ่านจินจื๋อเอาแต่นิ่งเงียบ สีหน้าเป็นปกติจนดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
กลับถูกกู้อ้าวเวยเข้าโหมดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาและเพิ่มถ้วยน้ำแกงส่งถึงเบื้องหน้าลี่วาน “ลี่วาน คำพูดนี้ข้าเองก็เห็นด้วยว่าครั้งนี้เป็นปัญหาขององค์ชายสี่ ในเมื่อท่านพูดไปแล้ว พรุ่งนี้ท่านอ๋องจะต้องทวงความเป็นธรรมให้เจ้าแน่ ตอนนี้อย่าได้ปล่อยให้ท้องหิวเลย”
ขณะมองดูถ้วยน้ำแกง ลี่วานกลับยิ่งสับสน
หรือพระชายาจิ้งมิได้ตำหนิคำพูดของนาง? หรือค่อยพูดอะไรที่มีสาระกว่านี้ ทำไมจึงยื่นถ้วยน้ำแกงมา
เมื่อชิงต้ายเห็นสถานการณ์ จึงดันกู้อ้าวเวยเบาๆพร้อมกับโค้งเอวกระซิบบอก “แม่นางลี่วานพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สมควรคาดหวังท่านอ๋องสามารถหารือวิธี ยามนี้ท่านอ๋องรอท่านกลับมาตัดสินเพคะ”
หางคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย กู้อ้าวเวยคาดไม่ถึงว่านี่ความหมายที่ซ่านจินจื๋อรอตนมาทานข้าว
เมื่อชิงต้ายเตือน นางจึงค่อยนึกได้ว่าทำไมตนไม่คาดเดาความคิดตรงหน้าเสียก่อน แล้วควรตอบกลับอย่างระมัดระวัง ยามนี้จึงได้แต่กระแอมไอเบาๆ “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปพบองค์ชายสี่…”
“เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ ก็ลงมือทานกันเถิด” ซ่านจินจื๋อรีบสอดรับคำ
ซูพ่านเอ๋อร์กับกู้จี้เหยาเดิมต้องการจะอ้างเรื่องนี้พูดเพิ่มเติมแต่ถูกซ่านจินจื๋อเจตนาตัดบทจึงได้แต่เงียบปาก
“พี่จื๋อ น้ำแกงวันนี้เหมือนกับว่ารสแปลกๆ ข้าขอกลับไปทานที่ห้องเองดีกว่า” ซูพ่านเอ๋อร์เห็นซ่านจินจื๋อเป็นเช่นนี้ในใจบังเกิดความริษยา ขณะที่มองดูกับข้าวบนโต๊ะอาหารความอดทนก็ได้หมดลง ไม่รอให้ซ่านจินจื๋อตอบนางก็พาจิ่นซิ่วลุกออกไป
กู้อ้าวเวยชำเลืองมองชามน้ำแกงด้วยความแปลกใจจึงทดลองชิม
รสชาติหอมหวาน นางจึงได้รู้ว่าซูพ่านเอ๋อร์อารมณ์ไม่ดี ทว่าอารมณ์นางกลับดีอย่างตรงกันข้าม
แววตาของซ่านจินจื๋อทอดมองซูพ่านเอ๋อร์ในท้ายที่สุดจึงลุกตามไป ผู้คนบนโต๊ะถึงค่อยถอนหายใจ เซียวไห่จึงพูดขึ้นต่อ “พระชายาจิ้ง ถงโจวจะแต่งงานในเร็ววันนี้เพียงแต่คนในดวงใจของเขานั้นร่างกายนับวันอ่อนแอลงแต่กลับหาสาเหตุไม่พบ ไม่ทราบท่านจะสามารถ….”
“เวลาน่ะมี เพียงแต่ระยะนี้ต้องเร่งผลิตสมุนไพรของร้านยาจี้ซื่อถาง เกรงว่าจะรักษาได้ในโรงยาเท่านั้น” กู้อ้าวเวยจนปัญญากับฤดูร้อนใกล้เข้ามา ไม่ต้องพูดถึงที่ต้องเตรียมยาต้มขับไล่ความร้อน ยารักษาแผลฟกช้ำในชีวิตประจำวันก็แทบล้นมือนางอยู่แล้ว
ต้องโทษนายท่านเฮ่อที่บอกว่าใบสั่งยานางไม่อาจรั่วไหล มิฉะนั้นก็ไม่จำเป็นใช้นางช่วยจัดการแล้ว
”
“วันพรุ่งข้าจะพานางมา รบกวนพระชายาแล้ว”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าตอบรับ เมื่อจัดการข้าวในชามตนเองจนเกลี้ยงก็เลยออกมาก่อนโดยไม่ทันเห็นสายตาเย็นเยียบผิดปกติของลี่วานที่มองนางเลยแม้แต่น้อย
คืนนี้ต้องพักที่วิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยอาบน้ำชำระร่างกายก่อนแล้วจึงไปนั่งหน้าโต๊ะหนังสือขณะที่เส้นผมยังเปียกชื้น นางเปิดหน้าต่างบานใหญ่ สายลมในยามกลางคืนนั้นเย็นเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยที่กู้เหยียนจือจะได้เวลาว่างมาฝึกกระบี่
ทุกอย่างสงบสุขมาก มีเพียงหลังมือของนางที่ปวดแปลบจึงได้ใส่ยาใหม่ แต่ก็ไม่มีใจจะอ่านหนังสือต่อ วันนี้ไม่เหมาะที่จะสัมผัสโดนน้ำจัดการกับสมุนไพร จึงสวมเสื้อไปร่วมคุยกับชิงต้ายที่เรือน “ชิงต้าย เห็นได้ชัดว่าเจ้าฉลาด ก่อนหน้าที่ไม่เคยได้ยินเจ้าเตือนข้าสักประโยค ดีแต่ปล่อยให้ข้าทำตามสัญชาตญาณ”
“ระยะนี้พบว่าคุณหนูได้เปลี่ยนไป จึงได้กล้าพูดเจ้าค่ะ” ชิงต้ายยกกาน้ำชาร้อนๆมาวาง
“เปลี่ยนไปอย่างไร? หรือว่าแต่ก่อนข้าไม่ได้เป็นแบบนี้หรือ?” กู้อ้าวเวยมองนางด้วยความใคร่รู้
ชิงต้ายเติมน้ำชาให้นางด้วยท่าทางอันคล่องแคล่วแล้วจึงนั่งลงที่ข้างกู้อ้าวเวยอย่างเช่นเมื่อก่อนพลางกระซิบบอก “คุณหนูในอดีตนิสัยโสโอหัง ไม่ว่าใครจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง ฟังแต่ท่านปู่ผู้เดียว ยิ่งนานวันเข้าสาวรับใช้อย่างพวกเราไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยปาก”
กู้อ้าวเวยค้นหาความทรงจำของร่างเดิมอยู่ครู่หนึ่งจึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ “พูดมีเหตุผล แต่ปกติเจ้าใจเย็นสงบเสงี่ยม แตกต่างจากหยินเชี่ยวที่ร่าเริง ทำไมจึงกลายเป็นสหายกันได้?”
“ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหนูชื่นชอบนิสัยของหยินเชี่ยวหรือเจ้าคะ” ชิงต้ายสีหน้าจนใจ กู้อ้าวเวยไอแห้งอยู่สองสามที เป็นที่แน่ชัดว่านางในอดีตต้องก่อความวุ่นวายอย่างร้ายกาจ
แต่ยามนี้หยินเชี่ยวดูแลโรงยาเป็นระเบียบเรียบร้อย หยุนฝูขี้เกียจจนเกินกว่าจะพูดมาก มีแต่ยามที่พบกู้อ้าวเวยถึงได้พูดสักหลายประโยค เช่นนี้กล่าวได้ว่านิสัยของทั้งสามคนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ได้มาอยู่ด้วยกันนับว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา
นางที่กำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะนำหยินเชี่ยวกับหยุนฝูกลับมาดีหรือเปล่า ชิงต้ายที่อยู่ด้านข้างก็ได้ลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับแล้วจากไป
นางตกใจเล็กน้อย ยังไม่ทันได้หันหลังกลับ ผมที่ยังปีกชื้นอยู่ก็ถูกคนฉวยเอาไว้ นายหายใจเบาๆแล้วจึงค่อยหันกลับก็กำลังเห็นซ่านจืนจื๋อรั้งมือกลับ “ท่านอ๋องมาทำอะไรที่นี่เพคะ”
“เพลิงอัสนีของเจ้าได้มาจากที่ใด?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงชิงต้ายจึงได้รีบเข้ามาเติมน้ำชาให้เขา
“เป็นของที่ไม่ได้ตั้งใจทำขึ้นในสมัยก่อนเพคะ เรื่องในวันนี้เพียงแค่เหนือความคาดหมาย” กู้อ้าวเวยลูบปลายจมูกด้วยความร้อนตัว นางรู้ว่าว่าจะสร้างเพลิงอัสนีอย่างไร แต่นางกลับไม่ได้รู้ลึกมากเกี่ยวกับปริมาณส่วนผสมของเพลิงอัสนี”
ซ่านจินจื่อเห็นดังนี้ก็กุมมือของนาง “เจ้าใช้เพลิงอัสนีจนก้อนอิฐบนพื้นเปิดขึ้นมา เจ้าน่าจะรู้ว่าการสร้างความอึกทึกเช่นนี้ต้องทำให้ชาวเมืองเทียนเหยียนหวาดหวั่น?”
กู้อ้าวเวยจู่ๆพลันนึกถึงการคาดเดาขององค์ชายสาม จึงพูดขึ้นต่อ “นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นความโกลาหลที่เซิ่นโหลวนำมาเป็นตัวล่อ ท่านอ๋องได้สังหารคนเหล่านั้นหรือไม่เพคะ?”
“ตระเตรียมล่อเสือออกจากถ้ำ แต่น่าเสียดายที่เมี่ยวหารแก้พิษของเจ้าไม่ได้”
“ไม่แปลกใจที่วันนี้ท่านอ๋องมาพบหม่อมฉัน พิษนั้นได้เพิ่มควันฝุ่น ยากที่จะแก้อยู่พอประมาณ ไม่สู้ท่านพาหม่อมฉันไปดูหน่อยไหมเพคะ?” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืนนำกระเป๋าเข็มและสมุนไพรอื่นๆออกมาจากในห้องถึงได้กวักมือเรียกซ่านจินจื๋อ
ซ่านจินจื๋อเห็นท่าทางที่ไปช่วยรักษาคนของนางก็จะรีบร้อนอย่างนี้เสียทุกครั้ง จึงได้แต่จนใจได้นำของบางอย่างที่ลักษณะเป็นกระบอกไม้ไผ่วางไว้ในมือนาง “ใส่เข็มเคลือบยาพิษของเจ้าเข้าไปในนี้วันหน้าเอาไว้ป้องกันตัว เพลิงอัสนีนั่นไม่ต้องใช้แล้ว”
กู้อ้าวเวยกลับไม่ตอบ เพียงแต่นำกระบอกไม้ไผ่ใส่เข้าไปในแขนเสื้อ
เพลิงอัสนียังคงต้องเตรียมการอีกหน่อย สิ่งนี้แน่นอนว่าไม่สามารถยอมถอยให้ได้
แต่ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้ไล่ซักถามต่อแค่พานางมาในเรือนจำ ทหารขององค์ชายหกกำลังเฝ้าเวรยามในคืนนี้ คนชุดดำหลายสิบคนนั้นถูกแบ่งกระจายอยู่ในสามห้องขัง
กู้อ้าวเวยมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อนึกถึงที่องค์ชายสามเคยคาดเดาไว้ว่าในกลุ่มนี้ต้องมีคนตระกูลหยุนอยู่ด้วย ภายในใจจึงมีวิธีการบางอย่าง
“หม่อมฉันจะดูจากตรงนี้ก่อนเพคะ” กู้อ้าวเวยเลือกคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ